กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 570
ว้าว……

ทุกคนต่างพากันตกตะลึง

หัว……หัวหน้าเผ่า……

นางเป็นหัวหน้าเผ่าน้ำแข็ง?

นางเป็นเจ้าหอแห่งหออันดับหนึ่งในใต้หล้าไม่ใช่หรือ?

เช่นนั้นจะเป็นหัวหน้าเผ่าน้ำแข็งได้อย่างไร?

ผู้อาวุโสเฉินทึ่งจนเกือบจะกัดลิ้นของตัวเองจนขาด เป็นเวลานานกว่าเขาจะดึงสติกลับมาได้

รองหัวหน้าเผ่าซือคงและผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเยี่ยมองหน้ากันอย่างไม่เชื่อ

สีชิ่นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและไม่นานก็กลับเป็นปกติ

สถานะตัวตนของเจ้าหอของพวกเขามีมากมายและมีกองกำลังนับไม่ถ้วน เป็นหัวหน้าเผ่าน้ำแข็งก็ไม่ได้เป็นเรื่องน่าแปลกใจอะไร

เยี่ยจิ่งหานและจอมมารต่างพากันหันไปมองกู้ชูหน่วน

กู้ชูหน่วนทำสีหน้าเศร้าโศก

พูดตามสัตย์จริง ฟ้าดินเป็นพยาน นางไม่รู้เลยจริงๆ ว่านางเป็นหัวหน้าเผ่าน้ำแข็ง

นางก็รู้สึกสับสนอย่างมาก

หากนางรู้ว่านางเป็นหัวหน้าของเผ่าน้ำแข็ง เช่นนั้นนางก็ออกคำสั่งไป๋จิ่นไปแล้ว และยังเกือบถูกฮวาฉี่หลัวฆ่าทิ้งเสียด้วยไม่ใช่หรือ?

“ท่านหัวหน้าเผ่า ข้าน้อยตามหาท่านอย่างยากลำบาก” ไป๋จิ่นน้ำตาคลอ นางสะอึกสะอื้นด้วยความตื้นตันใจ

กู้ชูหน่วนรีบห้ามปราม “เดี๋ยวก่อน เจ้าจำคนผิดไปหรือไม่?”

“ท่านหัวหน้าเผ่าพูดอะไรเช่นนั้น ท่านเป็นถึงผู้นำของเผ่าน้ำแข็ง ข้าน้อยจะจำผิดได้อย่างไร”

วิชาหวงห้ามและรวมไปถึงดอกบัวขาวบนศีรษะนั้น มีเพียงหัวหน้าเผ่าของพวกนางเท่านั้นที่มีตั้งแต่อดีตกาลนานมา

หากนางไม่ใช่หัวหน้าเผ่า เช่นนั้นแล้วใครบนโลกนี้ที่จะเหมาะสมและมีคุณสมบัติเพียบพร้อมที่จะเป็นหัวหน้าเผ่าของพวกนางอีก?

“เจ้าบอกว่านางเป็นหัวหน้าเผ่าน้ำแข็ง เช่นนั้นแล้วเหตุใดนางถึงไม่รู้สถานะตัวตนของตัวนางเองล่ะ? ตามที่ข้ารู้นั้น หัวหน้าของเผ่าน้ำแข็งมีฝีมือความสามารถในระดับขั้นที่เจ็ด แม่นางไป๋จิ่น เรื่องตลกนี้ไม่น่าตลกขบขันเลยสักนิด ” ผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเยี่ยกล่าว

ระดับ……ระดับเจ็ด……

สูงเช่นนั้นเลยหรือ……

เช่นนั้นแล้วฝีมือการต่อสู้ก็คงแข็งแกร่งและทรงพลังกว่าเยี่ยจิ่งหานและจอมมาร รวมไปถึงนายน้อยของเผ่าพวกเขาด้วยน่ะสิ?

แต่กู้ชูหน่วนมีฝีมือเพียงระดับสองเท่านั้นนี่นา?

หากนางมีฝีมือสูงถึงระดับเจ็ด เช่นนั้นแล้วจะถูกซ่งอวี้จัดการได้อย่างไร?

“หัวหน้าเผ่าของข้าได้รับบาดเจ็บก่อนหน้านี้ ไม่เพียงแค่สูญเสียพละกำลังความสามารถบางส่วนไป แต่ยังสูญเสียความทรงจำบางส่วนอีกด้วย โชคดีที่สวรรค์เข้าข้างและทำให้ไป๋จิ่นได้เจอท่านหัวหน้าเผ่าอีกครั้ง และข้าเชื่อว่าการฟื้นคืนความสามารถพละกำลังกลับคืนมานั้นเป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้อย่าแน่นอน”

กู้ชูหน่วนกลอกตา

นางสูญเสียความทรงจำและพละกำลังการต่อสู้บางส่วนหรือ?

เห็นได้ชัดว่านางสูญเสียไปทั้งหมดเลยเถอะ?

แววตาของนางเปล่งประกาย “พูดเช่นนี้ เจ้าสามารถทำให้ความสามารถของข้าขยับไปถึงระดับเจ็ดอย่างนั้นหรือ?”

“เผ่าน้ำแข็งมีวิชาที่ไม่เปิดเผยสู่ภายนอกเป็นจำนวนมาก ไม่แน่อาจจะช่วยให้ท่านหัวหน้าเพิ่มพละกำลังความสามารถได้เจ้าค่ะ”

“ไม่เลวเลย รอให้ข้าจัดการเรื่องที่ยังติดค้างให้เสร็จ เช่นนั้นเจ้าพาข้าไปที่เผ่าน้ำแข็งสักครั้งเถอะ”

หากสามารถฟื้นคืนความสามารถกลับไปยังระดับที่เจ็ดได้ละก็ เช่นนั้นก็จะเป็นประโยชน์ต่อการตามล่าค้นหาไข่มุกมังกรอย่างมาก

ไม่ว่านางจะเป็นหัวหน้าเผ่าน้ำแข็งหรือไม่ ยอมรับไปก่อนเถอะแล้วค่อยว่ากันทีหลัง

ไป๋จิ่นพูดอย่างตื่นเต้น “เจ้าค่ะ”

นางกลัวว่าหัวหน้าเผ่าจะไม่ยอมกลับไป แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหัวหน้าเผ่าจะตกปากรับคำและเป็นฝ่ายพูดขึ้นเองว่าจะกลับเผ่าน้ำแข็ง

นี่เป็นเรื่องที่ทำให้เผ่าน้ำแข็งมีความสุขมากที่สุด

รองหัวหน้าเผ่าซือคงหัวเราะเย้ยหยันและรัศมีการสังหารก็แผ่ออกมาปกคลุม

“ในเมื่อพวกเจ้าเป็นพวกเดียวกัน เช่นนั้นวันนี้ก็อย่าได้มีชีวิตกลับออกไปอีกเลย”

กู้ชูหน่วนพูดด้วยรอยยิ้มอย่างไม่เกรงกลัว “จะจัดการพวกข้า ตาแก่ พวกเจ้าเผ่าเพลิงฟ้ามีปัญญาหรือ? เฮอะ……หออันดับหนึ่งในใต้หล้า เผ่าน้ำแข็ง เทพแห่งสงครามแห่งรัฐเยี่ย จอมมารแห่งเผ่าปีศาจ ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังไหน ล้วนแล้วแต่ไม่อาจมีปัญหาด้วยได้ทั้งสิ้น?”

“ไม่อาจมีปัญหาด้วยก็จริง แต่เผ่าเพลิงฟ้าของข้าก็ไม่เก็บไว้ในสายตา อีกอย่าง ตอนนี้พวกเจ้าก็มีกันแค่มือเปล่าและยังอยู่ในอาณาบริเวณของเผ่าเพลิงฟ้า หากพวกข้าคิดจะฆ่าปิดปากพวกเจ้าและไม่หลงเหลือหลักฐานใดๆ เอาไว้ ก็เป็นเรื่องง่ายอย่างมาก”

“รองหัวหน้าเผ่าซือคง เจ้าก็มีอายุมาจนปูนนี้แล้ว แต่เหตุใดถึงไม่เข้าใจหลักการที่แสนง่ายดายนี้อีก พวกเรามาถึงยังเผ่าเพลิงฟ้าด้วยค่ายกลเคลื่อนย้าย แต่พวกเจ้ากลับคิดว่าพวกข้าไม่มีการเตรียมตัวป้องกันใดๆ เลยอย่างนั้นหรือ?”

“เจ้าหยุดพูดสร้างความหวาดกลัวและสับสนให้ทุกคนเถอะ ผู้อาวุโสไท่ซั่ง พวกเราบังเอิญเข้าไปยังเขตหวงห้ามของหุบเขาตันหุยและถูกค่ายกลเคลื่อนย้ายส่งมายังเผ่าเพลิงฟ้า ข้ากล้าพูดเลยว่าเขตหวงห้ามของหุบเขาตันหุยเป็นสถานที่ที่ยากจะบุกรุกเข้าไปได้ นอกเสียจากยอดฝีมือที่เก่งกาจของพวกเขาแล้ว ก็ไม่มีใครอีกเลย”

เมื่อผู้อาวุโสเสวี่ยเยี่ยโบกมือขึ้น เผ่าเพลิงฟ้าก็ส่งสัญญาณเตือนทันทีและยอดฝีมือต่างก็ปรากฏตัวออกมา

ไม่ว่าพวกเขาจะมีใครคอยช่วยเหลือหรือไม่ แต่คนเหล่านี้ไม่อาจปล่อยไปได้

หากปล่อยใครคนใดคนหนึ่งไป นั่นถือเป็นเรื่องที่ทำให้เผ่าเพลิงฟ้าของพวกเขาต้องตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต

จอมมารหัวเราะและลูบดอกลำโพงที่ห้อยอยู่ที่เอวด้วยความทะนุถนอม น้ำเสียงของเขาเป็นไปด้วยความเสน่หา “ดอกไม้ของข้าไม่ได้กินเลือดมาเป็นเวลานานแล้ว วันนี้ข้าจะทำให้มันได้กินอย่างอิ่มหนำสักมื้อเลย”

ไป๋จิ่นและสีชิ่นแยกย้ายกันซ้ายขวาเพื่อปกป้องกู้ชูหน่วน ใบหน้าของพวกนางเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและผยองพร้อมจะต่อสู้ทุกขณะ

ใบหน้าของเยี่ยจิ่งหานไร้ความรู้สึกและดูไม่ออกว่ากำลังคิดอะไร แต่ท่าทางการยืนของเขานั้นเป็นท่าทางที่พร้อมปกป้องกู้ชูหน่วนได้ดีที่สุด

พวกเขาต่างก็รู้ว่านี่เป็นการต่อสู้ที่ต้องนองเลือด สามารถมีชีวิตรอดออกไปได้หรือไม่ก็ไม่มีทางรู้ได้ แต่มีคนหนึ่งที่จำเป็นต้องมีชีวิตออกไปจากที่นี่ นั่นก็คือกู้ชูหน่วนนั่นเอง

“ตาแก่ เจ้าไม่คิดดูหน่อยหรือ เหตุใดพวกข้าถึงต่างพากันเข้าไปยังเขตหวงห้าม?”

รองหัวหน้าเผ่าซือคงตกตะลึงและคิดไตร่ตรองถึงคำพูดของนาง

เขาพิจารณาไตร่ตรองอยู่นาน แต่ก็ไม่อาจเข้าใจได้ว่าเหตุใดกู้ชูหน่วนและคนอื่นๆ ถึงต้องบุกรุกเข้าไปยังเขตหวงห้าม?

หรือเป็นเพราะกุญแจรูปดาวอย่างนั้นหรือ?

เขาก็เพิ่งรู้ไม่นานมานี้ว่ากุญแจรูปดาวมีด้วยกันทั้งหมดสามดอก และแยกกันไปในสถานที่ต่างกัน และหนึ่งในนั้นคาดว่าน่าจะอยู่ที่หุบเขาตันหุย

“พวกเจ้าเข้าไปยังเขตหวงห้ามเพื่ออะไรไม่สำคัญ สิ่งสำคัญก็คือ วันนี้พวกเจ้าอย่าได้คิดว่าจะมีชีวิตรอดออกไปจากเผ่าเพลิงฟ้า”

“หากข้าเป็นเจ้า ข้าจะสั่งให้คนไปตรวจสอบดูอย่างละเอียดว่าภายในเผ่ามีอะไรที่ผิดปกติไปหรือไม่ หรือ……มีใครตายไปบ้างหรือไม่……”

กู้ชูหน่วนหัวเราะอย่างสดใส ด้วยน้ำเสียงที่ดูมั่นใจและท่าทางที่ร่าเริงซุกซน

ด้วยท่าทางที่ไม่หวาดกลัวศัตรูคู่ต่อสู้ที่รายล้อมอยู่ พวกเขาทั้งห้าคนกลับไม่แสดงความเกรงกลัวออกมาให้เห็นเลยแม้แต่นิดเดียว

“เฮอะ……ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง คิดว่าข้าจะติดกับดักอย่างนั้นหรือ ทุกคน ลง……”

“รองหัวหน้าเผ่า เกิดเรื่องใหญ่แล้ว ป้อมปราการตะวันออกถูกโจมตีและมีศิษย์จำนวนมากล้มตาย และตอนนี้กำลังให้การรักษานายน้อยของเผ่าและผู้อาวุโสจำนวนมากที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส”

“อะไรนะ……”

รองหัวหน้าเผ่าซือคงและคนอื่นๆ ต่างตกตะลึง

ที่นี่คือเผ่าเพลิงฟ้า สถานที่ที่มียอดฝีมืออยู่เป็นจำนวนมากและแต่ละอาณาบริเวณก็มีค่ายกลจำนวนมาก ใครกันนะที่มีความสามารถเช่นนี้และบุกรุกเข้าไปถึงป้อมปราการตะวันออกได้ แถมยังทำให้ผู้อาวุโสทั้งหลายได้รับบาดเจ็บสาหัส?

ป้อมปราการตะวันออกของเผ่าเพลิงฟ้าถือเป็นสถานที่ที่สำคัญอย่างยิ่ง?

“ไปตรวจสอบให้ละเอียดว่าใครเป็นคนลงมือ? และมีกันทั้งหมดกี่คน?”

“อีกฝ่ายมีความสามารถสูงส่งและล้วนปิดคลุมใบหน้า ตอนนี้ไม่สามารถทราบได้ว่าเป็นกองกำลังจากที่ใด จำนวนคนคาดว่าประมาณเจ็ดถึงแปดคนขอรับ”

รองหัวหน้าเผ่าซือคงโมโหจัด “เจ็ดแปดคน? เจ็ดแปดคนก็สามารถบุกรุกเข้าไปยังป้อมปราการตะวันออกอย่างนั้นหรือ พวกเจ้าทำอะไรกันอยู่”

“เอ่อ……อาจจะไม่ได้มีเพียงเจ็ดแปดคนขอรับ” ลูกศิษย์คนนั้นเหงื่อไหลท่วม

ผู้อาวุโสสูงสุดเสวี่ยเยี่ยจ้องมองกู้ชูหน่วนและคนอื่นๆ ก่อนจะพูดอย่างเย็นชา “คนปกติจะบุกเข้ามายังเผ่าเพลิงฟ้าอย่างง่ายดายได้อย่างไร แถมยังบุกจู่โจมเข้าไปถึงป้อมปราการตะวันออกได้อย่างไร้ร่องรอยและยังทำให้ผู้อาวุโสจำนวนมากได้รับบาดเจ็บสาหัส”

ความหมายของเขาก็คือ ทั้งหมดล้วนเป็นแผนการของกู้ชูหน่วนและคนเหล่านี้

พวกเขาวางแผนมาก่อนหน้านี้แล้ว ฉะนั้นพวกเขาจึงไม่มีความเกรงกลัวใดๆ

รองหัวหน้าเผ่าซือคงกล่าวว่า “ผู้อาวุโสเฉิน เจ้าพาคนจำนวนหนึ่งไปยังป้อมปราการตะวันออกและจับคนชั่วเหล่านั้นมาให้ได้”

“ขอรับ”

รองหัวหน้าเผ่าซือคงและคนอื่นๆ กัดฟันกรอดจ้องมองไปยังกู้ชูหน่วน

กู้ชูหน่วนทำสีหน้าไร้เดียงสา “ข้าบอกแล้วว่าให้พวกเจ้าไปดูว่าเกิดเหตุการณ์ผิดปกติอะไรขึ้นบ้างภายในเผ่าเพลิงฟ้า แต่พวกเจ้ากลับไม่ยอมไป เรื่องนี้โทษข้าไม่ได้นะ”

“เจ้าคิดว่าเรื่องเล็กน้อยที่เกิดขึ้นนี้จะสามารถทำให้เผ่าเพลิงฟ้าเกิดความวุ่นวายขึ้นได้อย่างนั้นหรือ? ไม่ว่าวันนี้พวกเจ้าจะมากันกี่คน ก็ไม่อาจมีชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ได้”

บทที่ 569

บทที่ 571