บทที่ 281 ซับซ้อน

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 281 ซับซ้อน
“บอกมาว่าคุณฆ่าใคร? คุณลงมือฆ่าเองแต่ไม่รู้ว่าฆ่าใครงั้นเหรอ? คุณชอบฆ่าคนมากใช่ไหม แล้วเชื่อไหมว่าผมจะฆ่าคุณตอนนี้?”

หลังจากพูดจบ ชายที่เสียสติได้ใช้มือทั้งสองข้างบีบคอพ่อของตัวเอง

“อย่าครับ คุณชาย!”

เมื่อพ่อบ้านสมมาตรเห็นอย่างนั้นก็ตกใจรีบเข้าไปห้ามปราม

ในเวลานี้เองที่ดลธี ที่มากับแสนรักรีบเข้าไปตบที่ท้ายทอยของเขา

แล้วห้องนั่งเล่นก็เงียบลงได้สักที

หลังจากนั้นไม่กี่นาที ผู้คนเริ่มสงบ คุณท่านกมลภพจึงกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่นใหม่อีกครั้ง มองไปที่ดลธีซึ่งยังคงรออยู่ที่นั่น

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆเขาถึงกลายเป็นบ้าแบบนี้ และทำไมเขาถึงคิดว่าฉันเป็นฆ่า?”

“คุณท่านไม่ได้เป็นคนทำใช่ไหม”

บอดี้การ์ดตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงถามกลับไปหนึ่งประโยค

เมื่อพ่อบ้านสมมาตรเห็นก็โกรธเล็กน้อย: “นายพูดอะไรไร้สาระ? หากเป็นมือฝีมือของคุณท่านจริงๆ แล้วท่านจะถามนายทำไม?”

ดลธีนิ่งเงียบไปสักพัก!

ไม่ใช่ครับคุณท่าน?

ถ้างั้นจะเป็นใคร? ในตอนนั้นท่านไม่มีมือสังหาร จะฆ่าคนของแต่งฝันได้ยังไง หรือจะเป็นบอดี้การ์ดของหิรัญชากรุ๊ป?

ทันใดนั้น ดลธี ก็ตื่นตระหนกจนเหงื่อท่วมหลัง

“คุณท่าน ถ้าอย่างนั้นแต่งฝันต้องเสียชีวิตด้วยน้ำมือบอดี้การ์ดของหิรัญชากรุ๊ปแน่ สาธินีเห็นกับตาของหล่อนเอง ผมก็เห็นเหมือนกัน แต่ว่าคนที่ผมพาไปท่านประธานได้กำชับไว้แล้ว ถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องลงมือ ดังนั้นผมจึงมั่นใจว่าคนของผมไม่ได้ทำ แต่ตอนนี้ทางด้านของท่านก็…….”

ฉันก็ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน จะเป็นฝีมือฉันได้ยังไง?”

ครั้งนี้ท่านกมลภพถึงกับเอ่ยปากเอง

น้ำเสียงของท่านเต็มไปด้วยความโกรธ ใบหน้าเหี่ยวย่นกลับซีดเซียวมากยิ่งขึ้น

ห้องนั่งเล่นกลับมาเงียบงันอีกครั้ง

และครั้งนี้ เนื่องจากการเผชิญหน้าระหว่างทั้งสองฝ่าย ทำให้เรื่องทั้งหมดเริ่มเปิดเผยออกมาและบรรยากาศก็แปลกประหลาด อากาศหนาวเย็นจนหน้าขนหัวลุก

ไม่ใช่คนของตัวเองและก็ไม่ใช่คนของคฤหาสน์หลังเก่า ถ้าอย่างนั้นคนที่ลงมือเป็นใครกันแน่?

ทำไมเขาถึงแสร้งทำเป็นบอดี้การ์ดของหิรัญชากรุ๊ป? จุดประสงค์ของเขาคืออะไรกันแน่?

“คุณท่านกมลภพ เขาอาจจะเป็นคู่แข่งของหิรัญชากรุ๊ปของเราหรือเปล่า”

“คู่แข่งของหิรัญชากรุ๊ป ช่วยตระกูลอัครนันท์นี้เพื่ออะไร? ตระกูลอัครนันท์ล้มละลายแล้ว ช่วยไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ถ้าพูดถึงคนที่ได้รับผลกระทบก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนั้นกับแสนรัก”

คุณท่านเฉียบคมมากกว่า แค่มองแวบเดียวก็วิเคราะห์สถานการณ์ถึงคนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ได้อย่างรวดเร็ว ยังคงเป็นความสัมพันธ์ระหว่างแสนรักและเส้นหมี่

แต่ตอนนี้คนที่ไม่อยากเห็นความสัมพันธ์ที่ดีของทั้งสองคนคือแป้งร่ำ ป้าหลานก็แตกแยกกันแล้ว ยังจะมีใครอีก?

คุณท่านครุ่นคิดแล้วแต่ก็คิดไม่ออก สุดท้ายได้แต่ถอนหายใจ “เอาละ พรุ่งนี้ฉันจะไปอธิบายให้ผู้หญิงคนนั้นด้วยตัวของฉันเอง หล่อนฉลาดตั้งแต่ยังเป็นเด็ก อธิบายไม่นานก็น่าจะเข้าใจ”

“ไม่ได้ครับท่าน” ไม่คาดคิดว่า ดลธีจะปฏิเสธ

“คุณท่านคงยังไม่รู้ เหตุผลที่คุณชายเป็นบ้าแบบนี้ก็เพราะคุณเส้นหมี่พูดว่าหล่อนจะไม่เชื่อเขาอีกต่อไป”

ทำไมล่ะ?”

“…เพราะหล่อนบอกว่าหลังจากที่พ่อแม่ของหล่อนจากไป หล่อนก็ถูกหลอกจนโตมาโดยตลอด พออายุ 18 ปีก็ถูกท่านหลอกให้แต่งงานเข้ามาอยู่กับตระกูลหิรัญชา และเมื่อกลับมาได้ก็ถูกคุณชายเล่นกับความรู้สึก หล่อนพูดว่า…..หลังจากนี้หล่อนจะไม่พบเจอกับคุณชายอีกตลอดไป”

ดลธีพูดอย่างชัดถ้อยช้อยคำเกี่ยวกับเรื่องที่เขาได้ยินที่ประตูโรงพยาบาล

แน่นอนว่าบางส่วนเขาก็เก็บไว้ เขากลัวว่าเขาจะพูดตรงเกินไป และชายชราคนนี้ก็ทนไม่ได้

แต่เขาไม่รู้ตัวว่า เขาได้พูดส่วนที่สำคัญที่สุดไปแล้ว เมื่อพูดจบ สมมาตรซึ่งยืนอยู่ข้างๆเห็นเพียงใบหน้าของคุณท่านที่ซีดเซียวหลังจาก “เซ” แล้วท่านก็ใช้ไม้ค่ำประคองโซเซไปสองสามก้าว

“คุณท่าน…ท่านเป็นอะไรรึเปล่า?”

พ่อบ้านสมมาตรรีบเข้าไปประคองท่าน

แต่กลับพบว่า แค่เวลาสั้นๆเพียงไม่กี่นาที ชายชราคนนี้ก็สั่นเทาไปทั้งตัว แม้แต่แขนที่เขาประคองอยู่ก็สั่นเล็กน้อย

“คุณท่าน……”

“หล่อนรู้แล้ว ในที่สุดหล่อนก็รู้จนได้……” ในชั่วพริบตา น้ำเสียงของท่านดูแหบพร่ามากขึ้นและสีหน้าก็ซีดเซียวเหมือนหมดเรี่ยวแรง

เรื่องที่เกี่ยวกับเส้นหมี่ หลังจากเกิดเรื่องคุณท่านที่อยู่ในงานเลี้ยงวันเกิดตระกูลโรแกน แสนรักก็เข้ามาด่าอย่างเจ็บปวด แต่จริงๆแล้วด่าเจ็บไปถึงหัวใจ

ในปีนั้นเขาไม่ได้รู้สึกผิดกับเส้นหมี่เลยจริงๆเหรอ? เขาไม่ไว้ใจเพื่อนรักของเขาอย่างดิลกเลยเหรอ?

ไม่จริงเลย จริงๆแล้วเขาไว้ใจ!

เพียงแต่ว่าเมื่อสิ่งเหล่านี้อยู่บนความปลอดภัยต่อชีวิตลูกชายของเขาอย่างแสนรัก เหตุผลก็ยังเป็นเรื่องรองลงมา ซึ่งทำให้ท่านทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

จนถึงวันนั้นที่แสนรักรีบเข้ามาและเยาะเย้ยเขา

ท่านบอกว่าลูกของธนากรยังเป็นเด็ก แล้วลูกของดิลกไม่ใช่เด็กเหรอ? ทำไมต้องเสียสละให้ลูกของคนอื่นด้วย?

นับจากนั้นเป็นต้นมา เขาก็ค่อยๆละทิ้งความหมกมุ่นในใจและเริ่มยอมรับเส้นหมี่

การไปเรืองรองในวันนั้นถือเป็นข้อพิสูจน์ที่ดี

แต่คนที่เคยทำเรื่องผิด ไม่สามารถลบล้างได้เพียงแค่การไปทำดีกับคนนั้น เส้นหมี่ทุ่มเทมากเพื่อเขา และตอนนี้ยังเพิ่มตระกูลอัครนันท์มาอีกด้วย

ตระกูลอัครนันท์ ไม่ว่าคนร้ายจะอยู่เบื้องหลังใคร แต่เรื่องนี้ยังไงตระกูลหิรัญชาของพวกเขาก็ปัดทิ้งไม่เกี่ยวข้องไปไม่ได้