ตอนที่ 502 การปะทุพลังชนิดแยกสาย

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

การปะทุพลังชนิดแยกสาย

 

แต่เขาไม่ได้กังวลขนาดนั้นเพราะเขาเชื่อว่าการตัดสินใจของยาเอโกะตั้งอยู่บนพื้นฐานของความแน่ใจและการพิจารณาสถานการณ์ที่เพียงพอแล้ว ส่วนเรื่องที่ว่าเธอกำลังจะมุ่งหน้าไปไหนนั้นไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเขา

 

เราทุกคนจะได้พบคนที่ผ่านเข้ามามากมายในการเดินทางอันยาวไกลที่เรียกว่าชีวิต และในที่สุดเราก็จะต้องทำความคุ้นเคยกับการลาจาก

 

หลี่ว์ซู่หันไปยิ้มให้ชิบะที่กำลังยืนอยู่ตรงประตู เขาบอกเธอว่า “เนื่องจากยาเอโกะฟื้นตัวแล้วมันก็ถึงเวลาที่ฉันต้องไปเหมือนกัน”

 

“คิริฮาระคุง ช่วยกอดฉันได้ไหม” ชิบะขอร้องเบาๆ “ช่วยกอดฉันในฐานะคิริฮาระ ยูสึเกะสักครั้งเถอะนะ”

 

ก่อนที่หลี่ว์ซู่จะมีปฏิกิริยาโต้ตอบได้ ชิบะก็ถลาเข้ามาสู่อ้อมกอดของหลี่ว์ซู่และผละออกไปในทันที “โปรดดูแลตัวเองด้วย ขอบคุณนะ”

 

หลี่ว์ซู่ตระหนักดีว่าความรู้สึกต่างๆ ที่บันดาลให้เกิดการกอดนั้นไม่ได้มุ่งส่งมาให้เขา แต่มาที่ใบหน้าที่เขาสวมอยู่ และมันก็เป็นความปรารถนาที่ไม่สมหวังของเด็กสาวคนนั้น

 

แม้ว่าจะบาดเจ็บสาหัส แต่ยาเอโกะมีความมั่นใจว่าสามารถหลีกเลี่ยงพวกปลาซิวปลาสร้อยข้างล่างได้ นอกจากนั้น เธอก็ไม่ใช่คนที่จะขอความเมตตาจากใคร ยาเอโกะรู้ว่าเธอคงจะฆ่าแม้กระทั่งคิตะมุระ ฮิโรโนะไปแล้วหากคิจิโทริไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน

 

ยิ่งไปกว่านั้น ใครๆ ก็บอกได้จากอาวุธของเธอซึ่งเป็นดาบสั้นว่าเธอนั้นชำนาญในทักษะการลอบสังหารของทวยเทพของจริงแทนที่จะเป็นการฟันดาบทั่วไป เธอคือนักฆ่า

 

ความจริงแล้ว หากมันเป็นฮิโรโนะแทนที่จะเป็นหลี่ว์ซู่ในตอนที่เธอโจมตีที่หน้าบ้านของเขา ฮิโรโนะอาจตายไปแล้วตั้งแต่ตอนนั้น อย่างไรก็ดี หลี่ว์ซู่นั้นแข็งแกร่งกว่าเธอมากนัก

 

ยาเอโกะใจกล้าในการตัดสินใจกลับไปยังห้องพักของเธออย่างแอบๆ ซ่อนๆ ซึ่งก็น่าจะอยู่เหนือความคาดฝันของกลุ่มทวยเทพเสียด้วยซ้ำ

 

สมาชิกของทวยเทพสองคนกำลังสูบบุหรี่อยู่หน้าประตูของเธอ แต่ภายในเสี้ยววินาทีเดียวพวกเขาก็ทรุดลงไปจมกองเลือดเพราะดาบสั้นได้แทงทะลุหัวใจของพวกเขา ยาเอโกะนั้นรวดเร็วประดุจปีศาจ

 

เธอแกะผนึกที่ปิดอยู่ที่ประตูห้องของเธอและเดินเข้าไป บ้านของเธอเละเทะไปหมดซึ่งน่าจะเกิดขึ้นจากการค้นบ้าน แต่เธอไม่สนใจ เธอไม่ได้กลับมาเพื่อเอาของใช้ประจำวันแต่มาเพื่อของบางอย่างที่เธอไม่มีปัญญาจะปล่อยไปได้

 

เธอหยิบเอาเงินหนึ่งแสนเยนซึ่งเป็นรายได้ครั้งแรกเท่าที่เธอเคยมีออกมาจากช่องใต้เพดาน

 

หลังจากการตายของท่านอาจารย์ กองทุนทั้งหมดที่เหลืออยู่ของพวกอนุรักษนิยมจะถูกส่งต่อมายังเธอโดยปริยาย แต่เธอไม่อาจรับเงินนั้นมาได้อย่างสบายใจ

 

ยาเอโกะซุกธนบัตรเหล่านั้นเอาไว้ในกระเป๋าของเธออย่างระมัดระวังและกำลังจะออกไป ของชิ้นสำคัญๆ ถูกเก็บไว้ที่บ้านของท่านอาจารย์ของเธอทั้งหมด

 

ทว่า แน่นอนว่าเธอจะไม่ทิ้งทรัพยากรของพวกอนุรักษนิยมเนื่องจากเหตุผลทางอารมณ์ สำหรับเธอแล้ว ไม่มีสิ่งที่มีมูลค่าสิ่งใดที่ควรจะสูญเปล่า

 

ในคืนนั้นเธอจะมุ่งหน้าไปโอซาก้าโดยรถไฟและออกนอกประเทศจากที่นั่น เธออยากจะรู้จักโลกภายนอกแม้ว่าจุดหมายของเธอนั้นยังไม่ชัดเจน

 

เธอได้พิจารณาทางเลือกที่จะอยู่กับหลี่ว์ซู่ แต่มีปัญหาข้อหนึ่งที่คอยรบกวนใจของเธอ นั่นก็คือการที่เธอได้เข้าหาเขาในฐานะสายลับ

 

ฉะนั้น ชะตาจึงลิขิตเอาไว้แล้วว่าปฏิสัมพันธ์ของพวกเขายังคงไม่เหมาะไม่ควร การเริ่มต้นที่ผิดย่อมต้องพาไปสู่จุดจบที่ผิด ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะจากมาและรอโอกาสที่จะได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

 

ลาก่อน หลี่ว์ซู่คุง

 

 

ในระหว่างนั้น หลี่ว์ซู่กำลังนั่งอยู่ในป้อมยามของโกดังสินค้า มันตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลในชนบทของนิชิโนะเกียวและแขกผู้มาเยี่ยมที่นี่มีเพียงพนักงานขนส่งที่ขนย้ายของให้ฝ่ายค้นคว้าวิจัยของทวยเทพ

 

ป่านนี้ยามาดะ อาคิระตัวจริงน่าจะพร้อมออกนอกประเทศแล้ว หลี่ว์ซู่ทำตามคำสั่งที่ได้รับมาโดยการซ่อนตัวในห้องน้ำชายใกล้ๆ นั้นและรอการมาถึงของยามาดะเพื่อการรับมอบตำแหน่งอย่างเป็นทางการ

 

จากสีหน้าของยามาดะแล้ว หลี่ว์ซู่มองเห็นความสุขที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนของเขาได้เลย บางทีเขาอาจจะกระตือรือร้นอยากกลับบ้าน ซึ่งต่างกับคุณบันได

 

หลังจากผ่านไปหกปี ในที่สุดวันที่เขาจะได้กลับบ้านก็มาถึง เขาไม่ได้ทำผิดพลาดในภารกิจของเขาซึ่งนั่นหมายความว่าเขายังมีทรัพยากรที่เขาคู่ควรอีกมากที่กำลังรอเขาอยู่ในองค์กร

 

ยามาดะไปเข้าห้องน้ำและหลี่ว์ซู่ก็เดินออกมา ไม่มีใครสังเกตว่าบทบาทของ ‘ยามาดะ อาคิระ’ ในตอนนี้กำลังถูกแสดงโดยคนอีกคนหนึ่ง

 

เป้าหมายของหลี่ว์ซู่ในครั้งนี้เป็นเหมือนเดิม นั่นคือการสร้างปัญหาภายใต้ตัวตนที่ได้รับมอบมาในปัจจุบัน เพราะอย่างไรเสียในขณะที่เขาแสดงอยู่ตามลำพัง เขาสามารถจะทำให้พวกทวยเทพปวดหัวได้เมื่อพวกเขาส่งคนมารับสินค้า

 

ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าภารกิจใหม่ของเขาง่ายกว่าภารกิจก่อนหน้านี้เสียอีก แน่นอนว่าต้องขอบคุณเครือข่ายฟ้าดินนั่นเอง

 

ณ ตอนนี้เขาก็ได้ยินเสียงเคาะที่หน้าต่าง หลี่ว์ซู่เงยหน้าขึ้นไปเห็นชายร่างเตี้ยที่มีใบหน้ากลมๆ ขนาดใหญ่กำลังส่งยิ้มมาให้เขาจากนอกหน้าต่าง หลี่ว์ซู่ชะงัก…ไอ้หมอนี่ใครเหรอ

 

“ยามาดะ! ฮ่าๆ ฉันมาอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนนาย! ทำไม จำกันไม่ได้เหรอ เราเพิ่งได้เจอกันเมื่อครึ่งเดือนก่อนเองนะ!” ชายคนนั้นหัวเราะร่า

 

หลี่ว์ซู่ถามด้วยความสงสัย “จำได้อยู่แล้ว แต่นายมาทำอะไรที่นี่ล่ะ นายบอกว่าจะมาอยู่เป็นเพื่อนเหรอ”

 

เขาจับข้อมูลบางอย่างได้จากคำพูดของเขา พวกเขารู้จักกันแต่ไม่ได้สนิทสนมกันมากนัก พวกเขาเพิ่งจะพบกันแค่เมื่อครึ่งเดือนก่อนนี้เอง

 

“ถูกต้อง!” เขาเปิดประตูขณะที่ยังยิ้มแฉ่งและกล่าวว่า “ฉันก็โดนล้างระบบเหมือนกัน แล้วพวกเขาก็ส่งฉันมาดูแลโกดังสินค้ากับนาย”

 

หลี่ว์ซู่รู้สึกเหมือนโลกสลาย ตามแผนการแล้วเขาควรจะแสดงคนเดียวไม่ใช่เหรอ แล้วหมอนี่มาทำอะไรที่นี่ล่ะ!

 

แถมยังไม่รู้แม้กระทั่งชื่อของเขาอีกต่างหาก!

 

หลี่ว์ซู่แสร้งทำเป็นมิตรและตบบ่าของเขาในลักษณะทักทาย เขาอยากรู้ชื่อของเขาจากบันทึกแต้มอารมณ์ในระบบ อย่างไรก็ตาม ณ ตอนนั้นแต้มอารมณ์จำนวนมากมายกำลังถูกผลิตมาจากกลุ่มทวยเทพและหลี่ว์ซู่ก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าชื่อไหนเป็นของเขา! ดูเหมือนว่าความทุกข์ที่มากเกินไปก็สามารถนำพามาซึ่งความไม่สะดวกได้เหมือนกัน!

 

ที่สำคัญ…ไอ้เวร นายเป็นใครกัน นายกำลังทำงานให้เนี่ยถิงเพื่อนำความสุขมาให้ฉันหรืออย่างไร มันยากที่ฉันจะไม่คิดทำนองนั้นเมื่อพิจารณาจากเวลาที่นายโผล่หัวมา!

 

“ยามาดะ นายว่าพวกเราจะถูกจ้างใหม่อีกไหม” ชายหน้ากลมถาม “ฉันแค่ไปร่วมงานศพของมัตสึอุระ ฮาราอิชิโร่ แล้วคิดดูสิ ตอนนี้ฉันมาอยู่นี่แล้ว! การล้างระบบภายในที่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้ส่งผลกระทบต่อคนมากมายเลยล่ะ!”

 

หลี่ว์ซู่ยักไหล่ด้วยความไม่แน่ใจ เขาตอบ “แต่เราไม่มีทางเลือกนอกจากการรอให้มันผ่านไป ว่าไปแล้ว ทำไมพวกเขาต้องส่งนายมาที่นี่ด้วย ฉันทำคนเดียวก็ดีอยู่แล้ว”

 

“ฮ่าๆ นายนี่ชอบยักไหล่เหมือนเดิมเลยนะ” ชายหน้ากลมโตยิ้มยิงฟัน

 

การยักไหล่เป็นนิสัยติดตัวของอาคิระ แม้ว่าหลี่ว์ซู่ไม่ได้สังเกตเห็นว่าเขายักไหล่ระหว่างที่สนทนากันในห้องน้ำเลย แต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นการจงใจทำให้เป็นนิสัยเพียงเพื่อจะให้เกิดความสะดวกแก่คนใหม่ที่เข้ามาสวมรอย

 

มันก็เหมือนกับลักษณะเฉพาะของตัวละครหลักบางตัวในการ์ตูนนั่นแหละ ตัวอย่างเช่น เส้นหกเส้นบนแก้มของนารูโตะและปอยผมบนหัวของโคนัน มันทำหน้าที่เสริมความรู้สึกของผู้ชมที่มีในตัวละครนั้นให้แข็งแกร่ง เพราะลักษณะใบหน้าของตัวละครพวกนั้นอาจไม่ตรงกันในบางครั้งเนื่องจากความยากโดยธรรมชาติในการจำลองแบบในภาพวาด

 

ฉะนั้น การกระทำซึ่งเป็นแบบอย่างที่เฉพาะเจาะจงของการยักไหล่จึงอาจช่วยเขาในการเปลี่ยนแปลงสู่ตัวตนใหม่นี้ได้

 

“นายไม่ได้ตอบคำถามฉันเลย นายมาที่เพื่ออะไร เกิดอะไรขึ้น” หลี่ว์ซู่ถามอย่างเป็นกันเอง

 

แต่ชายคนนั้นไม่ได้ดูเหมือนจะตกใจในการถูกสงสัย เขากล่าวว่า “นายมันโชคดี นายมาที่นี่ก่อน ในขณะเดียวกันสำหรับฉัน ฉันมาได้ก็ต้องขอบคุณที่มีคนอื่นมาช่วย เขาว่ากันว่าข้างๆ โกดังสิงค้าแห่งนี้มีฐานใต้ดินซึ่งก่อสร้างมาปีกว่าแล้วและกำลังจะได้ใช้งานเร็วๆ นี้ เนื่องจากโกดังสินค้านี้อยู่ใกล้มันมาก เราคงกำลังทำงานอยู่ในสถานที่ที่สำคัญแน่ๆ นอกจากนี้ ในฐานะที่ฉันอยู่ระดับ D ฉันเชื่อว่าพวกเขาจะต้องเรียกฉันกลับไปอีกถ้าฉันทำตัวดีๆ ไม่ว่าจะอย่างไร ทวยเทพก็กำลังประสบกับการขาดแคลนกำลังคนหลังจากการเสียชีวิตของคนระดับ C ตั้งสามคน”

 

หลี่ว์ซู่นิ่งเงียบ ซึ่งส่งสัญญาณที่ทำให้ชายคนนั้นเข้าใจผิด เขาสร้างความมั่นใจให้หลี่ว์ซู่และพูดว่า “แต่สบายใจได้ ฉันได้ข่าวว่านายเพิ่งจะเลื่อนขึ้นสู่ระดับ D แต่นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยนะ ตราบใดที่นายฝึกหนักที่นี่ ไม่ช้าก็เร็วต้องถึงตานายมั่งล่ะ”

 

“อ้อ ถ้าอย่างนั้นก็ยินดีด้วยนะ” หลี่ว์ซู่ตอบอย่างสุภาพ ทว่าดูเคอะเขินเล็กน้อย

 

และสำหรับชายคนนั้น ความเคอะเขินนั้นก็ถูกแปลผิดๆ อีกครั้งเป็นความไม่มั่นใจในตัวเองของ หลี่ว์ซู่เมื่ออยู่ต่อหน้าความสำเร็จอันเลอเลิศของเขา…

 

ผลก็คือ เขาใช้เวลาทั้งวันคุยกับเขาและหลี่ว์ซู่ก็ตอบด้วยท่ายักไหล่จำนวนนับไม่ถ้วน แต่ในท้ายที่สุด เขาก็ยังไม่อาจรู้ชื่อของชายหน้ากลมคนนั้นได้อยู่ดี!

 

ในตอนกลางคืนพวกเขาพักในห้องเดียวกัน หลี่ว์ซู่หวังว่าจะได้ประวัติข้อมูลของชายคนนี้บ้างแต่เครือข่ายฟ้าดินก็ไม่ได้ส่งมาเลย…

 

ราวๆ ตีสองชายคนนั้นก็ลุกไปห้องน้ำ หลี่ว์ซู่ดีใจที่ได้โอกาส เนื่องจากมีคนของทวยเทพอยู่ไม่มากที่ยังคงตื่นเพื่อเติมหน้าจอของเขาด้วยแต้มอารมณ์ ดังนั้นมันจึงค่อนข้างง่ายที่จะหาชื่อของเขาในตอนนี้

 

หลี่ว์ซู่ลุกขึ้นและตามไปห้องน้ำด้วยคน จากนั้นชายหน้ากลมก็หันมาหาหลี่ว์ซู่และแสยะยิ้มแบบน่าเกลียดใส่เขา เขาถามขึ้น “เฮ้ย ยามาดะ ช่างบังเอิญจังเลยนะ!”

 

แสยะยิ้มหาอะไรวะ! ถ้าไม่ใช่เพื่อตัวตนใหม่ของฉันล่ะก็ ป่านนี้แกตายไปแล้ว…

 

พวกเขายืนอยู่ในห้องน้ำด้วยกัน หลังจากนั้นสักพัก ชายคนนั้นก็เริ่มฉี่ได้ในที่สุด

 

ทันใดนั้นหลี่ว์ซู่ก็ใช้พลังสายธาตุน้ำของเขาเพื่อแยกปัสสาวะของชายคนนั้นออกเป็นสองสาย หลี่ว์ซู่ตั้งใจไม่ทำให้เกิดการแยกออกเป็นหลายๆ สายจนเกินไปเพราะนั่นคงจะดูแปลกไป…

 

ครั้งนี้เขาจะต้องประสบความสำเร็จในการรู้ชื่อของเขาแน่นอน! ตราบใดที่เขาไม่ได้แตะต้องตัวชายคนนั้น เขาก็ไม่มีทางรู้ถึงพลังสายธาตุน้ำของเขาได้

 

แต่หลี่ว์ซู่ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าไม่มีการผลิตแต้มอารมณ์ออกมาเลย ไม่มีแม้กระทั่งจำนวนแต้มน้อยๆ อย่างหนึ่งร้อยแต้มด้วยซ้ำ! แปลกจัง เขาควบคุมการผลิตแต้มอารมณ์ของตัวเองได้ด้วยเหรอ

 

ถ้าเป็นความจริงก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว! ไม่มีใคร โดยเฉพาะปลาซิวปลาสร้อยอย่างตาคนนี้ ที่จะต้านทานการเก็บแต้มอารมณ์ของเขาได้!

 

เมื่อทบทวนดูอีกครั้งเขาจึงยอมแพ้ ทว่าครั้งนี้เขาต้องตกใจสุดขีดที่ได้เห็นว่าทันทีที่เขาหยุดใช้พลัง สายน้ำปัสสาวะก็แยกออกเป็นสามสายโดยอัตโนมัติ!

 

หลี่ว์ซู่เห็นภาพนั้นโดยที่ยังไม่ทันตั้งตัว!

 

เมื่อสัมผัสได้ถึงการจ้องอย่างสะดุ้งตกใจของหลี่ว์ซู่ ชายคนนั้นจึงยิ้มแหยๆ อย่างเหนียมอาย “เอ่อ เมื่อเร็วๆ นี้ฉันไปฟัดกับพวกสาวๆ มัธยมปลายที่เพิ่งเข้าทวยเทพหนักไปหน่อย”

 

ตอนนี้ หลี่ว์ซู่ชักอยากซ้อมเขาปางตายขึ้นมาเสียแล้ว…

 

บ้าที่สุด! เนี่ยถิงต้องเป็นคนส่งแกมาเพื่อทำให้ฉันทุกข์ทรมานแน่ๆ!