บทที่ 47 หัวใจที่แท้จริง ! (ปลาย)

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์

บทที่ 47 หัวใจที่แท้จริง ! (ปลาย)

สตรีลึกลับกล่าวเสียงเย็น “เงียบหายอย่างนั้นเหรอ ? คนเรามีหรือที่ชีวิตนี้จะไม่โดนเล่นตุกติกบ้าง แน่นอนว่านั่นย่อมไม่มีอะไรผิด แต่ถ้าญาติสนิทหรือคนที่เกี่ยวข้องถูกกระทำแบบนั้น เจ้าจะต้องพิจารณาผล ลัพธ์จากอะไรบ้าง ? การจะกวัดแกว่งกระบี่ได้ คนคนนั้นต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง ? นอกจากนี้แล้ว ถ้าหากเจ้าไม่ชักมันออกมาและเลือกที่จะเก็บงำความโกรธเกรี้ยวเอาไว้ภายใน หัวใจของเจ้าที่เป็นเต๋าแห่งกระบี่ก็คงต้องแตกเป็นเสี่ยง ๆ ชั่วชีวิตนี้เจ้าจะไม่มีโอกาสได้เป็นเซียนกระบี่เช่นที่ฝันอีกต่อไป”

“เต๋าแห่งกระบี่จะแตกเป็นชิ้น ๆ งั้นหรือ ? ทำไมกัน ?” เยี่ยฉวนยังคงงงงวย

สตรีลึกลับกล่าวตอบ “ผู้ฝึกกระบี่คือผู้ที่ฝึกฝนทั้งกระบี่และจิตใจ มีเพียงหัวใจที่แท้จริงเท่านั้นที่จะเหมาะสมสำหรับการฝึกกระบี่ ในเวลานั้นเป็นเพราะเจ้าต้องการทวงคืนความยุติธรรมให้กับน้องสาวจึงตั้งใจจะฆ่า พวกมันให้หมด แต่อย่างไรก็ดี หากเจ้าตระหนักได้ถึงผลที่จะตามมาและเลือกที่จะนิ่งเฉยเสีย การกระทำของ เจ้าก็จะถือว่าขัดแย้งกับเจตจำนงที่แท้จริงในใจ แน่นอนว่าเจ้าอาจจะไม่รู้สึกถึงผลกระทบใด ๆ ถ้าหากเลือกเช่นนั้น แต่กระบี่จะถูกล่อลวงด้วยตัวเจ้าเอง เมื่อนั้นแล้วกระบี่ใจกระจ่างที่เจ้าเพิ่งบรรลุมาก็จะสลายไปในขณะนั้นด้วย”

เยี่ยฉวนยิ้มอย่างขมขื่น “ผู้อาวุโส ถ้ากาลก่อนมีผู้ฝึกกระบี่ที่เป็นเช่นนี้จริง ข้าเกรงว่าอายุพวกเขาคงไม่ยืนแน่ !”

สตรีลึกลับพูดเสียงกระซิบ “นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงมีผู้ฝึกกระบี่เพียงแค่ไม่กี่คนบนโลก โดยเฉพาะ อย่างยิ่งผู้ที่สำเร็จถึงขั้นเซียนยิ่งมีน้อยกว่ามาก ! อย่างที่ข้าบอกไป หนทางสู่วิถีเต๋าแห่งกระบี่นั้นยากเย็นกว่าที่ เจ้าคิดไว้มากนัก !”

เยี่ยฉวนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เขาเริ่มรู้สึกได้ถึงสิ่งนั้นขึ้นมาบ้างแล้ว

คราวนี้สตรีลึกลับเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง “ข้าไม่น่าพลั้งมือลงไปเลยทีเดียวเชียว แล้วตกลงเจ้าว่ารู้ถึงผล ของการกระทำครั้งนี้หรือไม่ ?”

“สิ่งที่จะตามมางั้นเหรอ ?”

เยี่ยฉวนตกตะลึงเล็กน้อยก่อนจะเผลอหลุดปากถามออกมาโดยไม่รู้ตัว “ก็แล้วผลกระทบพวกนั้นมันคืออะไรกันเล่า ?”

สตรีลึกลับกล่าว “ข้าเคยเตือนเจ้าแล้วว่าผนึกของหอคอยแห่งนี้กำลังค่อย ๆ คลายออก เป็นเพราะว่า การโจมตีของข้าคราวนี้ นี่จึงทำให้ผนึกของแต่ละชั้นได้รับผลกระทบ พูดง่าย ๆ ก็คือ ผนึกเหล่านี้กำลังเสื่อมสภาพก่อนกำหนด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผนึกชั้นสองที่จะคลายออกเร็วกว่าเวลาอันควรมาก อย่างช้าที่สุดภายในเวลา สี่ถึงห้าเดือนนี้ผนึกคงคลายออกอย่างสมบูรณ์เป็นแน่ ถ้าหากเจ้ายังหากฎแห่งเต๋าไม่พบ เจ้าก็จะตาย และจง อย่าหวังพึ่งข้า เพราะหากข้าให้ความช่วยเหลือเจ้าในระหว่างที่จัดการกับผนึกชั้นที่สอง ผนึกของชั้นอื่น ๆ ใน หอคอยก็จะหละหลวมเช่นกัน จากนั้นผลที่ตามย่อมร้ายแรงกว่ามาก ข้าจะไม่ยินยอมทำลายผนึกของหอคอยนี้เพื่อเจ้า เข้าใจหรือไม่ ?”

เยี่ยฉวนเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถาม “หมายความว่าตั้งแต่นี้ท่านจะออกไปข้างนอกไม่ได้แล้วหรือ ?”

สตรีลึกลับตอบกลับ “ข้าไม่สามารถโจมตีหรือแสดงตัวออกไปข้างนอกได้อีกจนกว่าเจ้าจะพบกฎแห่ง เต๋าอย่างน้อยหนึ่งข้อ แน่นอนว่าถึงทำได้ข้าก็จะไม่ช่วยเจ้าอยู่ดี หากว่ากันตามตรง เหตุที่ข้ายอมออกมาเพื่อ ช่วยเหลือเจ้าคราวนี้ นั่นเพราะว่าเจ้ากล้าชักกระบี่ออกมาเพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับน้องสาว อีกอย่างข้าก็ไม่ได้ชอบหน้าเจ้านั่นอยู่แล้วด้วย เข้าใจหรือไม่ ?”

เยี่ยฉวนพยักหน้ารับ “ข้าเข้าใจแล้ว”

ชายหนุ่มตระหนักอย่างชัดเจนได้ว่าคนเราย่อมต้องพึ่งพาอาศัยตนเองเป็นหลัก และยิ่งรู้แจ้งแก่ใจด้วยว่าการมีคนออกตัวช่วยเขาเพียงหนึ่งครั้ง มันไม่ได้หมายความว่าความช่วยเหลือนั้นจะต้องเกิดขึ้นอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเขาเองก็ไม่ได้มีคุณสมบัติพอที่จะให้ใครยื่นมือเข้าช่วยเป็นครั้งที่สอง !

การที่นางยอมออกหน้าเพื่อเขาในครั้งนี้ต้องถือว่าเป็นความกรุณาอย่างยิ่งแล้ว !

เยี่ยฉวนไม่ใช่คนอกตัญญู ชายหนุ่มไม่คิดว่านางจำเป็นจะต้องเข้ามาช่วยเหลือเขาอยู่ทุกครั้งไป และ แน่นอนว่าหากในอนาคตต้องพบเจอกับอุปสรรคอื่นใดอีก ชายหนุ่มก็ไม่คิดที่จะเอ่ยปากแม้แต่น้อย !

การกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งด้วยตัวเองนั้นเป็นวิถีของราชันย์

ดังนั้นเขาจึงไม่คิดมองหาที่พึ่งทางจิตใจ ในทางตรงกันข้าม สิ่งที่สตรีลึกลับเอ่ยเตือนนั้นทำให้ชายหนุ่ม เข้าใจทุกอย่างและตั้งมั่นไว้ว่าควรทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ! ด้วยมันช่างเลื่อนลอยและเป็นเรื่องโง่เขลาหากต้อง ฝากความหวังของตัวเองไว้ที่ผู้อื่น !

เฉพาะปัญหาเกี่ยวกับผนึกนั้น… หากต้องการที่จะค้นพบกฎแห่งเต๋า เขาจำเป็นจะต้องบรรลุขั้นหลอม รวมลมปราณหรือขั้นทะยานสวรรค์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เสียก่อน นั่นเพราะสตรีลึกลับได้บอกไว้ว่าความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ยังไม่เพียงพอที่จะถือครองกฎแห่งเต๋าได้ !

เป็นเรื่องที่ลำบากยิ่ง !

เยี่ยฉวนส่ายหน้าและถอนหายใจ เหมือนเรื่องต่าง ๆ กำลังถาโถมเข้ามา อย่างแรกคืออาการป่วยของ น้องสาว ส่วนอย่างที่สองก็คือผนึกของหอคอยเรือนจำ

เขาเริ่มรู้สึกแล้วว่าหอคอยเรือนจำนี้เกิดความผิดปกติ และยังรู้สึกได้ถึงความจริงจังในน้ำเสียงของสตรีลึกลับมากกว่าปกติด้วย ชายหนุ่มรู้ว่านางไม่ได้ล้อเล่น ต่อให้ผนึกคลายนางก็จะไม่มีวันต่อสู้เพื่อเขาแน่ !

ของอย่างนี้มันต้องแก้ด้วยตัวเอง !

ดูเหมือนว่าเขาจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงรีบร้อนถาม “ผู้อาวุโส กระบี่ใจกระจ่างคืออะไรหรือ ขอรับ ?”

เขายังไม่ลืมคำถามที่ยังไม่ได้รับการไขข้อข้องใจและยังติดค้างอยู่ก่อนหน้านี้

เมื่อเงียบไปครู่หนึ่ง สตรีลึกลับจึงอธิบายดังนี้ “กระบี่ใจกระจ่างนั้นเป็นเหมือนกับความรู้สึกเมื่อเจ้ามองเข้าไปในกระจก โดยปรกติแล้วเจ้าจะไม่มีทางรู้ว่าตัวเองหน้าตาเป็นอย่างไรจนกว่าจะได้จ้องมองเข้าไปในนั้น กระบี่ใจกระจ่างก็อาศัยหลักการเช่นเดียวกัน ตอนนี้เจ้าจะเริ่มเห็นทิศทางเต๋าแห่งกระบี่ได้อย่างชัดเจนแล้ว เจ้าจึงรู้ดีว่าเต๋าแห่งกระบี่ของตัวเองมีลักษณะอย่างไร พูดง่าย ๆ ก็คือเมื่อเจ้าจดจำตัวเองได้อย่างชัดแจ้ง เจ้าก็จะรู้จักเต๋าแห่งกระบี่ในพลัน !”

เยี่ยฉวนเอ่ยถามน้ำเสียงทุ้ม “มันมีประโยชน์หรือไม่ ?”

สตรีลึกลับกล่าวตอบ “ดูเหมือนว่าเจ้าจะลืมไปแล้วอย่างหนึ่ง ว่าเจ้าได้ใช้เคล็ดวิชา ‘หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา’ แต่คราวนี้ดูเหมือนว่าร่างกายเจ้าจะไม่ได้รับผลข้างเคียงมากเท่าคราก่อน !”

เมื่อได้ยินมาถึงตรงนี้ เยี่ยฉวนก็จึงนิ่งงันไป !

“จริงด้วย !”

ชายหนุ่มได้ใช้ ‘หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา’ ออกไปก็จริง ทว่าตอนนี้สภาพร่างกายเขาไม่ได้แย่เหมือน แต่ก่อน และทรุดโทรมลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น !

เสียงของสตรีลึกลับดังขึ้นอีกครั้ง “กระบี่ใจกระจ่างก็คือสภาพจิตใจของเต๋าแห่งกระบี่ เมื่อเจ้าต่อสู้กับ ศัตรูในอนาคต ภาพลวงตาใด ๆ จะไม่มีผลกับเจ้าเลยแม้แต่น้อย แต่แน่นอนว่าหากศัตรูมีความแข็งแกร่งเหนือ ชั้นกว่าเจ้ามากเกินไป มันก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง นอกจากนี้แล้วหากหัวใจของเจ้านั้นกระจ่างใสชัดเจน การรวม เป็นหนึ่งเดียวกับกระบี่ของเจ้าก็จะอยู่ในระดับที่สูงขึ้น ดังนั้นเรื่องที่ต้องออกแรงเป็นสองเท่า เจ้าจึงสามารถทำ ได้โดยใช้ความพยายามแค่เพียงครึ่งเดียวเมื่อเจ้าใช้ทักษะในการกวัดแกว่งกระบี่ของตัวเอง… ข้าเหนื่อยแล้ว และข้าไม่อยากอธิบายเรื่องง่าย ๆ เหล่านี้ให้เจ้าฟังอีก ที่เหลือเจ้าจงเรียนรู้ด้วยตัวเองยามที่ฝึกฝนวิชากับ เงาลวงซะ !”

เยี่ยฉวนสิ้นคำพูด “…”

หลังจากนั้นไม่นาน เยี่ยฉวนก็เริ่มมองหาเงาลวงเพื่อทำการฝึกฝนต่อ

เมื่อออกแรงฟันกระบี่ลงไปครั้งแรก เยี่ยฉวนพลันตกตะลึง

นั่นเพราะความรู้สึกที่ได้รับมันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงเท่านั้น แต่เมื่อเจ้าเงาลวงพุ่งเข้าใส่กระบี่ครั้งแรกเขาก็ต้องตกใจอีกครั้ง นั่นเพราะว่าคราวนี้มันให้ความรู้สึกที่ต่างออกไปเช่นกัน ชายหนุ่มไม่สามารถ อธิบายความรู้สึกนี้ได้ แต่หากต้องพูดออกมา มันเหมือนว่าการฟาดฟันกระบี่ในแต่ละครั้งของเขากลายเป็น เรื่องที่ง่ายกว่าเดิมมาก…

เมื่อเวลาผ่านพ้นไปได้เกือบหนึ่งชั่วยาม เยี่ยฉวนจึงหยุดมือลง

กระบี่เล่มยาวเสียบเข้าที่หน้าอกของเงาลวงตรงหน้า !

ในชั่วพริบตาเดียวเงาลวงนั่นก็ค่อย ๆ สลายหายไป

เยี่ยฉวนก้มศีรษะลงเล็กน้อยและตกอยู่ในความเงียบ

หลังจากนั้นเขาก็ยืนนิ่ง และพินิจมองกระบี่หลิงเซียวที่ถืออยู่ในมือเป็นนาน ก่อนที่ในที่สุดจะหลุด พึมพำออกมาเบา ๆ “ตอนนี้ข้ารู้สึกแล้วว่ากระบี่เล่มนี้มันเป็นของข้าจริงๆ….”