ขบวนรถแต่งงานที่มารับฝ่ายเจ้าสาวเองก็รู้กฎอยู่เช่นกัน เมื่อเห็นว่ามีคนสามคนยืนอยู่ตรงหน้าประตูของชุมชน พวกเขาจึงทำได้เพียงแค่จอดรถเอาไว้ตรงนี้

และจากนั้นหลินฟาน , หวังเซี่ยวตงและคนอื่นๆก็ค่อยๆลงมาจากรถ

ในทันใดนั้นเอง

หัวหน้าทีมตรวจสอบหวังต้าหมิง ก็ได้เห็นรูปร่างของคนที่ลงมาจากรถ เขาถึงกับก้าวถอยหลังออกมาจากที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูชุมชนในทันที

แต่ไม่ใช่แค่นั้น!

เพราะหวังต้าหมิงไม่ได้ถอยออกมาแค่เพียงคนเดียว เขาได้ดึงชายหนุ่มสองคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นออกมาด้วยเช่นกัน

และตอนนี้ หวังต้าหมิงคงจะเหมือนกับพวกทหารที่บังเอิญเดินไปพบกับผู้บังคับบัญชาเข้า เขายืดตัวตรงอยู่ตลอดเวลาและจากนั้นก็พูดว่า ไม่ต้องไปสนใจหรอกเรารีบไปจากตรงนี้กันเถอะ (จากนั้น เมื่อทหารเห็นผู้นำ เขาก็ยืดเอวให้ตรงและให้ความสนใจ)

ชายหนุ่มทั้งสองคนรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก

นี่……

นี่มันหมายความว่าอะไร?

พี่ต้าหมิงบอกเองไม่ใช่หรอ? ว่าพี่จะไม่ปล่อยให้เจ้าบ่าวเดินเข้าไปแต่งงานกับพี่ซีฉินได้อย่างง่ายๆ

และพี่ก็เป็นคนพูดเองว่าจะทำให้เจ้าบ่าวต้องรู้สึกอับอายอับอายไม่ใช่หรอ?

ทำไมจู่ๆพี่ถึงได้เปิดทางให้กับเจ้าบ่าวง่ายดายขนาดนี้ล่ะ?

แถมยังดึงพวกฉันทั้งสองคนออกมาจากตรงนั้นอีกด้วย?

พี่ต้องเป็นคนขวางประตูเอาไว้ไม่ใช่รึไง? ต้องคอยขวางฝ่ายเจ้าบ่าวเอาไว้สิ

เนื่องจากนี่เป็นประเพณีในจังหวัดชิงซี

เมื่อมีพิธีแต่งงาน ทางฝ่ายหญิงจะต้องจัดหาคนที่มีความสามารถ และเอามาเป็น “คนขวางประตู” ซึ่งจะคอยทำหน้าที่ขัดขวางเอาไว้ เพื่อทำให้ฝ่ายผู้ชายรู้สึกลำบากในทุกวิถีทางที่ต้องเข้าไปรับตัวเจ้าสาว

เพราะต้องการให้เจ้าบ่าวรู้ว่าการแต่งงานนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เขาจะได้รู้สึกว่าต้องทะนุถนอมภรรยาของเขาเอาไว้ให้มากๆ

ส่วนฝ่ายเจ้าบ่าวก็สามารถจัดหาคนที่มีอำนาจหรือคนที่มีสถานะสูงส่งพอสมควรเอาไว้ได้เช่นกัน เพื่อที่จะทำหน้าที่เป็น ‘คนเปิดประตู’ ให้กับเจ้าบ่าว ซึ่งจะช่วยลดปัญหาความยากลำบากในการเข้าไปรับตัวเจ้าสาวได้อย่างมาก

ในส่วนของเหตุผลที่หวังต้าหมิงถอยออกมานั้น มันเป็นเพราะว่าเขาได้สังเกตุเห็นใครบางคนที่เดินออกมาจากรถ ซึ่งเขาคนนั้นก็คือหลินฟานนั่นเอง

ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามแล้วที่หวังต้าหมิงได้เจอกับหลินฟาน

ในครั้งแรกนั้น เขาได้เจอกับหลินฟานที่โรงพยาบาลกลางชิงซี

วันนั้นเป็นวันที่ผู้ว่าการชิงซีได้เข้าไปตรวจดูโรงพยาบาลกลางพอดี เลยทำให้หวังต้าหมิงได้ทำหน้าที่เป็นคนคอยคุ้มกันเขาเอาไว้นั่นเอง

ในตอนนั้นผู้ว่าการชิงซีเอง ก็เหมือนจะเข้าไปตีสนิทและคอยเอาใจหลินฟานอย่างมากมาย เพราะว่าเขาได้กลับมาที่โรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมพ่อของหลินฟานในวันถัดไปอีกครั้ง

ส่วนในครั้งที่สองก็คือที่ห้างหยินซาน

เพราะในตอนนั้น หวังต้าหมิงได้รับโทรศัพท์แจ้งมาที่สำนักงานตำรวจ และเมื่อไปถึงยังที่เกิดเหตุ เขาก็พบเห็นหลินฟาน ที่เกือบจะถูกกลุ่มยามรักษาความปลอดภัยทุบตี

และเพื่อนร่วมชั้นของหวังต้าหมิงก็ยังพยายามที่จะให้เขาเป็นคนจับหลินฟานอีก

เรื่องนี้ทำให้หวังต้าหมิงตกใจจนเกือบตาย

ในเวลาต่อมา เมื่อหัวหน้าของเขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นนั้น หัวหน้าก็ได้ลงมมือจัดการกับบุคคลที่เกี่ยวข้องอย่างเข็มงวดทันที

ไม่แม้แต่หวังต้าหมิง เพราะเขาเองก็ได้รับการตำหนิด้วยเช่นกัน

และวันนี้ก็เป็นครั้งที่สามที่เขาได้พบกับหลินฟาน

ในประเพณีของชิงซี ยิ่งฝ่ายเจ้าบ่าวพาคนที่มีสถานะร่ำรวยสูงส่งมาได้เยอะๆก็ยิ่งดี (ใน Qingshi ยิ่งสถานะการรับญาติสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งยากน้อยลงเท่านั้น)

เพราะมันจะช่วยให้เขาสามารถแต่งงานได้อย่างราบรื่น

และหวังต้าหมิงเองก็รู้เกี่ยวกับตัวตนของหลินฟาน ที่แม้แต่คนใหญ่คนโตก็ต้องคอยเอาใจใส่และคอยทำให้หลินฟานพอใจ พวกเขาเหล่านั้นต่างปฏิบัติตัวกับหลินฟานอย่างเท่าเทียม แล้วตำรวจตัวเล็กๆอย่างเขา จะกล้าสร้างปัญหาให้กับหลินฟานได้ยังไงกัน ?

แน่นอนว่าเขาไม่กล้าที่จะขวางทางเอาไว้!

หวังเซี่ยวตงที่เป็นเจ้าบ่าวไม่ได้รู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้

เขาเห็นแต่คนที่ขวางประตูได้เดินออกไปอย่างง่ายดาย เลยทำให้หวังเซี่ยวตงเดินเข้าไปข้างในได้อย่างสบายๆ

“แป๊ะ!”

ในขณะเดียวกันนั้น ก็มีเสียงประทัดดังขึ้นมาจากข้างในชุมชน

ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่หน้าประตูอาคารต้านหยวน ได้ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “หวังต้าหมิงมัวทำอะไรอยู่? ทำไมถึงปล่อยให้เจ้าบ่าวเข้ามาได้เร็วถึงขนาดนี้!”

กงเล่อฉีที่กำลังถือบุหรี่อยู่ ถึงกับขดริมฝีปากของเขาก่อนจะพูดออกมา ” หวังต้าหมิงมันหายไปใหนแล้ว ชั่งไร้ประโยชน์จริงๆเลย!”

จากนั้นชายวัยกลางคนข้างๆก็ได้พูดขึ้น ” ดูเหมือนว่าหวังต้าหมิงจะยังเด็กเกินไปจริงๆนั่นแหละ นายน่าจะมีประสบการณ์ในการขวางผู้คนมากกว่าเขานะ กงเล่อฉี เพราะตอนนี้นายเป็นถึงหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของห้างหยินซาน”

“ฉันคงต้องพึ่งนายแล้ว นายช่วยไปขวางที่หน้าประตูและสร้างความลำบากให้กับเจ้าบ่าวที”

“ และอย่าปล่อยให้เจ้าบ่าวขึ้นไปรับตัวเจ้าสาวที่ชั้นบนได้อย่างง่ายๆล่ะ ฉันไม่อยากให้เขาคิดว่าซีฉินเป็นผู้หญิงที่ได้มาอย่างง่ายๆ”

จากนั้นกงเล่อฉีก็เอามือวางที่หน้าอกของเขาแล้วพูดรับปาก “ปล่อยให้ผมจัดการได้เลยครับ! ปกติแค่ผมคนเดียวก็สามารถหยุดรปภ.ได้เป็นสิบคนแล้ว เรื่องแค่นี้ไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย!”

” ผมจะเป็นคนที่มอบความลำบากในวันแต่งงานให้กับเจ้าบ่าวจนไม่มีวันลืมมันได้เอง !”

ชายวัยกลางคนได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าด้วยความโล่งอก

และในไม่นานก็มีคนกลุ่มใหญ่เข้ามาถึงที่หน้าอาคาร ต้านหยวน

ตอนนี้กงเล่อฉีเองก็ได้มองเห็นเจ้าบ่าวหวังเซี่ยวตงแล้ว เขาเดินมาด้วยท่าทางที่ผ่อนคลายเป็นอย่างมาก

และในเวลาต่อมาไม่นาน กงเล่อฉีก็ได้หันไปเห็นหลินฟานที่กำลังเดินอยู่ข้างๆ เจ้าบ่าวด้วยเช่นกัน รูม่านตาของเขาถึงกับหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว

ใช่เขาจริงๆด้วย!

ใช่แน่ๆ ต้องเป็นคุณหลินผู้ลึกลับที่ถือหุ้นมากที่สุดของหยินซานกรุ๊ป อย่างแน่นอน!

และจากนั้นเองชายวัยกลางคนก็ได้พูดขึ้น “ ดูเหมือนไกล้จะมาถึงกันแล้วนะ ”

ทันทีที่ชายวัยกลางคนพูดจบ เขาก็ถูกกงเล่อฉีดึงออกจากประตูอาคารต้านหยวน อย่างรุนแรง

ชายวัยกลางคนถึงกับมองกงเล่อฉีด้วยความงุนงง

มันเกิดอะไรขึ้น?

นายเป็นคนบอกเองว่าจะเป็นคนจัดการทุกอย่างไม่ใช่หรอ ?

นี่คือการจัดการของนายอย่างนั้นหรอ?

ทำไมถึงถอยออกมาแล้วเปิดทางให้กับจ้าบ่าวเดินเข้าไปได้ง่ายดายขนาดนั้น ?

ไหนนายบอกว่าจะเป็นคนที่มอบความลำบากในวันแต่งงานให้กับเจ้าบ่าว จนไม่มีวันลืมมันได้ไม่ใช่หรอ?

แล้วนี่มันทำให้ไม่มีวันลืมได้ตรงใหนกัน?

โอ้ใช่สิ! การแต่งงานนี้เจ้าบ่าวจะต้องจดจำไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน เพราะมันง่ายมาก ง่ายสุดๆไปเลยสินะ!

หวังเซี่ยวตงยังไม่ค่อยเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นตอนนี้

แต่อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้หยุดเท้าและรีบเดินกลับเข้าไปในประตูทันที

ถ้าการแต่งงานของฉันง่ายแบบนี้ มันคงเป็นเรื่องที่ดีมากเลยล่ะ

ชายวัยกลางคนไม่ได้พูดอะไร เขารอจนกว่าหวังเซี่ยวตงและคนอื่นๆจะขึ้นไปที่ชั้นบนจนหมด

และเมื่อเขาเห็นว่าฝ่ายเจ้าบ่าวได้ขึ้นไปกันหมดแล้ว เขาก็ตวาดออกมาด้วยเสียงต่ำ “เซี่ยวตง ทำไมนายถึงไม่ขวางพวกเขาเอาไว้ ทำไมถึงไม่สร้างความลำบากให้กับฝ่ายเจ้าบ่าวเลย เกิดอะไรขึ้นกับนายกันแน่? แล้วนายคิดอะไรอยู่ถึงได้ดึงฉันออกมาด้วยอีกคน?

ให้ฉันสร้างความลำบากให้กับพวกเขางั้นหรอ?

มันต้องไปสร้างความลำบากให้กับหลินฟ่านแน่ๆ?

แล้วฉันจะไปทำได้ยังไง!

กงเล่อฉีไม่ได้ตอบไปในทันที เขารอให้หลินฟานเดินหายไปจากสายตาของเขาก่อน จากนั้นค่อยพูดขึ้นมา ” ซีฉินพบสามีที่ดีแล้วล่ะ ”

ถึงแม้ว่าฐานะของหวังเซี่ยวตงจะค่อนข้างแย่ก็เถอะ

ที่กงเล่อฉีคิดแบบนี้ เนื่องจากหวังเซี่ยวตงมีเพื่อนอย่างหลินฟานอยู่นั่นเอง และในอนาคตของเขาจะต้องแตกต่างไปจากตอนนี้อย่างแน่นอน!

…………

ณ ที่ห้องนั่งเล่น

แม่ของกงซีฉินกำลังเดินไปเดินมาด้วยความกังวลต่างๆมากมาย

ตรงข้ามกับพ่อของกงซีฉิน ที่กำลังจิบชาและได้พูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่เห็นต้องคิดมากเลย ผ่อนคลายหน่อยสิ หวังเซี่ยวตงเองก็เพิ่งจะมาถึงที่หน้าชุมชนเท่านั้นเอง แถมเรายังมีคนคอยขวางและคอยสร้างความลำบากให้กับฝ่ายเจ้าบ่าวอย่างกงเล่อฉีและหวังต้าหมิงอยู่อีกด้วย คงอีกเป็นชั่วโมงเลยล่ะกว่าจะผ่านสองคนนั้นมาได้”

“ไม่ต้องตื่นเต้นหรอก”

“แตะ!”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้จบไป หวังเซี่ยวตงและคนกลุ่มใหญ่ก็เดินเข้ามาข้างในอย่างรวดเร็ว

นี่มัน…

พ่อแม่ของกงซีฉิน ต่างตกตะลึงกันทั้งคู่

สถานการณ์แบบนี้มันหมายความว่าอะไร?

หวังเซี่ยวตงเพิ่งจะมาถึงที่หน้าชุมชนเมื้อกี้ไม่ใช่หรอ

ทำไมเขาถึงขึ้นมาข้างบนนี้ได้เร็วขนาดนี้ล่ะ?

ปกติถ้าเดินมาจากประตูชุมชนก็จะต้องผ่านคนที่รับหน้าที่เฝ้าประตูเอาไว้ และต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าถึงจะมาถึงที่นี่ได้ มันควรจะนานกว่านี้สิ?

หรือว่ากงเล่อฉีกับหวังต้าหมิง ไม่ได้ขวางเจ้าบ่าวเอาไว้เลยงั้นหรอ?

หวังเซี่ยวตงไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เขายิ้มและกล่าวทักทายพ่อกับแม่ของกงซีฉิน

…… 

ภายในห้องเจ้าสาว

กงซีฉิน และเพื่อนสนิท หวงซีเฟย ก็สังเกตเห็นถึงการเคลื่อนไหวด้านนอกด้วยเช่นกัน

หวงซีเฟย ได้พูดอย่างดูถูก “ความสามารถของคนที่ทำหน้าที่ขวางประตูเอาไว้มันแย่สุดๆเลย ทำไมถึงได้ปล่อยให้หวังเซี่ยวตงขึ้นมาได้ง่ายๆ แถมยังเร็วขนาดนี้อีก”

จากนั้นเธอก็หยุดไปชั่วครู่แล้วค่อยพูดต่อ “ซีฉิน ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะปกป้องเธอเอาไว้เอง!”

“ฉันเป็นถึงพยาบาลที่โรงพยาบาลชิงเฉิง เธอไม่รู้หรอกว่าฉันเคยรับมือกับไข้กี่คนในหนึ่งวัน ฉันจะเป็นคนสุดท้ายที่ขวางประตูบานนี้ไว้เอง จะให้หวังเซี่ยวตงแต่งงานกับเธอง่ายๆไม่ได้เด้ดขาด!”

หลังจากที่พูดจบ หวงซีเฟยก็เดินไปที่หน้าประตูอย่างช้าๆ

และในขณะเดียวกัน เธอก็เปิดกล้องที่ติดเอาไว้เพื่อสังเกตสถานการณ์ภายนอกขึ้นมาดู

จากนั้นหวงซีเฟย ก็ได้กวาดสายตามองไปยังคนอื่นๆที่อยู่รอบๆของหวังเซี่ยวตง และเธอก็ได้เห็นหลินฟานเข้า ใบหน้าของเธอตอนนี้เต็มไปด้วยอาการตกตะลึงที่ไม่อาจปกปิดได้

เป็นเขาหรอ!

สมาชิกของคนในครอบครัวที่พักฟื้นอยู่ในห้องวีไอพี!

ไม่นานมานี้ หวงซีเฟยได้รับมอบหมายให้ดูแลผู้ป่วยที่ห้องพิเศษซึ่งก็คือ—หลินเถา

หวงซีเฟย จำได้ชัดเจนว่าคณบดีมีความสุภาพต่อหลินฟานที่เป็นลูกชายของผู้ป่วยอย่างมาก

และในตอนนั้นหวงซีเฟยก็เข้าใจแล้วว่าหลินฟานเป็นคนใหญ่คนโตที่เธอไม่สามารถแตะต้องได้

ดังนั้นเมื่อเธอได้ดูแลหลินเถา เธอจึงดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างพิเศษ

และต่อมาหลินฟานก็ได้เอาเรื่องนี้ไปพูดคุยกับคณบดี เขาพูดว่าเธอดูแลหลินเถาได้เป็นอย่างดี

จึงทำให้หวงซีเฟยได้รับการชื่นชมจากทุกคนในโรงพยาบาลเป็นอย่างมาก

หวงซีเฟยไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะได้พบกับหลินฟานที่นี่ และไม่คิดว่าเขาจะเป็นสมาชิกของฝ่ายเจ้าบ่าวอีกด้วย

ฉันจะขวางเขาเอาไว้ได้หรือป่าวนะ?

คำตอบคือไม่ อย่างแน่นอน!

หวงซีเฟย เปิดประตูอย่างไม่มีลังเลและเดินได้ออกไปด้วยความเคารพ

ฉากนี้ถึงกับทำให้กงซีฉินที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งตกตะลึง

มันเกิดอะไรขึ้น?

หวงซีเฟย… เธอพึ่งจะพูดไปว่า ความสามารถของคนที่ทำหน้าที่ขวางประตูเอาไว้มันแย่สุดๆเลย ไม่ใช่รึไง?

และนี่คือประตูห้องเจ้าสาวที่เธอบอกว่าจะดูแลเองไม่ใช่หรอ?