คำสั่งซื้อสำหรับงานเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วงนั้น มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ บริษัท หลัวฝาง มั่นคงขึ้นไปอีกระดับ ตอนนี้พวกเขาอยู่ไม่ไกลไปจากการนำ บริษัท กลับคืนมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เสี่ยวหลัว เขาขมวดคิ้วอย่างเคร่งขรึม เขาพึ่งได้รับข่าวร้ายมา: การฟ้องร้อง ฉัน เจียนไป่ มันล้มเหลว ผลของการไต่สวนของศาลในครั้งแรกนั้นมันแย่มาก และมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับ หลัวฝาง เลย เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ ของพวกเขาก็คือ Taste Buds นั้นได้แต่งตั้งทนายฝีมือดีมาช่วย เฉิน เจียนไป่
“ทนายความที่เป็นตัวแทนของ เฉิน เจียนไป่ เขาชื่อ ฝูเฮ่ย ชื่อเสียงของเขานั่นควบคู่ไปกับ จี เซินเจิ้น เขาเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนและทนายที่ดีที่สุดในเมือง ด้วยลิ้นที่แหลมคมของเขา เขาสามารถบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อเอาชนะข้อโต้แย้งของฝั่งตรงข้ามได้อย่างง่ายดาย นอกเหนือจากครั้งนั้นครั้งเดียวที่เขาแพ้ จี เซินเจิ้น แล้วเขาก็ไม่เคยแพ้คดีอื่นอีกเลย ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้รับการยกย่องจากสาธารณชนในชื่อ”นักปราศรัย ฝู” จาง หยง หัวหน้าฝ่ายกฎหมายของบริษัทรายงานผลกับเสี่ยวหลัว ใบหน้าของเขาดูหม่นหมองและรู้สึกผิดหวังกับการทำงานที่ผิดพลาดของเขา
เสี่ยวหลัวไม่ได้ตอบกลับคำพูดของ จาง หยง เขาเพียงนั่งอยู่บนเก้าอี้และเบนสายตาของเขามองไปที่วิดีโอการไต่สวนครั้งแรกที่อยู่บนคอมพิวเตอร์ โดยไม่รู้ตัวเขาใช้นิ้วมือเคาะเบาๆ ไปบนโต๊ะเป็นจังหวะ
เมื่อเห็นเสี่ยวหลัว เป็นแบบนี้ มันทำให้ หลี่ จื่อเมิ่ง และ จาง หยง รู้สึกกดดันมาก ราวกับว่าพวกเขากำลังถูกเข็มทิ่มแทงอยู่อย่างไรอย่างนั้น พวกเขาไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมาเลยสักคำ
โดยเฉพาะกับ หลี่ จื่อเมิ่ง ในตอนแรกเธอมั่นใจมาก ด้วยการที่มีเทปบันทึกเสียงอยู่ในมือ เธอเชื่อมั่นว่า เฉิน เจียนไป่ จะต้องถูกฟ้องร้องอย่างแน่นอน เมื่อ เฉิน เจียนไป่ ถูกฟ้องร้อง ชื่อเสียงของ บริษันท หลัวฝาง ก็จะได้รับการแก้ไข แต่อย่างไรก็ตามเมื่อมี ฝู เฮ่ย เข้ามาแทรก เขาก็กลับดำให้เป็นขาวได้ในทีนที และศาลก็สนับสนุน เฉิน เจียนไป่ ศาลเชื่อว่า บริษัท หลัวฝาง ได้บังคับให้ เฉิน เจียนไป่ ให้ทำการบันทึกเสียง และ บริษัท หลัวฝาง ก็ได้ถูกสงสัยว่า ใช้การข่มขู่และใส่ร้าย และนั่นมันเป็นผลลัพธ์ทำให้ บริษัท ต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับ เฉิน เจียนไป่ หลายแสนหยวน
บริษัท หลัวฝาง เปลี่ยนจากโจทก์กลายไปเป็นจำเลยในทันที
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้มันทำให้พวกเขาประหลาดใจมาก ไม่มีใครคาดหวังเลยว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นเช่นนี้
“วิธีที่การที่เขาพูดมันเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่ามันไม่มีอะไรน่าอัศจรรย์เลยแม้แต่น้อย ฉันคิดว่ามันอาจมีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับ หลัวฝาง หลังจากที่ได้ดูวิดีโอ” เสี่ยวหลัว พูด พร้อมกับสูดลมหายใจยาว และแสยะยิ้มออกมา
“ประธานเสี่ยว เรายังมีโอกาสชนะคดีนี้ได้ ตราบใดที่เราสามารถมี จี เซินเจิ้น เป็นที่ปรึกษาของเรา เราก็ไม่จำเป็นที่เราจะต้องไปกลัว ฝู เฮ่ย” จาง หยง แนะนำ
สำหรับสถานการณ์ในตอนนี้ทำได้เพียงเชิญ จี เซินเจิ้น มาเป็นส่วนหนึ่งของทีมกฎหมายของพวกเขา และพวกเขาก็จะมีโอกาสชนะคดีความ หากพวกเขาล้มเหลวชื่อเสียงของ หลัวฝาง ก็จะประสบกับความตกต่ำครั้งใหญ่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าตอนนี้มันจะมีคำสั่งเพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิดสำหรับงานในเทศกาลไหว้พระจันทร์ แต่มันก็ไม่สามารถทำให้ บริษัท หลัวฝาง ยั่งยืนทางการเงินได้เป็นระยะเวลานานอย่างแน่นอน
เสี่ยวหลัว จ้องมองไปที่เขาด้วยสีหน้าที่เย็นชา“คุณเป็นหัวหน้าฝ่ายกฎหมาย มันเป็นความรับผิดชอบของคุณที่จะต้องทำหน้าที่ฟ้องร้องให้กับ บริษัท คุณไม่ควรคิดถึงวิธีการจ้างทนายข้างนอกมาช่วยเหลือ ฉันคิดว่าคุณควรคิดถึงวิธีที่จะชนะคดีนี้ให้ได้จะดีกว่านะ”
เมื่อได้ยินอย่างนี้ จาง หยง ก็ก้มศีรษะลงอย่างช้าๆ
ในขณะนั้น สวี่ กว่างซ่ง ก็ก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดว่า“ฉันมีศรัทธาในความสามารถของ จาง หยง แต่เบื้องหลังของคนที่มีความสามารถมันก็มักจะดีกว่าเสมอ ฝู เฮ่ย เขาเป็นหนึ่งในทนายความชั้นนำของเมืองเจียงเฉิง เพื่อความเป็นธรรม จาง หยง เขาจะต้องพ่ายแพ้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มันเหมือนกับการเปรียบเทียบรถไฟความเร็วสูงกับรถไฟธรรมดา เราไม่สามารถขอให้รถไฟธรรมดาวิ่งได้เร็วกว่ารถไฟความเร็วสูงได้ หากสิ่งที่เกิดขึ้นมันก็จะเป็นการผิดกฎของธรรมชาติ ฉันพูดถูกไหม?”
เห็นได้ชัดว่า สวี่ กว่างซ่ง กำลังพูดแก้ตัวให้กับ จาง หยง เพื่อบรรเทาความรับผิดชอบของเขา จาง หยง เขาไม่สามารถช่วยได้ ได้แต่มองไปที่ สวี่ กว่างซ่ง ด้วยความรู้สึกขอบคุณ
“คุณสวี่ คุณดูสงบมากดูเหมือนว่าผลลัพธ์นี้มันจะเป็นไปตามที่คุณคาดการณ์ไว้” เสี่ยวหลัว มองไปที่ สวี่ กว่างซ่ง แล้วถามออกมา
“ประธานเสี่ยว มันไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ ฉันบอกคุณไปแล้วเหรออย่าฟ้อง เฉิน เจียนไป่ แต่คุณก็ไม่ฟังฉันเลย”
สวี่ กว่างซ่ง พูดออกมาอย่างด้วยความขุ่นเคือง ” Taste Buds จะไม่ยืนเฉยเมื่อ เฉิน เจียนไป่ ถูกฟ้องร้อง อย่างแน่นอน ด้วยอิทธิพลของพวกเขา ไม่ต้องพูดถึง ฝู เฮ่ย เลยแม้แต่การจ้าง จี เซินเจิ้น มาเพื่อปกป้อง เฉิน เจียนไป่ นั้นมันก็เป็นไปได้ เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นแล้ว และมันก็ได้กำหนดเอาไว้แล้วว่า บริษัท หลัวฝาง จะต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ในฐานะนักข่าว เฉิน เจียนไป่ เขามีอิทธิพลต่อเครือข่ายของตัวเองมาก ฉันพนันได้เลยว่า ตอนนี้มันจะต้องมีผู้สื่อข่าวจำนวนมากที่กำลังเดินทางมาที่ บริษัท ของเราเพื่อขอคำอธิบายจากเราแน่”
ราวกับจะยืนยันคำพูดของเขา มิสหลิว จากฝ่ายบริการลูกค้า เคาะประตูห้องทำงาน เธอพูดกับเสี่ยวหลัวอย่างตื่นตระหนกว่า“ประธานเสี่ยว มีนักข่าว 50 ถึง 60 คนที่อยู่ข้างนอก บริษัท ของเรา พวกเขาอยากจะพบกับท่าน พวกเขากล่าวว่าพวกเขาต้องการคำตอบ จากท่านเกี่ยวกับสาเหตุที่ท่านข่มขู่ เพื่อนร่วมงานของพวกเขา และพวกเขาก็ยังมาพร้อมกับอุปกรณ์สัมภาษณ์อย่างเตรียมพ้อม โดยอ้างว่าพวกเขาจะเปิดเผยอาชญากรรมของ หลัวฝาง ให้ออกไปสู่สารธารณะชน”
“มาถึงจุดนี้จนได้!”
สวี่ กว่างซ่ง ถอนหายใจยาวออกมา“ฉันจะไปจัดการกับพวกเขาเอง คำถามของพวกเขาคงจะเป็นคำถามที่ยุ่งยากอยู่พอสมควร แต่ฉันคิดว่าฉันน่าจะสามารถจัดการกับพวกเขาได้”
ทันทีที่ สวี่ กว่างซ่ง พูดจบ เขาก็หันหลังกลับแล้วเดินออกไปจากออฟฟิศ
หลี่ จื่อเมิ่ง ขบฟันของเธอแน่น
“ไอเวรเอ้ย!”
ในฐานะที่เธอติดตามเสี่ยวหลัวไปเป็นการส่วนตัวเพื่อรวบรวมหลักฐาน เธอรู้สึกโกรธและหงุดหงิดมาก เห็นได้ชัดว่า เฉิน เจียนไป่ มันจงใจทำลายชื่อเสียงของ หลัวฝาง อย่างไรก็ตามหลังจากการไต่สวนของศาลครั้งแรก มันกลับมีคนกล่าวหาว่าพวกเขา เป็นคนที่ข่มขู่ เฉิน เจียนไป่ ให้รับสารภาพ ความจริงที่ถูกบิดเบือนแบบนี้ มันจะมีอะไรที่น่าเชื่อถืออยู่บนโลกนี้อีกไหม!
เสี่ยวหลัวจ้องมองเขาออกไปที่ด้านหน้าโดยที่ไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ การต่อกรกับ Taste Buds มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และตอนนี้ในที่สุดเขาก็ประสบกับมัน
ในขณะนั้นเองเสียงของโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น มันเป็นวิดีโอคอลจาก จาง ซูซาน
เขาโบกมือให้กับ หลี่ จื่อเมิ่ง กับ จาง หยง ให้พวกเขาออกไปจากห้องทำงาน การพูดคุยกับ จาง ซูซาน มันจะเป็นการทำลายภาพลักษณ์ที่สง่างามที่เขาเลี้ยงดูมาอย่างดีใน บริษัท เขาไม่ต้องการให้พนักงานเห็นสีหน้าที่แท้จริงของเขา
เมื่อทั้งสองออกไป เสี่ยวหลัว ก็ตอบรับคำขอวิดีโอคอลของ จาง ซูซาน
ใบหน้าอ้วนๆของ จาง ซูซาน ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือในทันที พร้อมกับมีเสียงดังอึกทึกที่ดังขึ้นจากด้านหลังของ จาง ซูซาน ตอนนี้ จาง ซูซาน เขาอยู่ที่หน้าประตูของ บริษัท หลัวฝาง ไม่เพียงแค่มี จาง ซูซาน เพียงเท่านั้น ที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ แต่มันยังมี เฟิง อู๋ฮั่น ที่สวมเครื่องแบบรักษาความปลอดภัย ปรากฏอยู่บนหน้าจออีกด้วย
ตามจุดแข็งของพวกเขา หลิน เฉาตง หัวหน้าแผนกทรัพยากรบุคคล ได้เสนอตำแหน่งพนักงานรักษาความปลอดภัยให้กับพวกเขาทำ ซึ่งมันเป็นงานที่ง่ายกว่างานของพนักงานธรรมดาเล็กน้อย และความแตกต่างของเงินเดือนมันก็ไม่มากนัก
“เสี่ยวหลัว สมองของฉันมันกำลังจะระเบิดแล้ว กลุ่มนักข่าวโง่ๆพวกนี้ บอกว่าเรา ข่มขู่ เฉินเจียนไป่ และพวกเขาก็กำลังถ่ายทอดสด พวกเขาบอกว่าพวกเขาต้องการให้แกออกมาข้างหน้าและให้คำอธิบายแก่พวกเขา หากแกไม่มีคำอธิบายที่ดีให้กับพวกเขา พวกเขาจะเขียนพาดหัวข่าว ให้กับ หลัวฝาง ในทางที่ไม่ดี” จาง ซูซาน กล่าว
“ช่างเป็นเรื่องปวดหัวซะจริง!” เสี่ยวหลัวลูบหน้าผากของเขา
จาง ซูซาน ตำหนิในทันที: “อย่าเพิ่งปวดหัว ไอ้พวกนี้มันหยิ่งมากเกินไปแล้ว แกลองฟังสิ่งที่พวกมันกำลังตะโกนดูสิ ว่ามันน่าหงุดหงิดมากแค่ไหน”
เมื่อ จาง ซูซาน สลับไปเป็นกล้องหลัง เสี่ยวหลัว ไม่เพียงแต่ได้เห็นใบหน้าที่น่าเกลียดของพวกนักข่าวเท่านั้น แต่เขายังได้ยินเสียงตะโกนของพวกมันด้วย
“บริษัท ที่ไร้ยางอาย คุณข่มขู่เพื่อนร่วมงานของเราด้วยวิธีการที่น่ารังเกียจ เราจะต้องเปิดเผยสิ่งนี้สู่สาธารณะชนให้ได้!”
“หากประธาน บริษัท ของคุณไม่ยอมมาสัมภาษณ์ เราก็จะอยู่ที่นี่ และมาลองดูสิว่าพวกคุณจะผลิตสิ้นค้าต่อไปได้อย่างไร”
“แสดงตัวออกมา! อย่าเป็นคนขี้ขลาด! ออกมาซะ ประธานของ บริษัท หลัวฝาง! คุณต้องออกมาอธิบายให้กับผู้สื่อข่าวของเมืองเจียงเฉิง เราต้องการคำตอบ!”
ฝูงนักข่าวเริ่มทำตัวก้าวร้าวมากขึ้น แต่ละคำพูดที่ออกมาจากปากของพวกเขามันเป็นคำพูดที่ไม่มีดีเลยสักนิด แน่นอนว่าการละเมิดทางวาจาทั้งหมดของพวกเขาไม่ได้รับการถ่ายทอดสดออกไป
เมื่อ สวี่ กว่างซ่ง ปรากฏตัวออกมา พวกเขาก็ยื่นไมโครโฟนเข้าไปประตูเหล็กในทันที และเปิดกล้องเริ่มทำการถ่ายทอดสด
“รองประธาน สวี่ ในการไต่สวนของศาลในครั้งแรก ศาลกล่าวว่า หลัวฝาง ของคุณคุกคามและปลอมแปลงหลักฐานเพื่อใส่ร้ายเพื่อนร่วมงานของเรา คุณคิดอย่างไรกับเรื่องนี้”
“ในฐานะที่เราเป็นนักข่าวที่มีความเสี่ยงต่อการถูกคุกคามจาก บริษัท ใหญ่ๆเช่นคุณ คุณได้เคยข่มขู่คนอื่นนอกจากสหาย เฉิน เจียนไป่ หรือไม่?”
“มีข่าวลือว่า บริษัท หลัวฝาง มีประธานคนใหม่ ประธานคนใหม่ของคุณ มาจากภูมิหลังที่สูงส่ง จริงหรือไม่?
คำถามที่โหดร้ายต่างๆถูกโยนไปที่ สวี่ กว่างซ่ง อย่างกับห่าฝน