ตอนที่ 326 - พลังงานที่ซ่อนอยู่ภายในโครงกระดูกของเซียนผู้คุมกฎ

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 326 – พลังงานที่ซ่อนอยู่ภายในโครงกระดูกของเซียนผู้คุมกฎ

เจี้ยนเฉินจ้องที่หญิงสาวที่สนิทสนมคุ้นเคยด้วยความลังเลก่อนที่จะเปิดปากอีกครั้ง “รอสักครู่”

เมื่อได้ยินเสียงที่อยู่ข้างหลัง หญิงสาวคนนั้นก็หยุดเดินก่อนจะตอบเขาโดยไม่หันกลับมามอง “มีอะไร ? “

เจี้ยนเฉินพูดเบา ๆ “ข้าคิดว่าเจ้าไม่มีม่านพลังในการป้องกันตัวเอง”

“ข้าไม่มีม่านพลังใด ๆ ที่ตัวข้า” หญิงสาวไม่ได้ปฏิเสธ

เจี้ยนเฉินพูดโดยไม่สะทกสะท้าน “เจ้ามียุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎอยู่กับเจ้าและไม่มีม่านพลัง เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถเดินทางได้อย่างปลอดภัยหรือ ? แม้ว่าชิเซียงกรานจะตายไปแล้ว แต่เขาก็เป็นเพียงหนึ่งในคนหลายคนที่ปรารถนายุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎของเจ้า ตัวอย่างเช่น หากฉินจี๋และเทียนมู่หลิงเผชิญหน้ากับเจ้ามันคงเป็นการยากที่จะต่อสู้ด้วยตัวของเจ้าเอง ข้าเชื่อว่าเจ้ารู้ว่าตระกูลอื่นจะให้คุณค่ากับยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎมากเพียงใด เพื่อประโยชน์ในการขยายตระกูลของพวกเขา มันไม่สามารถพูดได้ว่าพวกเขาจะพยายามแย่งเอาธนูสุริยันจันทราของเจ้าหรือไม่ อย่าลืมว่า สำหรับพวกเขา นี่เป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่และในเวลาเดียวกันเจ้าก็ไม่มีความสัมพันธ์กับพวกเขา”

“นอกเหนือจากทั้งสองข้อนี้ สถานที่นี้ยังคงมีเซียนปฐพีที่แข็งแกร่งและบางคนอาจจะจัดตั้งกลุ่มขึ้นมา ในขณะที่ธนูสุริยันจันทราของเจ้าสามารถสังหารเซียนปฐพีได้อย่างง่ายดาย หากกลุ่มของเซียนปฐพีโจมตีเจ้าในเวลาเดียวกัน เจ้ามีเวลาพอที่จะยิงพวกเขาทั้งหมดหรือ ? ท้ายที่สุดธนูสุริยันจันทราของเจ้าก็ได้เปรียบจากระยะไกลเท่านั้น หากพวกเขาเข้าประชิด ธนูสุริยันจันทราของเจ้าก็จะสูญเสียความได้เปรียบไป ในท้ายที่สุด ใครจะรู้ว่ามีใครบางคนจะวางกับดักเจ้าหรือไม่”

เจี้ยนเฉินไม่รู้ว่าคำพูดของเขาจะเพียงพอหรือไม่ที่จะโน้มน้าวให้หวงหลวนอยู่ต่อไป อาจเป็นเพราะหนึ่งเดือนที่พวกเขาเดินทางร่วมกัน ดังนั้นเจี้ยนเฉินจึงไม่ต้องการเห็นสาวสวยคนหนึ่งตายในที่แบบนี้ เจี้ยนเฉินไม่มีความเข้าใจที่ดีเกี่ยวกับยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎ แต่เขารู้ดีว่าเพื่อปกป้องยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎ ตู่กูเฟิงที่ภาคภูมิใจอย่างยิ่งได้เสียสละชีวิตของตัวเองและเต็มใจที่จะสาบานด้วยเลือด จากสิ่งนี้ เจี้ยนเฉินอาจอนุมานได้ว่ายุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎนั้นเป็นสิ่งที่ตระกูลจำนวนมากเต็มใจจ่ายในราคาที่แพงเพื่อมัน

หวงหลวนในฐานะของนางเองเป็นผู้ใช้ยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎระยะไกล หากศัตรูเข้ามาใกล้นางแล้ว ธนูยาวของนางก็จะสูญเสียประสิทธิภาพ นางไม่มีม่านพลังเช่นกัน ดังนั้นจึงเป็นการยากที่จะหลีกเลี่ยงคนที่มีจิตใจละโมบ

ฉินจี๋และเทียนมู่หลิงเป็นคนสองคนที่เจี้ยนเฉินเป็นกังวลมากที่สุด หากคนใดคนหนึ่งเข้าใกล้กับหวงหลวนgเป็นเวลานาน พวกเขาก็จะสามารถแตะต้องนางได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะทำอะไรกับหวงหลวน แต่ก็ต้องระวังแม้ว่าโอกาสนั้นจะมีเพียงแค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์เท่านั้น

เมื่อได้ยินคำพูดของเจี้ยนเฉิน สีหน้าของหวงหลวนก็กังวลอย่างมาก คำพูดของเจี้ยนเฉินสมเหตุสมผลดีและหลังจากเหตุการณ์ในถ้ำ ทุกคนรู้ว่านางมียุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎ แม้ว่านี่จะเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ได้ยินเป็นครั้งแรก พวกเขาจะรู้ว่ายุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎเป็นอะไรที่คุ้มค่าพอ นางกลัวที่จะพบกับคนเหล่านี้ ด้วยสมบัตินี้บนตัวนางและไม่มีม่านพลังมาป้องกัน ขณะเดินทางตามลำพัง นางจะเป็นเป้าหมายสำหรับผู้ที่อาจเจอนางแน่นอน

เมื่อคิดได้ดังนั้น สีหน้าของหวงหลวนก็มืดครึ้มลง แต่เดิมนางคิดว่าการตายของชิเซียงกรานจะเป็นสิ่งเดียวที่นางต้องการเพื่อความสงบสุข นางไม่คิดว่านางจะมีเรื่องปวดหัวเรื่องใหม่ ยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎนี้มีค่ามากเกินไป

“ในกรณีที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เจ้าควรจะเดินทางกับเราต่อไป การแข่งขันรอบนี้เกือบจะจบลงแล้ว ในท้ายที่สุด เราทุกคนจะถูกส่งออกจากพื้นที่นี้ เจ้าก็จะปลอดภัยแล้ว” เมื่อเห็นความมุ่งมั่นของหวงหลวนไม่หวือหวา เจี้ยนเฉินก็ฉวยโอกาสที่จะหว่านล้อม เขาไม่รู้ว่าเขาเป็นสหายหรือคนแปลกหน้าสำหรับนาง แต่เขาไม่ปรารถนาที่จะเห็นสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับนาง อาจเป็นเพราะนางงดงามเหลือเกินหรืออาจเป็นเพราะเขาเริ่มที่จะชอบนางในฐานะสหายในหนึ่งเดือนที่พวกเขาเดินทางมาด้วยกัน หรืออาจเป็นเพราะเขายังรู้สึกผิดที่เห็นร่างกายของนางเพียงครั้งหนึ่ง แต่นี่เป็นเรื่องซับซ้อนที่แม้แต่เจี้ยนเฉินก็ไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจน

หวงหลวนยืนอยู่ที่นั่นโดยไม่ขยับราวกับว่านางเป็นรูปปั้น หลังจากนั้นครู่หนึ่งนางก็ตัดสินใจและพยักหน้าในที่สุด

เจี้ยนเฉินยิ้มด้วยความโล่งอก “กลับไปหาพวกนั้นกันเถอะ หลังจากนั้นเราก็ต้องรอ ด้วยป้ายที่รวบรวมไว้ของเรา เราจะอยู่ใน 500 อันดับต้น ๆ อย่างแน่นอน”

เนื่องจากหวงหลวนตัดสินใจที่จะไม่ออกจากกลุ่ม ทั้งสองจึงเดินกลับไปที่กลุ่ม ในขณะที่พวกเขากลับมา เจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะสังเกตเห็นว่าหมิงตงขยิบตาให้เขา แม้จะไม่ได้พูดอะไรก็ตาม เขาไม่ได้ปัญญาอ่อนที่จะคิดไม่ออกว่าขยิบตานั้นหมายถึงอะไร แต่เจี้ยนเฉินไม่พูดอะไรเลย

“น้องชาย ช่างน่าทึ่งจริง ๆ ! นางเทียบเคียงกับน้องสาวของข้าได้ในแง่ของความงาม แต่นางก็ไม่ได้ใจดีเหมือนน้องสาวของข้า” ฉินเซียวหัวเราะขณะที่เขาพูดกับเจี้ยนเฉิน ด้วยรอยยิ้มที่มีความหมายทำให้ เจี้ยนเฉินยิ้มอย่างงุ่มง่าม ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหวงหลวนนั้นไม่เหมือนที่ทุกคนคิด แต่หมิงตงและคนอื่น ๆ กำลังพยายามพูดเป็นอย่างอื่น หากเขาพยายามอธิบายตัวเองตอนนี้ ไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์เท่านั้น แต่มันจะทำให้ความเข้าใจผิดของทุกคนลึกซึ้งยิ่งขึ้น

ต่อมาภายในพื้นที่โล่งแจ้ง มีกระโจมสีขาวหลายแห่ง ตรงกลางของกระโจมคือ หมิงตง, ศิษย์พี่อัน, หยุนเจิ้ง, เจี้ยนเฉิน, ตู่กูเฟิง, ฉินเซียว, ฉินเจว๋และ หวงหลวน ที่ทุกคนนั่งอยู่ที่โต๊ะกลมพร้อมกับอาหารที่มีกลิ่นหอมหวนหลากหลาย สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดถูกนำมาจากแหวนมิติของเจียเต๋อหวูคัง อาหารที่ดูดีทุกประเภทสามารถพบได้ภายในแหวน เนื่องจากพื้นที่ภายในแหวนมิติมีขนาดใหญ่กว่าของเข็มขัดมิติ จึงมีอาหารจำนวนมากที่ปรุงสำหรับการกินเป็นระยะเวลานาน นอกจากนี้อาหารภายในแหวนมิติของเจียเต๋อหวูคังยังมีความปราณีตละเอียดอ่อนอย่างที่สุดและเพียงพอสำหรับกลุ่มที่จะกินเป็นเวลาหลายเดือน

หลังอาหาร คนสองสามคนออกจากโต๊ะทิ้งไว้เหลือเพียง เจี้ยนเฉิน หมิงตง ตู่กูเฟิง และ หวงหลวน

หมิงตงมองไปรอบ ๆ โต๊ะก่อนที่จะแอบดูข้างหลังเพื่อดูว่ามีใครที่จะกลับมาที่โต๊ะ จากนั้นมองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างลึกลับ เขาถามว่า” เจี้ยนเฉิน เจ้าต้องการที่จะรู้ว่าโครงกระดูกของเซียนผู้คุมกฎสามารถใช้ทำอะไรได้บ้างใช่หรือไม่ ? “

” ใช่ ข้าค่อนข้างสงสัย ทำไมทุกคนถึงเห็นค่ามันมากขนาดนั้นในการที่จะพยายามขโมยมัน” เจี้ยนเฉินพูดด้วยความอยากรู้

” งั้นให้ข้าบอกเจ้า” ขณะนั้นก็ได้ยินเสียงที่ไพเราะเหมือนเสียงร้องเพลงจากหวงหลวน ซึ่งจู่ ๆ ก็มีความคิดริเริ่มที่จะพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ

หวงหลวนตระเตรียมความคิดของนางก่อนที่จะพูดว่า” เซียนผู้คุมกฎมีช่วงชีวิตที่จำกัด ดังนั้นเขาก็ตายเป็นธรรมดา ความตายประเภทนี้คือสิ่งที่เราเรียกกันว่า ” นั่งตาย” พลังงานภายในเซียนผู้คุมกฎจะแข็งแกร่งและบริสุทธิ์อย่างไม่น่าเชื่อ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมหลังจากที่เซียนผู้คุมกฎเสียชีวิตเพราะนั่งตาย พลังงานและ พลังเซียนภายในร่างกายของพวกเขาจะไม่กระจายเข้าไปในโลก พลังงานยังคงอยู่ภายในร่างกายและค่อย ๆ เข้าสู่โครงกระดูก หลังจากนั้นระยะหนึ่ง เซียนผู้คุมกฎจะทิ้งโครงกระดูกของเขาไว้อย่างสมบูรณ์ซึ่งหมายความว่ามันมีค่ามาก ถ้ามีคนที่ได้รับพลังของเซียนผู้คุมกฎ นั่นจะไม่ทำให้ผู้คนอิจฉาหรือ?”

เจี้ยนเฉินพยักหน้าเข้าใจ “ข้าเข้าใจอีกเล็กน้อย แต่แล้วยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎของเจ้ามาได้อย่างไร ? ตามที่เจ้าพูดไว้ พลังงานของเซียนผู้คุมกฎก็ผสมเข้ากับโครงกระดูก ในขณะที่พลังงานจากอาวุธเซียนของพวกเขาควรจะกระจายออกไป มันจะดำรงอยู่ต่อไปได้อย่างไร ? “

หวงหลวนพูดว่า “ความแข็งแกร่งของเซียนผู้คุมกฎแบ่งออกเป็น 9 ระดับ ระดับนี้เรียกว่าสวรรค์ 9 ขั้น เมื่อเซียนผู้คุมกฎมาถึงขั้นสวรรค์ที่ 9 พวกเขากำลังยืนอยู่ที่จุดสุดยอดของอาณาจักรปัจจุบันและจากที่นั่นมันเป็นเพียงก้าวเล็ก ๆ เพียงก้าวเดียวก่อนที่จะกลายเป็นเซียนระดับราชา ในขั้นตอนนี้ อาวุธเซียนภายในร่างกายของพวกเขามีพลังงานเชิงคุณภาพสูงสุด เมื่อมาถึงจุดนี้เซียนผู้คุมกฎก็แข็งแกร่งพอที่จะตัดการเชื่อมต่อระหว่างตัวเขากับอาวุธ ดังนั้นเมื่อเซียนผู้คุมกฎถึงขั้นสวรรค์ที่ 9 พวกเขาจะนำอาวุธเซียนของพวกเขาออกมาและตัดการเชื่อมต่อ อาวุธเซียนจะสามารถรักษาพลังงานไว้ได้ตลอดไปโดยไม่ทำให้สูญเสียไปและกลายเป็นยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎ

“ดังนั้นเมื่อเซียนผู้คุมกฎมาถึงขั้นสวรรค์ที่ 9 พวกเขาจะสามารถตัดการเชื่อมต่อของอาวุธเซียนกับตัวเองได้ แต่ไม่มีใครที่อยู่ต่ำกว่าขั้นสวรรค์ที่ 9 จะสามารถบรรลุความสำเร็จเช่นนั้นได้ จากนั้นเมื่อเซียนผู้คุมกฎเหล่านี้ตายจากการนั่งตาย พลังงานของอาวุธเซียนของพวกเขาจะถูกผสานเข้ากับโครงกระดูกของพวกเขาเหมือนกับโครงกระดูกที่เรามีอยู่ตอนนี้ใช่หรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉินถาม

“ถูกต้อง ! ” หวงหลวนกล่าว

“ถ้าอย่างนั้นก็แปลก เมื่อเซียนผู้คุมกฎถึงขั้นสวรรค์ที่ 9 ทำไมพวกเขาจะตัดการเชื่อมต่อกับอาวุธเซียนของพวกเขาและมอบให้กับคนอื่น ? แน่นอนว่า สำหรับเซียนผู้คุมกฎที่มีครอบครัว พวกเขาจะทำสิ่งนี้เพื่อผลประโยชน์ของคนรุ่นหลัง แต่ถ้าข้าจำได้อย่างถูกต้องสิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นกับคนส่วนใหญ่เพราะไม่ใช่ทุกคนที่เป็นเซียนผู้คุมกฎในตระกูลเหล่านี้” เจี้ยนเฉินถามคำถามในใจของเขา

“มันเป็นเพราะความสัมพันธ์กับตำนานที่ไม่สมจริง ด้วยเหตุนี้เซียนผู้คุมกฎทุกคนที่มาถึงขั้นสวรรค์ที่ 9 จะเลือกที่จะแยกการเชื่อมต่อและรักษาสถานะที่สมบูรณ์แบบของอาวุธเซียน หวงหลวน กล่าว

ตำนาน ? โอ้ใช่ เจี้ยนเฉิน ท่านลุงเทียนบอกบางอย่างมาก่อน ให้ข้าอธิบายให้เจ้าฟัง” หมิงตงกล่าวว่า ” ท่านลุงเทียนกล่าวว่าเมื่อเซียนผู้คุมกฏที่มาถึงขั้นสวรรค์ที่ 9 ได้ตัดการเชื่อมต่อกับอาวุธเซียนของเขา พวกเขาจะทิ้งความทรงจำเล็กน้อย ปราณและจิตวิญญาณไว้ในอาวุธของพวกเขาและรอคอยตำนานที่เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดขึ้นกับพวกเขา “

“ตำนานอะไรกัน ! ? ” เจี้ยนเฉินถามอย่างอยากรู้อยากเห็น

“คืนชีพ ! ” ตู่กูเฟิงพูดอย่างจริงจัง

“อะไรกัน การฟื้นคืนชีพ ! ” เจี้ยนเฉินพูดอย่างตกใจเมื่อเขาจ้องมองพวกเขาทั้งหมดด้วยความไม่เชื่อ

หมิงตงพยักหน้าด้วยท่าทางเคร่งขรึม “ใช่แล้ว มันคือการฟื้นคืนชีพอย่างแท้จริง นี่คือสิ่งที่ท่านลุงเทียนบอกกับข้า”

” นั่น..มันเป็นไปได้อย่างไร ? ” เจี้ยนเฉินพูดราวกับว่าความคิดนั้นเป็นไปไม่ได้

หวงหลวนถอนหายใจขณะที่นางตอบ” แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่มีใครเคยประสบความสำเร็จในเรื่องนี้มาก่อน อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่แน่นอนก็คือ; เซียนผู้คุมกฎที่ขั้นสวรรค์ที่ 9 ล้วนแต่เชื่อมั่นในสิ่งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นเมื่อเซียนผู้คุมกฏมาถึงจุดสูงสุดของขั้นสวรรค์ที่ 9 พวกเขาเลือกที่จะตัดการเชื่อมต่อกับอาวุธเซียนของพวกเขา”

ตู่กูเฟิงสีหน้าเริ่มมืดมน “ข้าคิดได้แค่ว่ามีบางสิ่งที่เราไม่รู้ มิฉะนั้นแล้วทำไมเซียนผู้คุมกฎที่ขั้นสวรรค์ที่ 9 เชื่อในตำนานเช่นนี้โดยไม่สงสัยแม้แต่น้อย ? “

เจี้ยนเฉินส่ายหัวอย่างหนัก “นี่มันยังคงเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อ สำหรับเซียนผู้คุมกฎที่ใช้อาวุธเซียนของพวกเขา เพื่อที่จะฟื้นคืนชีพนั่นคือการพูดเกินจริงไปมาก ไม่น่าแปลกใจที่ตำนานนี้ไม่เคยเกิดผลเพราะมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะเริ่มต้นด้วยซ้ำ”

ขณะที่เจี้ยนเฉินพูดคำเหล่านี้ หวงหลวน, ตู่กูเฟิง และ หมิงตง ต่างก็เห็นด้วยกับเขา