ตอนที่ 1103 เธอไม่จำเป็นต้องมาที่นี่สักหน่อย

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

วันถัดมาเป่ยเฉินตงมาถึงแต่เช้าเพื่อดื่มชากับพ่อของเขา

คุณพ่อเป่ยนั่งรออยู่ในสวน มองลูกชายพลางส่งยิ้มให้ขณะที่เตรียมชาอยู่ “นานๆ ทีแกจะนึกถึงพ่อ”

เป่ยเฉินตงวางเสื้อคลุมก่อนนั่งลงบนเก้าอี้หิน ไม่สนใจเกล็ดหิมะที่โปรยปรายลงมาบนตัวพลางยกถ้วยชาร้อนๆ ขึ้นดื่ม “พ่อครับ ผมมาที่นี่เพื่อสารภาพบางเรื่องครับ”

“แกมาสารภาพด้วยท่าทีอย่างนี้เนี่ยนะ” คุณพ่อเป่ยถามพร้อมเหลือบมองหน้าลูกชายก่อนจิบชาจากถ้วย “ว่ามาสิ มีเรื่องอะไร”

“จริงแล้วผมไม่ได้ป่วยครับ” เป่ยเฉินตงบอกไปตามตรง

ทันทีที่อีกฝ่ายได้ยินดังนี้ เขาทุบกำปั้นลงบนโต๊ะหินและมุ่นคิ้วใส่ลูกชาย “ไหนลองพูดอีกทีสิ”

“ผมบอกว่าผมไม่ได้ป่วยครับ” เขาว่าซ้ำ “ผมแกล้งทำเพื่อให้พ่อแม่อนุญาตให้แต่งงานกับซินเอ๋อร์เฉยๆ”

“ไหนๆ แกก็สร้างเรื่องโกหกมาขนาดนี้แล้ว ทำไมไม่ปล่อยเลยตามเลยไปล่ะ ทำไมอยู่ๆ ถึงมายอมรับ”

“ซินเอ๋อร์ท้องแล้วแม่ก็บังคับให้เธอทำแท้งเพราะคิดว่าผมกินยาต้านโรคซึมเศร้าที่อาจจะทำให้ส่งผลเสียกับลูก ความจริงแล้วทั้งลูกแล้วก็ซินเอ๋อร์ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้นครับ” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ผมถึงได้ต้องห้ามไม่ให้แม่บังคับซินเอ๋อร์ไงครับ”

คุณพ่อเป่ยฮึดฮัดในลำคอ มือไม้สั่นเทาไปหมด คิดว่าการโกหกนี้มันทั้งน่าขำและน่าโมโห

เขารู้ว่านี่เป็นสิ่งที่สมกับเป็นการกระทำของเป่ยเฉินตง

“ถ้าซินเอ๋อร์ไม่ท้อง แกก็ไม่คิดจะบอกเรื่องนี้เลยหรือไง” คุณพ่อเป่ยถามขณะที่ก้มหน้าและขยับเข้าไปใกล้อีกฝ่าย

“ครับ” เขาขานรับอย่างตรงไปตรงมา

“แกเห็นพวกเราเป็นอะไรฮะ” คุณพ่อเป่ยถามลูกชายต่อ “เราทั้งสองคนเป็นห่วงสุขภาพของแกมาก แต่สุดท้ายเกิดอะไรขึ้นกันล่ะ แกล้อเล่นกับพวกเรางั้นเหรอ สนุกไหมล่ะ

“เป่ยเฉินตง อายุแกก็เข้าวัยสามสิบแล้วนะ ทำไมถึงทำตัวให้พึ่งพาได้อย่างโม่ถิงไม่ได้ล่ะ แล้วได้คิดถึงสิ่งที่จะตามมาก่อนจะทำอะไรลงไปบ้างไหม

“แกคิดว่าชีวิตเป็นของแกคนเดียว เราเลยไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งเหรอ”

คุณพ่อเป่ยโกรธจนสั่นไปทั้งตัว เป่ยเฉินตงเอื้อมมือไปหาพ่อตัวเองอย่างไม่รู้ตัว…

“อย่ามาจับฉัน ฉันตัดสินใจอะไรไม่ได้ ไปคุยกับแม่แกโน้น”

เพราะเป่ยเฉินตงออกไปข้างนอก หันซินเอ๋อร์จึงเดินเข้ามาในบ้านที่ว่างเปล่า เธอพยายามโทรหาเขาแต่เขากลับไม่รับโทรศัพท์ ซ้ำยังไม่บอกอะไรล่วงหน้าด้วย

เธอคงเดาไม่ออกว่าเป่ยเฉินตงกำลังคุกเข่าสำนึกผิดต่อหน้าบรรพบุรุษอยู่ที่บ้านตระกูลเป่ย

ตอนนั้นผู้อาวุโสทุกคนในตระกูลเป่ยมาถึงบ้าน และคุณนายเป่ยก็ได้รู้ในท้ายที่สุดว่าทำไมเธอจึงไม่เคยเห็นเป่ยเฉินตงกินยาเลย…

เขาไม่เคยป่วย แค่แกล้งแสดงละครตบตาเท่านั้น

“แกไม่เหมือนฉันหรือพ่อของแกเลย ไม่รู้ว่าไปได้นิสัยนี้มาจากไหนกัน” คุณนายเป่ยมองลูกชายด้วยความผิดหวัง “ตระกูลเป่ยจะยังหวังพึ่งพาแกให้สืบทอดธุรกิจของตระกูลได้ไหมเนี่ย ฉันยกให้มูลนิธิยังจะดีซะกว่าทิ้งให้พังคามือแกเลย”

“แม่ครับ ผมขอโทษ ทั้งหมดเป็นความคิดของผมคนเดียว ไม่เกี่ยวอะไรกับซินเอ๋อร์เลยนะครับ”

“ฮึ่ย” เธอคำรามออกมา จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “แกคิดว่าฉันไม่รู้จักแกเหรอ ฉันรู้ว่าซินเอ๋อร์เป็นยังไง เธอไม่มีทางใช้ลูกเล่นแบบนี้หรอก”

“แม่ถึงไม่ควรโทษเธอเรื่องนี้ไงครับ”

“ถ้ารู้ว่าสุดท้ายวันนี้จะมาถึงแล้วจะโกหกฉันทำไมล่ะ คิดว่าตัวเองอายุเท่าไรแล้ว เป่ยเฉินตง ฉันไม่ได้ผิดหวังกับเรื่องอะไรเลยนอกจากวิธีการที่แกใช้

“คุกเข่าสำนึกผิดกับบรรพบุรุษของแกต่อไปเลยนะ”

ในขณะเดียวกันหันซินเอ๋อร์ตามหาทุกที่แต่ก็ไม่พบตัวสามี หญิงสาวจึงโทรหาถังหนิงกับโม่ถิงด้วยซ้ำแต่ก็ยังไม่ได้ข่าวคราวของเป่ยเฉินตง

สุดท้ายจึงไม่มีทางเลือกนอกจากไปถามจากตระกูลเป่ย

คุณนายเป่ยรับโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงเย็นชาเต็มที “เป่ยเฉินตงมาที่บ้าน”

“โอ๊ะ…”

“ซินเอ๋อร์ เธอก็ควรแวะมาที่นี่เหมือนกันนะ” ปลายสายว่าหลังจากรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ทราบว่าเหตุการณ์นั้นตึงเครียดขนาดไหน

“โอเคค่ะ เดี๋ยวฉันจะรีบไปนะคะ”

หันซินเอ๋อร์สัมผัสได้ว่าเธอคงไม่ได้ถูกเรียกไปที่บ้านตระกูลเป่ยด้วยเรื่องธรรมดาแน่ เป่ยเฉินตงหายตัวไปตั้งแต่เช้าตรู่และเขาก็ยังติดต่อไม่ได้ มีเหตุผลอื่นอะไรที่เขาจะไปอยู่ที่บ้านตระกูลเป่ย

หันซินเอ๋อร์จึงรีบไปที่บ้านตระกูลเป่ย ทันทีที่ก้าวผ่านประตูเข้ามาก็เห็นคุณนายเป่ยจ้องมาที่เธอด้วยสายตาจริงจัง “ซินเอ๋อร์ เธอนี่ช่างกล้าจริงๆ รู้หรือเปล่าว่าเป่ยเฉินตงแกล้งป่วยตั้งแต่แรก เพื่อเข้ามาในตระกูลเป่ย เธอคงต้องทุ่มเทมากขนาดนี้เลยสินะ”

หลังได้ยินคำพูดของคุณนายเป่ย หันซินเอ๋อร์ก็ใจหายวาบ

เธอเดินไปหาอีกฝ่าย พยายามโน้มน้าวด้วยความจริงใจของเธอ แต่คุณนายเป่ยกลับดันเธอออก

“คุณแม่คะ…จริงๆ แล้วฉันรู้เรื่องนี้มาตั้งแต่แรก ฉันไม่มีข้อแก้ตัวกับสิ่งที่ได้ทำลงไป หวังแค่คุณแม่อย่าโกรธเลยนะคะ”

“จะไม่ให้ฉันโกรธได้ยังไงกัน ฉันให้เธอเลือกสองทาง ถ้าไม่คลอดลูกแล้วหย่ากับเป่ยเฉินตงซะ ก็ไปทำแท้งแล้วหย่า…”

“คุณแม่คะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะแต่งเข้าครอบครัวที่ร่ำรวยเลยนะคะ ฉันหวังว่าคุณแม่จะเข้าใจว่าเป่ยเฉินตงก็เป็นคนอย่างนี้มาตลอด ฉันห้ามอะไรเขาไม่ได้ ฉันถึงได้ยอมรับผิดชอบร่วมกับเขาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม แต่อย่าพรากเราจากกันเลยนะคะ

“ให้ฉันเซ็นข้อตกลงหลังแต่งงานก็ได้ค่ะ ว่าฉันไม่ต้องการเงินจากตระกูลของคุณแม่สักนิดเดียว

“แต่แลกกับความหวังที่คุณแม่จะเลิกพรากเราจากกันนะคะ

“ฉันไม่อยากแยกจากเขาค่ะ”

หันซินเอ๋อร์เริ่มร้องไห้พลางเขย่าแขนของคุณนายเป่ย

เธอหันไปมองหน้าหันซินเอ๋อร์ ก่อนส่ายหน้าอย่างเอือมระอาในท้ายที่สุด “เลิกร้องไห้ได้แล้ว ไปดูเจ้านั่นก่อนเถอะ”

คุณนายเป่ยไม่ได้ว่าอะไรออกมาอีก ขณะพาอีกฝ่ายไปที่ห้องโถงบรรพบุรุษตระกูลเป่ย

เมื่อเธอเห็นเป่ยเฉินตง เธอก็พยายามโผเข้าไปหาสามีของเธอทันที แต่คุณนายเป่ยรั้งเธอเอาไว้

“ตอนนี้เธอท้องอยู่นะ ผู้ชายอกสามศอกอย่างเขา คุกเข่าแค่นี้ไม่ตายหรอกน่า…”

หันซินเอ๋อร์ไม่ได้มีท่าทีไม่พอใจ เธอกลับยืนมองเขาอยู่ด้านข้างแทน…

“ซินเอ๋อร์กลับบ้านไปก่อนเถอะ” เขาว่าขึ้นขณะที่หันไปมองหน้าภรรยา “เธอไม่จำเป็นต้องมาที่นี่สักหน่อย”

“ฉันไม่ไป…” เธอตอบ “ถ้าคุณถูกทำโทษเราก็จะผ่านมันไปด้วยกัน แล้วมาดูกันว่าต่อไปคุณจะยังใช้วิธีตื้นๆ อย่างนี้อีกหรือเปล่า”

หลังจากผู้อาวุโสทั้งสองได้ยินคำพูดของหันซินเอ๋อร์ พวกเขาแทบจะตบมือแสดงความยินดี ในที่สุดก็มีคนที่กำราบปีศาจตัวนี้ได้สักที!

ตั้งแต่เขายังเด็ก ไม่มีใครคุมเขาอยู่หมัดสักคน ตอนนี้มีหันซินเอ๋อร์ที่สมน้ำสมเนื้อกับเขาในท้ายที่สุดแล้ว

หลังจากได้ยินภรรยาพูดเช่นนั้น เป่ยเฉินตงก็ลุกขึ้นก้มคำนับพ่อแม่ของเขา “พ่อครับ แม่ครับ ผมรู้ว่าคราวนี้ผมทำเกินไป แต่ถ้าจะมีใครสักคนต้องถูกลงโทษก็มาลงที่ผมเถอะครับ ผมเป็นคนบังคับให้ซินเอ๋อร์ร่วมมือเอง”