ตอนที่ 1101 ถังหนิงทำสำเร็จ!

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

ทว่าไม่นานตระกูลตี๋ก็เดินทางมาที่ไห่รุ่ยเพื่อพบโม่ถิง

คุณชายรองตระกูลตี๋มาถึงไห่รุ่ยพร้อมกับไมบัคของเขา แม้ว่าจะไม่ได้เอ่ยเฉพาะเจาะจงว่าเขามาที่นี่เพราะลูกของเขา แต่สิ่งที่เขาเอ่ยกับโม่ถิงก็ค่อนข้างดุเดือด “ได้ยินว่าประธานโม่เก็บบางอย่างของตระกูลตี๋ได้ข้างนอกโรงหนังเมื่อไม่กี่วันก่อน หวังว่าประธานโม่จะคืนมาให้เราในเร็วๆ นี้นะครับ นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ”

โม่ถิงยังคงนั่งนิ่งก่อนระบายยิ้มด้วยท่าทีน่ายำเกรง “คุณล้อเล่นหรือเปล่าครับ คุณชายรองแห่งตระกูลตี๋ ใช่ครับ ผมเก็บบางอย่างได้ แต่ผมก็คืนไปให้เจ้าของแล้วนะครับ ทำไมคุณถึงมาหาผมที่นี่อีกล่ะ”

คุณชายรองตี๋มุ่นคิ้วพลางขยับแว่นตา จากนั้นจึงสบตามองโม่ถิงอีกครั้ง “คุณพูดจริงหรือเปล่า ประธานโม่”

“แน่สิครับ ถ้าคุณไม่เชื่อ จะกลับบ้านไปถามแฟนของคุณดูก็ได้ครับ คุณน่าจะถามเธอเรื่องที่ผมปฏิเสธเธอแม้ว่าเธอจะคุกเข่าขอร้องผมก็ตาม”

“ประธานโม่ เราต่างก็มีเส้นทางของตัวเอง หวังว่าคุณจะไม่เข้ามายุ่งเรื่องของครอบครัวเรานะครับ” นี่เป็นคำเตือนของคุณชายรองตี๋ก่อนเจ้าตัวจะจากไป แน่นอนว่าประธานโม่ไม่สะทกท้านอยู่แล้ว

“ผมไม่มีเวลาไปยุ่งเรื่องของคุณหรอกครับ แค่คุณเลิกมารังควานผมก็พอใจแล้วล่ะครับ”

คุณชายรองตี๋จึงกลับไปมือเปล่าในท้ายที่สุด

ต่อหน้าโม่ถิงต่อให้เป็นลูกชายของคนรวยที่สุดในจีนก็ไม่อาจมาทำตัวอวดดีใส่ได้

ว่าแต่เขาพยายามพิสูจน์อะไรโดยการมาปรากฏตัวที่ไห่รุ่ยด้วยเมย์แบชและเครื่องประดับรุ่นพิเศษทั้งหมดของเขากันแน่

ในไม่ช้าถังหนิงก็ได้ยินเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและรู้ว่าตระกูลตี๋มาหาที่ไห่รุ่ย เธอจึงรู้สึกกังวลเล็กน้อย “ตระกูลตี๋จะมาหาเรื่องหรือเปล่าคะ”

“โลกของผมไม่สะเทือนเพราะคนนอกวงการหรอกครับ” โม่ถิงตอบนิ่งๆ

“ไม่น่าล่ะเหลียงหย่งอวี๋ถึงเที่ยวขอความช่วยเหลือจากคนนอกไปทั่ว และทำจนถึงขั้นทอดทิ้งลูกแทนที่จะปล่อยให้เธอทนทรมานอยู่ที่บ้าน ดูท่าแล้วชีวิตที่ผูกไว้กับตระกูลตี๋คงจะทุลักทุเลจริงๆ ”

“มันไม่เกี่ยวอะไรกับเราเลยครับ” โม่ถิงเอ่ยปลอบ “คุณลืมเรื่องนี้ไปเถอะ”

ถังหนิงพยักหน้ารับ เรื่องความมั่งคั่งทั้งตระกูลถังและตระกูลโม่นั้นทัดเทียมกับตระกูลตี๋ หากแต่พวกเขาอยู่คนละวงการกันเพราะตระกูลตี๋ทำธุรกิจด้านเครื่องเพชร

หลังจากกลับมาที่บ้านหรู คุณชายรองตี๋มุ่งตรงไปยังห้องนอนของเหลียงหย่งอวี๋และบีบคอเธอไว้ “ลูกสาวเราอยู่ที่ไหน เธอบอกว่าตระกูลโม่เอาตัวเธอไปไม่ใช่เหรอ ฉันไปคุยกับตระกูลโม่ พวกเขาบอกว่าปฏิเสธคำขอร้องของเธอ จะโกหกฉันไปอีกนานแค่ไหน

“แล้วโม่ถิงก็มีลูกตั้งสามคนแล้ว ทำไมเขาจะต้องมาเสียเวลากับลูกสาวเราด้วย”

“หลินเทียน ฉันไม่ได้โกหกคุณจริงๆ นะ ตระกูลโม่เอาลูกสาวของเราไป!”

“กล้าดียังไงมาโกหกไม่เลิก!” คุณชายรองตี๋ผลักเหลียงหย่งอวี๋ไปด้านข้าง “เข้าใจสถานะของตัวเองไว้บ้างนะ เธอเป็นแค่นางแบบที่พยายามเข้าตระกูลตี๋ ถ้าไม่ได้มีฐานะที่ระดับเดียวกับเราก็ต้องมีลูกชายให้ได้! แล้วก็จำเอาไว้ด้วยว่าเธอไม่ได้เป็นผู้หญิงคนเดียวของฉัน!”

“หลินเทียน ฟังฉันก่อนนะ ฉันจะพยายามให้ดีที่สุด ฉันจะต้องมีลูกชายให้คุณให้ได้”

“ก่อนที่จะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น เธออย่าล้ำเส้นจะดีกว่านะ” ตี๋หลินเทียนเอ่ยก่อนหันหลังเดินจากไป ทิ้งให้เหลียงหย่งอวี๋ร้องไห้อยู่บนพื้น

นี่คือความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในตระกูลชั้นสูง ความสัมพันธ์ของเธอกับหลินเทียนจะมั่นคงได้ก็ต่อเมื่อมีลูกชายเท่านั้น

หากเธอคลอดลูกสาวมาอีกคงไม่มีทางได้เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลตี๋แน่

ถึงเวลาต้องวางแผนอื่นแล้ว!

ตระกูลคนใหญ่คนโตเช่นนี้เป็นสิ่งที่ถังหนิงไม่ต้องการเข้าไปเกี่ยวพันด้วย พวกเขาเป็นพวกโอ้อวดเงินทองอย่างกับไม่มีค่าอะไรและใช้ชีวิตไปวันๆ เท่านั้น

ไม่นานรางวัลเฟยเทียนก็ได้ประกาศรายชื่อผู้เข้าชิงรอบสุดท้าย ไม่ว่าโม่ถิงที่มีชื่อเข้าชิงสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม หรือเฉียวเซินที่มีชื่อเข้าชิงสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยม ทั้งคู่ต่างก็ได้เข้ารอบตามๆ กันไป

ถังหนิงรู้สึกว่ามันเป็นของขวัญให้กำลังใจที่ดีที่สุดของเฉียวเซิน

พิธีมอบรางวัลเฟยเทียนจัดขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์เหมือนอย่างเคย ตอนนี้มดราชินีทำรายได้ถึงสองพันล้านแล้ว สำหรับภาพยนตร์ไซไฟ นี่นับเป็นจำนวนเงินที่เกินจะคาดคิด ผู้คนในวงการนึกไม่ถึงว่ามันจะเป็นไปได้ แต่ถังหนิงก็ทำมันได้สำเร็จ

ด้วยเหตุนี้นักลงทุนหลายคนจึงสนใจลงทุนให้กับมดราชินีสอง อย่างไรก็ตามถังหนิงยังไม่ได้วางแผนเรื่องนี้ไว้

ทว่ามากกว่านักลงทุนที่สนใจ ยังมีนักแสดงหลายคนที่ต้องการร่วมแสดงในมดราชินีสอง

ครั้งหนึ่งคนเหล่านี้เคยหัวเราะเยาะถังหนิง คนที่ทั้งดูถูกและมีข้อกังขาในตัวเธอ ตอนนี้กลับไปกองรวมกันอย่างหดหู่อยู่ที่มุมหนึ่ง…

ตอนนี้ทุกคนในวงการเชื่อในตัวถังหนิง

นิตยสารชื่อดังติดต่อโม่ถิงมา ด้วยต้องการเขียนหนังสือเกี่ยวกับถังหนิง พวกเขาอยากบันทึกเรื่องราวที่เป็นตำนานของเธอเอาไว้แต่เธอปฏิเสธไปหนักแน่น

เธอตอบว่า “จากมุมมองของฉัน ฉันแค่อยากพิสูจน์ว่าตัวเองมีความสามารถที่จะทำอะไรก็ได้ค่ะ ไม่ได้ต้องการจะทำให้มันเป็นตำนานอะไรทั้งนั้น ไม่มีประโยชน์ที่คนอื่นจะมาเรียนรู้จากประสบการณ์ของฉันหรอกค่ะ มันไม่ได้มีความหมายกับคนอื่นสักหน่อย แล้วฉันก็อายุแค่สามสิบเอง ฉันไม่อยากนิยามตัวเองเร็วขนาดนี้ค่ะ”

ด้วยเหตุนี้ถังหนิงจึงหลายเป็นคนที่น่าสนใจในสายตาสื่อมวลชน เห็นได้ชัดว่าเธอเข้ากับคนอื่นได้ง่ายแต่เธอก็ยังปฏิเสธจะเขียนหนังสือ เปิดเผยชีวประวัติ ให้สัมภาษณ์ หรือเข้าร่วมรายการพูดคุย ทำให้ไม่มีทางที่คนอื่นจะรู้เรื่องเกี่ยวกับเธอ

แน่นอนว่าสถานะของถังหนิงยกระดับขึ้นมากนับตั้งแต่ มดราชินี เริ่มออกฉาย ตอนนี้เธอได้ขึ้นแท่นเป็นสมบัติของชาติในวงการภาพยนตร์และโทรทัศน์และเป็นที่นับถือของทุกคน

หมายความว่า…ในที่สุดเธอก็อยู่ในระดับเดียวกับโม่ถิงแล้วใช่ไหม

มีหลายครั้งที่ถังหนิงถามตัวเองอย่างนั้นเช่นกัน

แต่เธอยังรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ขาดหายไป…

ก่อนพิธีมอบรางวัลเฟยเทียนจะจัดขึ้น หลินเฉี่ยนได้คลอดลูกก่อนกำหนด โชคดีที่ไม่ได้กระทบกับสุขภาพของเด็ก ด้วยคุณนายหลี่คอยดูแลหลินเฉี่ยนอย่างใกล้ชิดในช่วงที่เธอตั้งท้องอยู่ เธอจึงยังมีน้ำหนักมากแม้จะคลอดลูกออกมาแล้วก็ตาม

เมื่อถังหนิงกับหลงเจี่ยมาถึงโรงพยาบาลและเห็นลูกชายของหลินเฉี่ยน พวกเธอทั้งสองดีใจกับเธอเป็นที่สุด

“ยินดีด้วยนะ ยินดีต้องรับสู่โลกของการเป็นแม่”

“คุณมีลูกคนที่สองแล้วนี่คะ ฉันไม่มีทางตามคุณทันหรอกค่ะ” หลินเฉี่ยนหัวเราะพลางมองหน้าท้องของหลงเจี่ย

“หลี่จิ่นอยู่ไหนล่ะ”

“เขาอยู่ในฐานทัพน่ะค่ะ มาไม่ได้” หลินเฉี่ยนตอบขณะที่อุ้มลูกชายตัวเองไว้ แม้ว่าสามีเธอจะมาอยู่ข้างเธอไม่ได้ ถังหนิงก็ดูออกว่าหลินเฉี่ยนไม่ได้เศร้าใจแต่อย่างใด “ถึงเขาจะให้ความอบอุ่นกับฉันมากนักไม่ได้ แต่ก็ทำให้ฉันภูมิใจมากเลยล่ะค่ะ ฉันมั่นใจว่าลูกชายของเราจะเรียนรู้จากเขา และเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งและเด็ดเดี่ยวค่ะ”

“แล้วเธอยังวางแผนจะกลับเข้าวงการหรือเปล่าล่ะ”