บทที่ 476 ประกาศรับสมัคร
บทที่ 476 ประกาศรับสมัคร
“เมืองแห่งความเศร้าโศกสามารถอัญเชิญเฉพาะทหาร NPC ที่มีคุณสมบัติธาตุมืดได้ไหม?” เซียวเฟิงขมวดคิ้ว นี่ไม่ใช่ปัญหาเล็ก ๆ เพราะอาชีพของเซียวเฟิงจำกัดให้เขาเข้าได้กับธาตุแสงเท่านั้น
“ใช่ เมืองแห่งความเศร้าโศกนั้นเป็นของเมืองหลักแห่งความมืด มันไม่สามารถสร้างค่ายทหารหรือสำนักเกณฑ์ทหารสำหรับค่ายอื่นได้ อาคารอัญเชิญอาวุธเพียงอย่างเดียวก็คือแท่นบูชาห้วงลึก และมีเพียงธาตุมืดเท่านั้นที่สามารถอัญเชิญมาได้” น้ำเสียงของซือเยี่ยจิ๋งดูหมดหนทาง
“ถ้ามันไม่ได้ผลจริง ๆ ให้เกณฑ์กองกำลังคนจากมิดซัมเมอร์ แล้วจ้างพวกเขามาทำหน้าที่เป็นทหารของเมืองแห่งความเศร้าโศก นอกจากนี้ยังมีกองกำลังดี ๆ อีกจำนวนมากในหมู่ทหารมนุษย์” หลิวเฉียงเหว่ยแนะนำ
ในฐานะผู้ปกครองของเขตใต้อย่างกิลด์มิดซัมเมอร์ ฐานที่มั่นกิลด์ได้เติบโตขึ้นจนถึงขนาดของเมืองหลักแล้ว ตอนนี้หลิวเฉียงเหว่ยก็ทำการยกระดับภารกิจทุกวัน จุดประสงค์ก็เพื่ออัญเชิญ NPC ทหารเช่นกัน
“นี่ไม่ใช่วิธีที่ดี” เซียวเฟิงส่ายหัว
แม้ว่าทหาร NPC ของกิลด์มิดซัมเมอร์จะสามารถย้ายมายังเมืองแห่งความเศร้าโศกได้ภายใต้เงื่อนไขของความสัมพันธ์แบบพันธมิตร แต่จำนวนกองกำลังที่สามารถเรียกมาจากกิลด์มิดซัมเมอร์นั้นมีจำกัด และมันก็เชื่อมโยงกับเลเวลของกิลด์ด้วย ซึ่งเป็นทางเลือกที่ไม่ฉลาดและสามารถกลายเป็นจุดอ่อนได้ง่าย
“ทำไมนายไม่ใช้ความสามารถของนายแล้วไปที่กองกำลัง NPC เพื่อดูว่าสามารถหาวิธีรับกองกำลังของพวกเขาได้หรือไม่” ซือเยี่ยจิ๋งแนะนำ
“ลองดูก็ได้ งั้นฉันจะไปที่วิหารแห่งแสงดู เซียวหลิง เธอควรออกจากระบบแล้วไปพักผ่อนซะ” เซียวเฟิงคิดว่านี่เป็นวิธีแก้ปัญหา ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าแล้วหันกลับมาและพูดกับเซียวหลิง
“ไม่! ท่านเซียวหลิงยังเหลือเวลาออนไลน์อีกสามชั่วโมง! ฉันต้องใช้มันให้หมดก่อนจะออกจากระบบ! เจ้าคนรับใช้งี่เง่า พาท่านเซียวหลิงไปเก็บเลเวลเดี๋ยวนี้! อย่าได้คิดทิ้งท่านเซียวหลิง!”
เซียวหลิงสะบัดผมสีทองสดใสของเธอ เธอปฏิเสธแบบไม่ต้องคิด หลังจากที่ถูกเซียวเฟิงพาเก็บเลเวลด้วยความเร็วที่เหมือนจรวด เธอจะปล่อยเซียวเฟิงไปได้อย่างไร? และเธอต้องใช้เวลาออนไลน์ทั้งหมดที่เหลืออยู่ในวันนี้เก็บเลเวล เพราะเธอก็ไม่รู้ว่าเซียวเฟิงจะพาเก็บเลเวลครั้งต่อไปเมื่อไหร่
หนิงเคอเค่อฟังคำพูดของเซียวเฟิงอย่างเชื่อฟัง และพร้อมที่จะออกจากระบบ แต่เมื่อเห็นท่าทีของเซียวหลิง เธอก็ไม่กล้าส่งเสียง ยังคงหลบอยู่หลังเซียวหลิงอย่างขี้อายและแอบมองเซียวเฟิง
เซียวเฟิงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ อีกทั้งก็ห้ามเซียวหลิงไม่ได้ เขาเองก็ยังอยากพาเซียวหลิงไปเก็บเลเวล แต่ก็ไม่มีที่เก็บเลเวลอื่นใดนอกจากภูเขากระดูก และตัวเองก็ไม่สามารถหาที่ที่จะพาเธอไปได้
“ฉันจะไปที่วิหารแห่งแสงก่อน” เขาตอบ
ทางเลือกสุดท้ายเซียวเฟิงคือต้องทิ้งปัญหานี้ไว้เบื้องหลังและไปที่วิหารแห่งแสงในเมืองแห่งความเศร้าโศกเพื่อถามเกี่ยวกับสถานการณ์
แม้วิหารแห่งแสงจะอยู่ในเมืองชั้นใน แต่ก็อยู่สุดขอบ ห่างจากอาคารสไตล์ความมืดดั้งเดิมของเมืองแห่งความเศร้าโศก และรวมกับอาคารที่ใช้งานจริงที่สร้างขึ้นมาอย่างหอคอยนักเวท
เมื่อเซียวเฟิงไป เขาก็ได้พบกับเรนัลด์ซึ่งดูเหมือนว่าเขากำลังจะออกไปทำธุระ ดังนั้นจึงรีบไปหยุดเขาอย่างรวดเร็ว
“บิชอปเรนัลด์ ผมมีคำถามจะถามท่าน” เซียวเฟิงตะโกน
“โอ้ นั่นท่านอาร์คบิชอปนี่ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” บิชอปเรนัลด์ไม่คุ้นเคยกับการเรียกเซียวเฟิงว่าท่านเจ้าเมือง เช่นเดียวกับที่เซียวเฟิงไม่คุ้นเคยกับการเรียกเรนัลด์ว่าอาร์คบิชอปเรนัลด์ เขายังคงใช้ตำแหน่งอาร์คบิชอปกับเซียวเฟิง
“ใช่แล้ว ผมจะรับสมัครทหารสำหรับเมืองแห่งความเศร้าโศก แต่เมืองแห่งความเศร้าโศกเป็นเมืองแห่งความมืด และสามารถรับได้เฉพาะทหารคุณสมบัติธาตุมืดเท่านั้น ดังนั้นผมอยากจะถามว่ามีวิธีในการรับสมัครทหารของวิหารแห่งแสงในเมืองแห่งความเศร้าโศกหรือไม่?” เซียวเฟิงกล่าว
“อ้อ อย่างนั้นเองเหรอ ข้าจำได้ว่านักผจญภัยดูเหมือนจะสามารถซื้อทหารของวิหารได้ แต่พวกเขาต้องได้รับอนุญาตจากเทพธิดาแห่งแสง ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับเทพธิดาแห่งแสงแล้ว ตรงไปที่โฮลี่ซิตี้เพื่อไปหาเทพธิดาแห่งแสง” บิชอปเรนัลด์กล่าว
“อย่าพูดไร้สาระ ใครจะมีความสัมพันธ์กับเทพธิดาแห่งแสงกัน” ใบหน้าของเซียวเฟิงเปลี่ยนเป็นสีดำ ความสัมพันธ์ของเขากับเทพธิดาแห่งแสงนั้นไม่ดีมาเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการละเมิดครั้งแรกต่อเทพธิดาหรือเรื่องหนี่อู๋ในภายหลัง ถ้าไม่ใช่เพราะมีความสัมพันธ์ของเสี่ยวไป๋ เซียวเฟิงก็คาดว่าจะถูกเทพธิดาแห่งแสงฆ่าและถูกส่งกลับไปยังหมู่บ้านเริ่มต้น
“ปากพล่อยไปหน่อย” บิชอปเรนัลด์ก็สังเกตเห็นว่าคำพูดของเขาไม่เหมาะสม เขามองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง และพูดอย่างรวดเร็ว
“แล้วท่านกำลังจะไปไหน?” เซียวเฟิงไม่สนใจเขา แต่ชายหนุ่มก็ยังคงถาม เพราะดูเหมือนว่าบิชอปเรนัลด์กำลังจะออกจากวิหาร
“ชายชราจากไคเซอร์คนนั้นส่งจดหมายมาคุยกับข้า ข้าไม่รู้ว่ามีสถานการณ์อะไรไหม ข้าต้องไปที่ศาลของเขาดู เพราะภายใต้สถานการณ์ปกติ เขาไม่เคยคุยกับข้าเลย” บิชอปเรนัลด์ตอบ
เซียวเฟิงพยักหน้า เนื่องจากเขากำลังจะไปที่เมืองเทียนหลง ชายหนุ่มเลยไม่สนใจ ท้ายที่สุด มันก็เป็นที่ตั้งของกิลด์มิดซัมเมอร์ด้วย
“เซียวเฟิง!”
เซียวเฟิงที่กำลังจะไปโฮลี่ซิตี้เมื่อออกมาจากวิหาร แต่ก็พบว่าหลิวเฉียงเหว่ยและซือเยี่ยจิ๋งยังคงรออยู่ข้างนอก ไม่เพียงแค่นั้น สีหน้าของพวกเขาค่อนข้างจริงจัง มีเพียงเซียวหลิงเท่านั้นที่ดูใจร้อน
“ประกาศรับสมัครมาแล้ว” ซือเยี่ยจิ๋งพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ประกาศรับสมัคร?” เซียวเฟิงตกตะลึง
“ประกาศรับสมัครลงศึกชิงการผ่านครั้งแรกของดันเจี้ยนเลเวล 45 ไง! นายไม่ได้รับมันเหรอ?” ซือเยี่ยจิ๋งถาม
เมื่อเซียวเฟิงได้ยินสิ่งนี้ เขาก็เปิดข้อความแชตส่วนตัว แต่พบว่าข้อความในนั้นเต็มแล้ว เนื่องจากชื่อตัวละครของเซียวเฟิงถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ คำขอเป็นเพื่อนจึงถูกเพิ่มรายการข้อความของเขาโดยตรง แม้ว่าจะมีแจ้งเตือนส่วนตัวก็ตาม เขาก็ไม่ได้ยิน
เซียวเฟิงดูที่ด้านบนสุดของรายการข่าวล่าสุด และพบว่ามีหลายคำเชิญให้ไปที่ดันเจี้ยนเลเวล 45 เพื่อเปิดดันเจี้ยน เล่าสวีและไทแรนนี่เป็นผู้ส่งข่าว และคนของกิลด์ใหญ่อื่น ๆ
“ตอนที่ฉันกลับมา ดูเหมือนฉันจะได้ยินเรื่องดันเจี้ยนระดับ 45 มาก่อนแล้ว ทำไมมันถึงยังไม่ถูกผ่านครั้งแรกไปตั้งนานแล้วล่ะ?” เซียวเฟิงที่ขี้เกียจเกินกว่าจะตรวจสอบทีละคน เขาล้างรายการข้อความแล้วเงยหน้าขึ้นถาม
ถ้าชายหนุ่มจำไม่ผิด เซียวเฟิงเคยได้ยินเกี่ยวกับดันเจี้ยนเลเวล 45 มานานแล้ว เขาคิดว่าการผ่านครั้งแรกได้ถูกชิงไปแล้ว ท้ายที่สุด ก็มีผู้เล่นระดับปรมาจารย์ในโลกของเกมอยู่ไม่ขาด เพียงแค่เอาเขตฮัวเซียเป็นตัวอย่าง กิลด์แอนติควิตี้ควรจะพิชิตมันได้ทันทีที่มันเปิดขึ้นมา และเช่นเดียวกันกับเขตอื่น ๆ โดยเฉพาะเขตอเมริกาเหนือ ที่ธอร์ไปถึงระดับปรมาจารย์ระดับพระเจ้าแล้ว
หากเป็นดันเจี้ยนเลเวล 45 ที่เพิ่งค้นพบ เซียวเฟิงจะต้องสนใจอย่างมาก และเข้าร่วมสงครามเขตชิงการผ่านครั้งแรก แต่เนื่องจากดันเจี้ยนเลเวล 45 ถูกค้นพบมาเป็นเวลานานแล้ว เซียวเฟิงจึงคิดว่าการผ่านครั้งแรกถูกชิงไปแล้ว เขาก็เลยไม่สนใจอะไรมาก
“เกือบครึ่งเดือนแล้วที่เราค้นพบดันเจี้ยนเลเวล 45 ในประเทศจีน แต่เรายังไม่ได้ผ่านครั้งแรกจนถึงตอนนี้ เช่นเดียวกับเขตอื่น ๆ เป็นเวลานานมากแล้วที่พบดันเจี้ยนเลเวล แต่ไม่มีเขตไหนที่สามารถผ่านได้สำเร็จ เขตอเมริกาเหนือก็ไม่มีข้อยกเว้น” ซือเยี่ยจิ๋งอธิบาย
“มันโผล่มานานขนาดนี้แล้วไม่ใช่เหรอ? ยังไม่มีคนผ่านอีกเหรอ? กิลด์แอนติควิตี้อยู่ที่ไหน?” เซียวเฟิงถามอย่างแปลกใจ
“กิลด์แอนติควิตี้เป็นคนออกประกาศเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว และพวกเขามาที่นี่เพื่อรับสมัคร อันที่จริงกิลด์ใหญ่ต่าง ๆ ก็ออกมาร่วมกันโดยละทิ้งความคับข้องใจส่วนตัวชั่วคราวและรวบรวมสุดยอดพลังการต่อสู้ระดับสูงในจีนเพื่อพยายามเปิดดันเจี้ยนให้สำเร็จ!” คราวนี้เป็นหลิวเฉียงเหว่ยที่กล่าว
“ยากขนาดนั้นเลย?”
เซียวเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่การที่ถึงกับทิ้งความขัดแย้งกับกิลด์แอนติควิตี้ ก็บ่งชี้แล้วว่ามันมีปัญหากับความยากของดันเจี้ยนอย่างแน่นอน!
“ควรจะบอกว่ามันวิเศษมาก ดันเจี้ยนเลเวล 45 แรกที่เปิดใช้งานโดยแต่ละเขตสงครามนั้นเป็นประเภทเดียวกัน และเป็นดันเจี้ยนระดับโลก! ไม่เพียงแต่ทีมจะจำกัดที่ร้อยคนเท่านั้น! บอสตัวสุดท้ายยังเป็นบอสระดับตำนาน! บอสระดับตำนานเลเวล 50 ระดับ 3!”
น้ำเสียงของซือเยี่ยจิ๋งเคร่งขรึมราวกับว่าเธอเคยไปที่ดันเจี้ยนนั้น “ประกาศรับสมัครนี้ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเขตฮัวเซีย หากการบุกเบิกดันเจี้ยนนี้ล้มเหลวอีกครั้ง ก็ต้องรอผู้เล่นชั้นนำก็จะพลาดครบสามครั้งแล้วถึงจะท้าทายได้อีก”
“บอสระดับตำนานเลเวล 50 เรอะ!” สีหน้าของเซียวเฟิงกลายเป็นเคร่งขรึมเมื่อเขาได้ยินคำเหล่านี้ การโจมตีของบอสนั้นเป็นการฆ่าทันที ไม่ใช่สิ่งที่ให้ผู้เล่นท้าทายเลย อย่าว่าแต่ขีดจำกัดทีมร้อยคนเลย ต่อให้เป็นพันคนและทุกคนเกิดได้คนละสามครั้งก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ!
“พูดถึงเรื่องนั้น ประกาศรับสมัครนี้เกี่ยวข้องกับนายด้วย” ใบหน้าสวยของหลิวเฉียงเหว่ยหันมาพูดกับเขา “นายเป็นอันดับหนึ่งในเขตฮัวเซีย หากไม่มีนาย ต่อให้เรียกผู้เล่นชั้นสูงทั้งหมดในเขตฮัวเซียมา ความแข็งแกร่งก็ยังต่ำไป ก่อนหน้านี้ฉันก็จะออกประกาศรับสมัครทันทีที่นายกลับมาจากเขตฮันกึล แต่ทันทีที่นายกลับมานายก็ออฟไลน์ไปหลายวันและติดต่อนายไม่ได้เลย ในที่สุด หลังจากที่รอให้นายออนไลน์ ฉันก็ไปที่ไอรอนครูเสดอีกครั้ง ปัญหาของกิลด์ยังไม่หมดไปจนกระทั่งตอนนี้ ประกาศรับสมัครจึงล่าช้ามาจนถึงตอนนี้”
“ฉันเจอกับเธอเมื่อกี้และเธอก็ยืนยันว่าต้องแจ้งให้นายรู้ก่อนที่จะติดต่อกิลด์ใหญ่เพื่อออกประกาศรับสมัครร่วมกัน” ซือเยี่ยจิ๋งอธิบาย
“ก็ได้ ยังไงก็ตาม ฉันต้องใช้เวลาสักพักเพื่อไปที่โฮลี่ซิตี้ก่อน ดังนั้นเธอปล่อยเรื่องประกาศไปก่อน” เซียวเฟิงคิดเกี่ยวกับมันและพยักหน้า
“ฮึ่ม! ดันเจี้ยนทวงคืนดันเจี้ยนงั้นเหรอ? เรื่องสนุก ๆ แบบนี้จะท่านเซียวหลิงจะพลาดได้ยังไง!” เซียวหลิงตื่นเต้นอยู่ข้าง ๆ
“เซียวหลิง อย่าพูดตลก นี่ไม่ใช่การเล่น เธอไปไม่ได้!” แต่หลิวเฉียงเหว่ยปฏิเสธ
“อะไรนะ! ยัยผู้หญิงที่น่ารังเกียจ เธอขัดต่อความต้องการของท่านเซียวหลิงจริง ๆ เหรอ?” เมื่อเซียวหลิงได้ยิน ผมยาวสีทองของเธอก็เกือบจะระเบิด
“นี่คือการบุกทวงดินแดนที่ประกอบด้วยผู้เล่นระดับสูงทั้งหมดในเขตสงคราม เธอคิดว่าด้วยเลเวล ของสวมใส่ และความแข็งแกร่งของเธอ เธอจะสามารถเล่นได้หรือเปล่า?” ดวงตาที่สวยงามของหลิวเฉียงเหว่ยไม่ได้ผันผวน และเซียวหลิงก็ชะงักเล็กน้อย
“แก! ยัยผู้หญิงน่าขยะแขยง! แมวเหม็น! จิ้งจอกเหม็น! นังวัวน่าเกลียด! ท่านเซียวหลิงขอสั่งให้เธอไปตายร้อยครั้ง!” ใบหน้าเล็ก ๆ อันบอบบางของเซียวหลิงแดงก่ำด้วยความโกรธ
“ให้เซียวหลิงไปกับเธอได้อยู่แล้ว ใช่ไหม?” เซียวเฟิงทนไม่ไหวอีกต่อไปและกล่าว
“ไม่ นายควรเตรียมใจให้พร้อมสำหรับความยากของดันเจี้ยนระดับโลกและบอสระดับตำนาน แม้ว่านายจะไม่มีปัญหา แต่นายจะเสียสมาธิเพื่อดูแลขวดน้ำมันได้ไหม?” หลิวเฉียงเหว่ยไม่ได้ถอยกลับเลย เธอพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“เธอสิคือยัยขวดน้ำมัน! ยัยผู้หญิงตัวเหม็น! เซียวหลิงเกลียดเธอ!” ใบหน้าของเซียวหลิงซีด และร่างกายที่เล็กกะทัดรัดของเธอก็สั่นด้วยความโกรธ
“เซียวหลิง เธอควรจะมีสติหน่อยสิ เซียวเฟิงจะดูแลเธออยู่แล้ว แต่เธอยินดีที่จะเป็นภาระของเขาหรือเปล่า? เขามีสิ่งที่ต้องทำ เธอต้องการให้เขาทิ้งงานเพื่อมาดูแลเธอตลอดเวลางั้นเหรอ?” หลิวเฉียงเหว่ยหันไปหาเซียวหลิง เสียงของเธอเย็นชาและไม่มีความผันผวนใด ๆ
“ฮึ่ม! เราตัวติดกันอยู่แล้ว ยัยสาวใช้โง่! ถ้าเธอไม่พาฉันไป พวกเราก็ไม่ไป!”
เซียวหลิงตะโกน แล้วหันหลังกลับและจากไปโดยที่ตัวสั่นและไม่พูดอะไรอีก
“แรงไปไหมนะ?” หลิวเฉียงเหว่ยถอนสายตาของเธอ มองไปที่เซียวเฟิงที่ขมวดคิ้วเล็กน้อยและถามเบา ๆ
“เซียวหลิงยังเด็กและเอาแต่ใจ เธอเข้มงวดเกินไปหรือเปล่า?” เซียวเฟิงถาม
“เพราะเธอยังเด็กนี่แหละ เธอจึงต้องมีวินัย ถ้านายปล่อยให้เธอโตมากับนิสัยแบบนี้ นายจะดูแลเธอไปตลอดชีวิตที่เหลือของเธอได้ไหม?” หลิวเฉียงเหว่ยพูดกับเซียวเฟิงทันที
“ฉัน…” อย่างไรก็ตาม เซียวเฟิงไม่สามารถหักล้างสิ่งที่เธอพูดได้ เพราะมันสมเหตุสมผลจริง ๆ