ภาค 3 บทที่ 135 คิดถึงได้แต่ไม่อาจได้มา

Jun Jiu Ling หวนชะตารัก

บทที่ 135 คิดถึงได้แต่ไม่อาจได้มา Ink Stone_Romance

เด็กสาวทั้งหลายโดยเฉพาะเหล่าเด็กสาววัยแรกเย้ม มักจะมีเรื่องที่ไม่อาจบอกได้มากมายเสมอ

บางทีเป็นเรื่องปวดหัวเล็กน้อย บ้างเป็นความแค้นเล็กน้อย บางเป็นความชอบเล็กน้อย เรื่องเล็กน้อยที่เปิดเผยจิตใจของคนผู้หนึ่งได้เหล่านั้น ไม่มีใครยินดีบอกแก่ผู้อื่น

แต่ดูเรื่องที่คุณหนูจวินทำในหนึ่งปีนี้ หนิงอวิ๋นเจาไม่คิดว่านางจะมีปัญหาเล็กน้อยหรือความเคียดแค้นเล็กน้อย

สิ่งที่นางทำล้วนเป็นเรื่องใหญ่ วิ่งตรงไปเมืองหลวง ชื่อเสียงมากมาย ผลประโยชน์มากมาย

เรื่องที่นางบอกว่าไม่อาจพูดย่อมเป็นเรื่องใหญ่เช่นกัน

เรื่องที่ใหญ่อย่างที่สุด บอกไม่ได้ รวมถึงทำยากมาก

“สองคนทำอย่างไรก็ดีกว่าคนเดียวกระมัง” หนิงอวิ๋นเจาเอ่ย “ใครๆ ล้วนมีสิ่งต้องทำ แต่งานก็ต้องทำ ชีวิตก็ต้องใช้ ข้าหวังว่าข้าจะมีโอกาสทำด้วยกันกับเจ้า”

เจ้าจะสังหารฮ่องเต้ด้วยกันกับข้าหรือ? เจ้าจะเป็นขุนนางกบฏด้วยกันกับข้าหรือ?

คุณหนูจวินยิ้มส่ายศีรษะ

“คุณชายหนิง ข้าไม่เหมาะสมกับเจ้า ข้าเดิมทีอยากบอกว่าขออภัยอย่างยิ่งที่การแสดงความในใจเหล่านั้นที่เคยทำต่อเจ้ารวมถึงพวกเจ้า ทำให้พวกเจ้าเข้าใจผิด แต่ข้ารู้สึกว่าเจ้าคงไม่เข้าใจผิด” นางเอ่ย

เรื่องก่อนหน้านี้ย่อมหมายถึงความกระตือรือร้นอยากเป็นภรรยาหนิงอวิ๋นเจาท่าเดียวของจวินเจินเจินตอนนั้น นั่นเป็นความชมชอบเต็มๆ

ดังนั้นการตอบรับความชอบเช่นนี้เดิมทีควรเป็นเรื่องสมควรรวมถึงน่ายินดีอย่างยิ่ง

“แน่นอน หากเป็นเพราะเรื่องที่เจ้าเคยทำข้าถึงทำเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นคงไม่ต้องรอถึงวันนี้แล้ว” หนิงอวิ๋นเจายิ้มเอ่ย

ถ้าอย่างนั้นพวกเขาก็คงแต่งงานไปแล้ว ไม่เหมือนตอนนี้ การสารภาพความในใจครั้งที่สองของเขา ผลสุดท้ายก็ยังคงถูกปฏิเสธ

คิดเช่นนี้ ไม่รู้ควรเสียใจหรือไม่

แต่มองเด็กสาวตรงหน้า หนิงอวิ๋นเจาพลันมีความคิดประหลาดประการหนึ่งผุดขึ้นมาอีก หากพูดเช่นนั้น นางยังคงเป็นนางผู้นี้ที่เขาชอบตอนนี้หรือไม่?

ความคิดนี้ไร้ที่มาทั้งยังแปลกประหลาด ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ว่านี่หมายความว่าอย่างไรอยู่บ้าง

“ดังนั้น เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ผ่านไปแล้ว” คุณหนูจวินมองเขาเอ่ยจริงจัง

หนิงอวิ๋นเจายิ้ม

ครั้งที่สองถูกปฎิเสธคุ้นชินขึ้นหน่อยจริงๆ เหมือนไม่ได้กระอักกระอ่วนและอึดอัดเช่นนั้น

“ขอบคุณมากแล้วก็ดีใจมากที่เจ้าช่วยเหลือและเป็นห่วงเป็นใยข้า ความรู้สึกของเจ้าข้าเข้าใจแล้ว เพียงแต่ขออภัยอย่างยิ่ง” คุณหนูจวินเอ่ยต่อ พลางก้มศีรษะคำนับ

หนิงอวิ๋นเจารีบร้อนโบกมือ

“ไม่ไม่ ในเมื่อเจ้ารู้ว่านี่เป็นความรู้สึกของข้าแล้ว ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ไม่ต้องขออภัยหรอก” เขาเอ่ย “ข้ายังคงเอ่ยประโยคนั้น ดีใจนักที่เจ้าไม่ปฏิเสธความช่วยเหลือและความเป็นห่วงเป็นใยของข้า ขอบคุณ”

เขาพูดพลางก้มศีรษะคำนับเช่นกัน

การสารภาพความในใจและถูกปฏิเสธเช่นนี้ เดิมควรเป็นสถานการณ์ที่กระอักกระอ่วนชอกช้ำ สองคนกลับขออภัยกันอย่างจริงใจ บรยากาศแปลกพิกลแต่ก็กลมเกลียวอย่างยิ่ง

แน่นอนย่อมกลมเกลียว นางก็ยังคงเป็นนางเช่นนี้

สองคนสบตากันทีหนึ่ง แล้วหัวเราะอีกครั้ง

“นี่ควรจะพูดแรงหน่อยใช่หรือไม่ ไม่ใช่ว่ากันว่าเรื่องเช่นนี้ต้องเด็ดขาดหนึ่งดาบสะบั้นสองท่อน ไม่ให้อีกฝ่ายเหลือความหวังสักนิดถึงเรียกดีกับอีกฝ่ายอย่างแท้จริง” คุณหนูจวินเอ่ย

หนิงอวิ๋นเจาหัวเราะฮ่าฮ่าแล้ว

“นี่ไม่จำเป็น” เขาเอ่ย “ข้าก็ไม่ใช่พวกไม่เห็นแม่น้ำเหลืองไม่ตัดใจจำพวกนั้น ยิ่งไม่ใช่คนที่ปรารถนาแล้วไม่ได้มาก็หมดอาลัยตายอยาก”

คุณหนูจวินยิ้มทีหนึ่งไม่เอ่ยวาจาอีก

“นอกจากนี้บนโลกนี้ได้พบคนที่ชอบกับสิ่งที่ชอบเป็นฟ้าประทานให้ ความสุขที่ดีงามทั้งเยี่ยมยอดเช่นนี้ ต้องดื่มด่ำให้ดีๆ ไม่ใช่ทุกข์ทรมานเพราะมัน แล้วก็ไม่จำเป็นต้องให้ตนเองเปลี่ยนไปสิ้น” หนิงอวิ๋นเจายิ้มเอยต่อ “คุณหนูจวินวางใจ”

คำอธิบายเช่นนี้ฟังแล้วกลับน่าสนใจ

“เจ้าใช้ชีวิตได้ลึกซึ้งสบายๆ เช่นนี้ ทำให้คนอิจฉาจริงๆ” คุณหนูจวินยิ้มเอ่ย

“ใช่แล้ว ข้าคนดีเช่นนี้ เจ้าไม่คิดดูอีกสักทีจริงหรือ?” หนิงอวิ๋นเจายิ้มเอ่ย

คุณหนูจวินหัวเราะฮ่าฮ่าแล้ว หัวเราๆ ไปก็โศกเศร้าอยู่บ้างอีก

“ใช่สิเจ้าคนดีปานนี้ ข้าทำไมไม่ชอบนะ” นางยิ้มขมขื่นเอ่ย “นี่ไม่มีเหตุผลจิงๆ”

หนิงอวิ๋นเจาก็หัวเราะฮ่าฮ่าบ้างแล้ว

“เรื่องเช่นนี้เดิมทีก็ไม่มีเหตุผล” เขาเอ่ย “พูดเช่นนี้ ข้ายังโชคดีกว่าเจ้าอยู่มาก”

คุณหนูจวินฉวยกาน้ำชาด้านข้างขึ้นรินให้ทั้งสองคน

หนิงอวิ๋นเจาไม่ได้เอ่ยต่อ ยกถ้วยชาขึ้น สองคนดื่มคำเดียวหมดอีกครั้ง

“ถ้าอย่างนั้นข้าคงต้องขอตัวก่อนแล้ว” เขาเอ่ย “เรื่องที่หอซุ่นเต๋อด้านนั้นยังต้องจัดการ พอดีอาศัยโอกาสที่ท่านยายของเจ้ากับท่านพ่อพบหน้ากันมีเหตุผลให้ยกเลิกสัญญาหมั้น”

คุณหนูจวินพยักหน้าคำนับเขา

“ใช่ ไม่อาจถ่วงเจ้าต่อได้แล้ว” นางยิ้มเอ่ย

“ไม่มีใครถ่วงข้าได้” หนิงอวิ๋นเจายิ้มเอ่ย ลุกขึ้น ประสานมือคำนับ “ขอตัว”

คุณหนูจวินลุกขึ้นส่ง มองหนิงอวิ๋นเจาหมุนตัวก้าวยาวจากไป เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็หันกลับมาอีกครั้ง

“เกือบลืม ข้าเลี้ยง” เขายิ้มบอก วางเงินหลายอีแปะไว้บนโต๊ะ

คุณหนูจวินหัวเราะฮ่าฮ่าแล้ว คำนับเขาอีกครั้ง

“ลาก่อน” นางเอ่ย

“เดินทางปลอดภัย ระหว่างทางระวังตัว” หนิงอวิ๋นเจาแย้มยิ้มเอ่ย “ต่อให้ต้องทำสิ่งใด สิ่งแรกคือต้องมีคน คนอยู่งานถึงสำเร็จได้”

คุณหนูจวินพยักหน้า

“ใช่ ข้ารู้แล้ว” นางเอ่ย “ขอให้เจ้าเดินทางปลอดภัยเช่นกัน”

จัดการเรื่องสัญญาหมั้นแล้ว เป้าหมายที่หนิงอวิ๋นเจากลับหยางเฉิงก็บรรลุแล้วเช่นกัน เขาก็ควรกลับเมืองหลวง เริ่มต้นชีวิตขุนนางของเขา

หนิงอวิ๋นเจายิ้มประสานมืออีกครั้ง หมุนตัวก้าวเท้า คุณหนูจวินไม่ได้รั้งไว้อีก เลิกม่านไม้ไผ่ที่ทิ้งตัวอยู่ขึ้น จากไปอีกทิศทางหนึ่ง

คนเดินเท้าบนถนนร้อนระอุไม่มาก ชั่วขณะหนึ่งไม่มีใครสังเกตหนุ่มสาวอายุน้อยที่หันหลังจากกันไปสองคนนี้

หลิ่วเอ๋อร์กระโดดออกมาจากร่มเงาข้างกำแพง ถือร่มคันหนึ่งเหนือศีรษะคุณหนูจวิน บังแสงตะวันร้อนระอุ

มีคนเดินออกมาจากในตรอกด้านหน้าอีกครั้ง มองเห็นคุณหนูจวินที่ถือร่มเดินอยู่คนนี้ก็จะก้าวเข้าไป

“ช่างมัน” จินสือปารั้งพวกเขาไว้ สายตามองไปยังหนิงอวิ๋นเจาที่เดินไปอีกด้านหนึ่งไกลแล้ว “คุยจบแล้ว”

“คุยจบแล้วก็พานางไปสิขอรับ ไม่ต้องทั้งวันวิตก” บุรุษคนหนึ่งเอ่ยไม่สบอารมณ์

จินสือปายิ้ม พยักเพยิดคางไปทางถนน

แม้ร่มกระดาษบังอยู่ คุณหนูจวินที่เดินอยู่ก็ยังถูกชาวบ้านสังเกตพบ คนมากมายนักล้วนกระตือรือร้นล้อมเข้ามา แต่ไม่กล้าขวางทางเดินของคุณหนูจวิน ล้วนห้อมล้อมอย่างดีอกดีใจติดตามไป

“นั่นก็ไม่ใช่พาตัวไปไม่ได้” บุรุษคนหนึ่งเอ่ยดูแคลน

จินสือปายิ้ม

“มีโอกาสที่ดีกว่านี้ได้ ย่อมต้องเลือกโอกาสที่ดีกว่า” เขาเอ่ย “โอกาสดีจะมาเดี๋ยวนี้แล้ว”

……………………………………….

“นายหญิง นายหญิง”

มีหญิงรับใช้รีบบร้อนวิ่งเข้ามา

“ไม่ดีแล้ว”

นายหญิงใหญ่หนิงนอนอยู่บนเตียงสีหน้าอ่อนระโหยโรยแรง กำลังแปลกใจอยู่ว่าวันนี้ทำไมพวกผู้หญิงในบ้านไม่มารบกวนนาง

“อะไรไม่ดีแล้ว บอกข้ามา ยังมีเรื่องอะไรไม่ดียิ่งกว่าลูกชายของตนเองจะแต่งงานอีก” นางเอ่ยเสียงระโหย

หญิงรับใช้อยากพูดแล้วก็หยุด

“สัญญาหมั้นระหว่างคุณชายกับคุณหนูจวินยกเลิกแล้ว” ในที่สุดนางก็กัดฟันเอ่ยออกมา

นายหญิงใหญ่หนิงทะลึ่งลุกขึ้นนั่ง สีหน้าตกตะลึง

“อะไรนะ?” นางเอ่ยถาม “สัญญาหมั้นยกเลิกอีกแล้ว?”

คำว่าอีกแล้วนี้ใช้ได้ดีจริงๆ หญิงรับใช้คิดในใจ

“ตอนนายท่านใหญ่กับนายหญิงผู้เฒ่าฟางหารือเรื่องแต่งงาน ไม่ทราบเป็นอย่างไรทะเลาะกันขึ้นมา หลังจากนั้นก็ไม่พอใจแยกย้าย ยกเลิกแล้ว” นางเอ่ยเสียงเบา “ในเมืองคนมากมายล้วนเห็น”

ตอนหารือเรื่องแต่งงานทะเลาะกันขึ้นมาก็ไม่พอใจแยกย้าย ยกเลิกแล้ว?

นายหญิงใหญ่หนิงตะลึง

ตามหลักแล้วได้ยินข่าวนี้นางควรดีใจ แต่ทำไมดันดีใจไม่ออก?

ที่ว่าไม่พอใจแยกย้าย ทะเลาะกันขึ้นมาสาเหตุย่อมไม่ใช่นายท่านใหญ่หนิง สาเหตุต้องเป็นยายเฒ่าคนนั้นของตระกูลฟางแน่ ไม่ สาเหตุคือคุณหนูจวินคนนั้น

ถึงกับถูกนางยกเลิกสัญญาหมั้นอีกครั้งแล้ว?

นี่เป็นครั้งที่สองแล้ว ลูกชายของนางกลายเป็นอะไรไปแล้ว!

น่าโมโหนักจริงๆ!

“พวกนางบอกว่าแล้วกันไปก็แล้วกันไปหรือ?” นายหญิงใหญ่หนิงกระโดดลุกขึ้นจากเตียง “เห็นหนังสือสัญญาหมั้นเป็นอะไรไปแล้ว? นี่ไม่ใช่รังแกคนรึ?”

หญิงรับใช้ร้องอ๋า ชั่วขณะไม่ทันตอบสนอง มองนายหญิงใหญ่หนิงก้าวไวๆ เดินไปข้างนอก

“ใครมานี่ซิ ใครมานี่ซิ เอาหนังสือหมั้นออกมา เรื่องนี้พวกนางอย่าคิดจะเลิกแล้วกันเท่านี้!”

……………………………………….