บทที่ 316 อยากให้กำเนิดเป็นโขยง

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 316 อยากให้กำเนิดเป็นโขยง
ทั้งสองออกมาจากจวนกั๋วจิ้วแล้วนั่งบนรถม้า ระหว่างเดินทางกลับฉีเฟยอวิ๋นถามว่า “คล้ายกับว่าท่านอ๋องไม่ชอบคนของครอบครัวต้ากั๋วจิ้วเลยใช่หรือไม่?”

“เหตุใดข้าจะต้องชอบ?”หนานกงเย่ไม่ตอบแต่กลับย้อนถาม แต่ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่ได้รู้สึกว่าแปลกอะไร

เธออิงแอบข้างกายหนานกงเย่แล้วถามว่า “ตามหลักต้ากั๋วจิ้วคือพี่น้องของเสด็จแม่ ท่านอ๋องไม่ควรอคติกับเขา แต่หม่อมฉันเห็นท่านอ๋องไม่ว่าจะเรื่องอะไรล้วนไม่ชื่นชอบ?”

“แม้ว่าต้ากั๋วจิ้วจะเป็นพี่น้องของเสด็จแม่ แต่โดยแก่นแท้แล้วเป็นขุนนาง ข้าคือท่านอ๋อง เขาคือกั๋วจิ้วมีบรรดาศักดิ์เป็นญาติเสด็จแม่ เวลาที่เขาเจอท่านอ๋องอย่างข้าควรที่จะถ่อมตัวบ้าง

แต่เขาไม่ค่อยจะเข้าเฝ้า แถมยังกดข้าระดับหนึ่ง ข้าจะมีความสุขได้อย่างไร?”

“เช่นนั้นท่านอ๋องก็ใจแคบพอสมควร เรื่องเพียงเล็กน้อยยังไม่ไว้หน้าต้ากั๋วจิ้วเลย อาจจะพูดยากสักหน่อยแล้วล่ะ”

“สรุปคือข้าไม่ชอบ การกระทำเลวร้ายของท่านอ๋องกั่วจิ้นนั่น ฮูหยินกั๋วจิ้วเป็นคนสูงส่งเฉิงหยางจวิ้นจู่ ไม่เพียงแต่ไม่ควบคุม ยังอยู่ด้านข้างคอยสนับสนุนหนุนหลัง เมืองต้าเหลียงของข้าหากมีผู้คนประเภทนี้มากมาย ก็ไม่ต้องให้เมืองของเขามาบุกโจมตี มุ่งตรงมาก็สามารถเสียเอกราชได้แล้ว”

ฉีเฟยอวิ๋นนึกถึงเรื่องท่านอ๋องกั่วจิ้น คนเช่นนั้นนำภัยพิบัติมาสู่บ้านเมืองและอาณาประชาราษฎร์ หากเป็นคนทั่วไปก็แล้วไป

พยายามเข้ามาในราชวงศ์ หนานกงเย่ยิ่งเป็นคนที่โอหังและถือดี เขารู้สึกว่าเป็นการทำลายขายหน้าต่อราชวงศ์ของเขามาก

กลับมาถึงจวนอ๋องเย่ฉีเฟยอวิ๋นเลยรีบกลับไปพักผ่อน หนานกงเย่ได้รับคำสั่งให้ไปตรวจสอบเรื่องของผู้เฒ่าพิษ แน่นอนว่าไม่สามารถอยู่นิ่งเฉยโดยไม่ทำอะไร เขาออกไปที่กรมยุติธรรม นับว่าเป็นการทำงานอะไรอยู่บ้าง

ฉีเฟยอวิ๋นกลับไปพักผ่อน เธอนอนหลับพักผ่อนได้ไม่ดีและก็ไร้หนทางที่จะสงบครรภ์ด้วย

ช่วงเย็นหนานกงเย่กลับมาก็รีบไปดูฉีเฟยอวิ๋น พอเจอหน้าก็ถามเรื่องการคลอดลูกว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างของฮูหยินกั๋วจิ้วหรือไม่

ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้หลบเลี่ยง แน่นอนว่าเรื่องอาจจะเป็นไปได้เลยกล่าวพูดคุยกับหนานกงเย่ให้เข้าใจชัดเจน

เวลานี้หนานกงเย่กล่าวด้วยความสีหน้าอึมครึมว่า “พูดเช่นนี้ ให้กำเนิดเยอะ ยิ่งเกิดเรื่องมากไม่ใช่หรือ?”

เธอรู้ว่าหนานกงเย่กังวลใจ ฉีเฟยอวิ๋นเลยนั่งลงกอบกุมมือของหนานกงเย่ จากนั้นกล่าวว่า”ท่านอ๋องไม่ต้องคิดมาก หนึ่งยังไม่แน่ชัดเลยว่ามีกี่คน สองสถานการณ์เช่นนี้พวกเรารีบร้อนก็ไม่มีประโยชน์ มิสู้กับดูแลครรภ์ดีๆ ให้มีความสงบปลอดภัยเป็นดี”

หนานกงเย่กล่าวด้วยแววตาที่อึมครึมว่า “ข้าไม่ต้องการเสี่ยงอันตราย”

“ท่านอ๋อง หากเป็นโขยงห้าคนเล่า หนึ่งในนั้นมีที่ท่านอ๋องเป็นกังวลใจไว้ ขอถามหน่อยว่าท่านอ๋องจะทำอย่างไร?”

หนานกงเย่กอบกุมมือของฉีเฟยอวิ๋น สีหน้าเคร่งขรึมกล่าวว่า “ข้าต้องการให้อวิ๋นอวิ๋นปลอดภัย และก็ตัดใจทิ้งพวกเขาไม่ลงด้วย“

“ท่านอ๋อง หม่อมฉันไม่ใช่คนที่หยาบคายโหดร้าย หากหยาบคายสักนิดหนึ่ง บางทีอาจจะถามท่านอ๋องว่าต้องการลูกหรือต้องการหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันต้องการท่านอ๋องและลูกด้วยนี่คือคำตอบของหม่อมฉัน”

หนานกงเย่กำมือแน่น กล่าวว่า”อวิ๋นอวิ๋น พวกเรามีแค่คนเดียวเถอะ”

ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวอย่างตลกขบขันว่า “ท่านอ๋อง บางทีอาจจะเป็นคนเดียวก็ได้นะ”

“ไอหย๋า!”

หนานกงเย่ทอดถอนหายใจออกมา รู้สึกว่าพอเขาเลอะเลือนก็เปลี่ยนหนึ่งโขยงเป็นหนึ่งคนแล้ว ก็อารมณ์ไม่ดีในทันทีเลย

หนานกงเย่ปล่อยมือแล้วออกไป ทิ้งฉีเฟยอวิ๋นไว้ภายในห้อง

เธอลุกขึ้นไปกินข้าว ดึกดื่นหนานกงเย่ถึงกลับมา

ฉีเฟยอวิ๋นได้ยินเสียงคนผลักประตูเข้ามา ฟังออกว่าเป็นฝีเท้าของหนานกงเย่ เธอพลิกตัวแล้วไปมองทางด้านของหนานกงเย่

หนานกงเย่เดินผ่านความมืดมาอย่างเชื่องช้า พอเดินมาถึงหน้าเตียงถึงได้ปลดชุดออก

ฉีเฟยอวิ๋นได้กลิ่นเหล้าอ่อนๆ กล่าวอย่างประหลาดใจขึ้นว่า “ท่านอ๋องดื่มเหล้ามาหรือ?”

“ข้าไปจวนท่านแม่ทัพมา ท่านพ่อตากำลังดื่มเหล้าอยู่ก็เลยดื่มหนึ่งจอก ไม่เยอะหรอก”กล่าวจบหนานกงเย่ก็ถอดชุดเสร็จ แล้วแยกผ้าห่มออก

ฉีเฟยอวิ๋นถูกรั้งเข้ามาในอ้อมกอด กลิ่นของเหล้าก็เพิ่มมากขึ้น

เดิมอยากผละออกมาจากอ้อมกอดของหนานกงเย่ แต่แขนทั้งสองข้างของเขาโอบรัดแน่น ฉีเฟยอวิ๋นทำได้เพียงจำยอม

หลังจากนั้นเธอก็ได้ฟังฉีเฟยอวิ๋นพูดพร่ำเพ้อตามประสาคนเมา

“ข้าอยากให้อวิ๋นอวิ๋นปลอดภัยสุขสบาย รวมถึงพวกเขาด้วย”

หนานกงเย่ดื่มมากแค่ไหนเธอไม่รู้เธอรู้เพียงว่า ปกติชายผู้นี้ดื่มเหล้าได้ดีเลิศ

แต่คนตอนที่อารมณ์ไม่ดีก็ง่ายมากที่จะต้านทานฤทธิ์ของเหล้าไม่ได้

ฉีเฟยอวิ๋นสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วตบที่แผ่นหลังของหนานกงเย่อย่างแผ่วเบาจากนั้นกล่าวว่า “ทุกอย่างจะดี นอนเถอะนะ”

ฉีเฟยอวิ๋นกดดันมาก นี่หากว่าคลอดคนเดียว ไม่รู้ว่าเลยนะว่าเขาจะหดหู่แค่ไหน

ฉีเฟยอวิ๋นไม่รู้ว่าหลับตั้งแต่ตอนไหน พอตอนที่ตื่นขึ้นมาหนานกงเย่ก็ไม่อยู่แล้ว

ฉีเฟยอวิ๋นกินข้าวเสร็จแล้วกลับไปที่จวนแม่ทัพ อยากจะไปถามว่าดื่มมากน้อยแค่ไหน และถือโอกาสถามเรื่องของต้ากั๋วจิ้วกับหวังฮวายเต๋อด้วย

ตอนเช้าท่านแม่ทัพฉีกำลังออกกำลังกายอยู่เลย เมื่อมองเห็นบุตรสาวเขายิ้มจนแก้มปริ นึกถึงเรื่องเมื่อคืนนี้แล้วรู้สึกอิ่มเอมใจ

ลูกเขยบอกว่าชาตินี้จะมีเพียงอวิ๋นอวิ๋นผู้เดียว และจะไม่แต่งกับผู้ใดอีก

อยากจะเป็นเหมือนเขา แน่นอนว่าท่านแม่ทัพฉีรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ

มองแล้วทั้งเมืองหลวง แม้กระทั่งฝ่าบาทก็ไม่กล้ากล่าวรับประกันเช่นนี้ แต่ลูกเขยของเขากล้า

”อวิ๋นอวิ๋นมาแล้ว”

ท่านแม่ทัพฉีเห็นบุตรสาวมาเลยรีบไปรับ ฉีเฟยอวิ๋นพิจารณามองท่านแม่ทัพอย่างละเอียด มองใบหน้าแดงก่ำของเขา คล้ายดั่งว่ามีเรื่องที่น่ายินดีเกิดขึ้น

“ท่านพ่อ มีเรื่องอะไรหรือเจ้าคะทำไมถึงมีความสุขเหลือเกิน หรือเพราะเรื่องเมื่อวานที่ท่านพ่อมอมเหล้าท่านอ๋องจนเมามาย?”

“เมื่อวานเมาจริงหรือ?”

ท่านแม่ทัพฉีคิดในใจว่าไม่กี่จอกเองแค่นี้ก็เมามายแล้วหรือ ต้องฝึกดื่มบ้างละ วันนั้นเรียกมาดื่มให้มากหน่อยก็พอแล้ว

“ท่านพ่อ เหตุใดถึงให้ท่านอ๋องดื่มเหล้ามากมายขนาดนั้นเจ้าคะ?

“พ่อให้เขาดื่มเยอะตั้งแต่เมื่อไหร่กัน พ่อดื่มอยู่ที่เรือนเขาก็มา เขานั่งดื่มอยู่กับพ่อ พ่อก็ทำไม่ได้ที่จะนิ่งเฉยไม่ให้เขาดื่ม ”ท่านแม่ทัพฉีกล่าวอย่างจนปัญญา บุตรสาวที่แต่งออกไปแล้วก็เหมือนได้ถูกโปรยลงแม่น้ำ วันนี้ดื่มเพียงไม่กี่จอก ก็มาเพื่อจัดการลงโทษเขาซะแล้ว

แต่ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวถามด้วยความแปลกใจว่า”นั่นก็แสดงว่าดื่มหลายจอกไม่อย่างนั้นจะเมาได้อย่างไร?”

“สองสามจอก ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง”ท่านแม่ทัพฉีไม่กล้าที่จะเอ่ยออกมาว่าดื่มแค่ไหน

ฉีเฟยอวิ๋นหรี่ตามองแม่ทัพฉี รู้ว่าเขาไม่กล้าที่จะเอ่ยออกมา ก็เลยไม่กล่าวพูดเจาะจงเปิดโปงเขา

“ท่านพ่อ พวกเราเข้าไปคุยกันด้านในเถอะ ที่จริงข้าเพียงแค่ถือโอกาสมาไถ่ถามเฉยๆ แต่ยังมีเรื่องหนึ่งที่ข้าอยากจะรู้”

“อวิ๋นอวิ๋นเจ้าว่ามาเลย สิ่งที่พ่อรู้แน่นอนว่าจะต้องบอกเจ้า”ท่านแม่ทัพฉีพอรู้ว่าบุตรสาวมีเรื่องจะถามเลยทำท่าทางน่าเกรงขามขึ้นมา

ฉีเฟยอวิ๋นตลกพ่อคนนี้ของตนเองเสียจริง

หากพูดว่าชาติสิ่งที่ได้รับมายิ่งใหญ่และดีที่สุดนั่นก็คือท่านพ่อของเธอผู้นี้และพ่อของลูกๆของเธอนั่นเอง

ฉีเฟยอวิ๋นใจลอย ที่จริงแล้วเธอก็คาดหวังว่าจะให้กำเนิดเป็นโขยงเหมือนกัน แม้ว่าจะคิดต่างไม่เหมือนใครสักเล็กน้อย แต่คล้ายกับว่าเธอก็ไม่ได้กีดกัน

โดยเฉพาะนึกถึงความหดหู่ใจของคนผู้นั้น คล้ายดั่งบอกเขาว่ามีคนเดียวจากนั้นสภาพจิตใจก็ย่ำแย่ไปเสียเลย

วันนี้ตอนเช้าไม่เห็นเขาออกมากินข้าว ไม่รู้ว่าออกไปที่ห้องเครื่องลงทัณฑ์หรือไม่

ได้สติกลับมาฉีเฟยอวิ๋นเลยถามแม่ทัพฉีว่า”ท่านพ่อ ท่านรู้จักต้ากั๋วจิ้วหรือไม่เจ้าคะ?”

ท่านแม่ทัพฉีแปลกใจกล่าวว่า “เป็นอะไร เขารังแกลูกหรือ หรือว่าพูดถึงเรื่องพระชายารองขึ้นมา?อวิ๋นอวิ๋นคอยดูนะ พ่อจะไปจัดการเขา”

“ท่านพ่อ ท่านอ๋องไม่ได้กล่าวถึงเรื่องพระชายารองเจ้าค่ะ คือเป็นเรื่องของเมื่อวานเจ้าค่ะท่านพ่อ”

ฉีเฟยอวิ๋นลากแม่ทัพฉีเข้าไป และเล่าเรื่องราวของจวนกั๋วจิ้วหนึ่งรอบ แม่ทัพฉีถึงได้ใจเย็นลงและกล่าวเรื่องของต้ากั๋วจิ้วกับหวังฮวายเต๋อ