บทที่ 50 หนึ่งต้านสามพัน ! (ต้น)
“เยี่ยฉวน เจ้าจะไปสอดอะไรกับเรื่องนี้ ?!”
ก่อนหน้าที่ทุกคนเองก็เคยคิดเช่นนี้
ครั้งเมื่อเห็นเยี่ยฉวนพุ่งเข้าปะทะกลุ่มทหารม้าเกราะดำ พวกเขาต่างก็ลงความเห็นว่าชายหนุ่มเข้ามา ก้าวก่ายมากจนเกินไป
“มันรนหาที่ตาย !”
ทุกคนต่างก็คิดไปในทางเดียวกัน !
แม้ว่าจะเป็นเมืองหน้าด่านของแคว้นเจียง แต่พื้นที่แห่งนี้กลับอยู่ภายใต้การปกครองของแคว้นถัง อย่าว่าแต่เยี่ยฉวนเลย แม้แต่ลู่เสี่ยวหรานก็ยังไม่กล้ากระทำโดยพลการ เพราะนี่อาจบานปลายจนเป็นชนวนเหตุ ยั่วยุกองกำลังทหารม้าชุดเกราะดำได้
แต่เยี่ยฉวนกลับเลือกที่จะไปต่อ !
ผู้คนต่างนึกโทษอยู่ในใจ ถ้าการที่เยี่ยฉวนแส่หาเรื่องเช่นนี้ทำให้พวกกองทหารม้าเกราะดำเกิดความ ขุ่นเคือง งั้นมันก็เป็นเขานั่นแหละที่นำพาปัญหามาสู่ทุกคน !
ณ สถานที่แห่งหนึ่ง ฮั่นเซียงเหมิงมองตามเยี่ยฉวนที่ผลุนผลันออกไป นางส่ายหน้าพลางเอ่ยตามหลัง “คนผู้นี้มักทำอะไรโดยไม่ยั้งคิด เขาไม่เคยคำนึงถึงผลกระทบที่ตามมาไม่ ต่อไปคงมีเรื่องเดือดร้อนตามมาอีก มากมาเป็นแน่”
ชายชราที่อยู่ด้านข้างพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ดันทุรังไปไร้ประโยชน์ มีแต่จะก่อให้เกิดความเสียหาย”
คู่สนทนาได้แต่พยักหน้าสายตาเหม่อมองไปไกล จับจ้องไปทางประตูเมืองซึ่งเยี่ยฉวนกำลังมุ่งหน้าไป
ท่ามกลางสายตาของผู้คน หัวหน้ากองทหารม้าเกราะดำกำลังควบม้าออกจากประตูเมืองไปอย่างรวด เร็ว ฉับพลันเขาก็หันม้ากลับอย่างกะทันหัน ก่อนเป็นม้านั่งตัวหนึ่งที่ถูกเหวี่ยงเข้าหน้าอย่างแรง
สีหน้าของนายทหารเกราะดำตกตะลึง เขายกท่อนแขนขึ้นกันตามสัญชาตญาณ
เปรี้ยง !
ม้านั่งหักกระเด็น ส่วนทหารม้าเกราะดำเองก็กระเด็นไปอีกทางหนึ่งเช่นกัน
เยี่ยฉวนปลอบม้าที่กำลังตื่นกลัว ชายหนุ่มใช้มือขวาของตนดึงบังเหียนอย่างแรงจนมันสงบลง ก่อนที่ เขาจะใช้มือซ้ายลูบลำตัวของมันและหันไปช่วยหญิงสาวลงจากหลังม้า ชายหนุ่มถอดเสื้อคลุมของตนเองออก คลุมให้นาง แล้วจึงชี้ไปทางที่เยี่ยหลิงและคนอื่นพลางพูดว่า “หลบไป ที่นั่นน่าจะปลอดภัยกว่าสำหรับเจ้า !”
หญิงสาวเงยมองเยี่ยฉวน ทว่าไม่เอ่ยอะไร
เห็นดังนั้นเขาจึงยกมือแตะที่แก้มของนางครั้งหนึ่งและพูดให้สติ “มีเพียงคนสิ้นไร้หนทางจึงคิดปลิดชีพตนเอง ตราบเท่าที่มนุษย์ยังมีลมหายใจทุกสิ่งย่อมเป็นไปได้อย่างไร้ขีดจำกัด จำไว้ !!”
หลังจากนั้นชายหนุ่มจึงเดินไปฉวยหยิบเศษม้านั่งหักครึ่งซึ่งหล่นอยู่บนพื้น ก่อนจะปรี่เข้าหากลุ่มทหารม้าเกราะดำคนที่อยู่ไม่ห่างเท่าไหร่นัก
ความรวดเร็วของเยี่ยฉวนเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน ขณะที่ทหารเกราะดำทั้งกลุ่มพากันควบขี่ม้ากรูเข้าหา ชายหนุ่มเช่นกัน อีกมุมหนึ่ง ทหารม้าเกราะดำผู้เป็นหัวหน้าก็กำลังยืนคำรามอย่างโกรธแค้น “ฆ่ามัน ฆ่า ไอ้บัดซบนั่นให้ข้า !”
ไม่ช้า ระยะของเยี่ยฉวนและกลุ่มทหารก็เข้ามาใกล้ขึ้นทุกที ครั้งถึงระยะห่างราวครึ่งจั้ง ทันใดนั้นชาย หนุ่มก็พลันดีดตัวกระโดดขึ้นกลางอากาศ ในมือฟาดไม้ท่อนจากม้านั่งหักลงกลางกระหม่อมทหารที่เข้ามาใกล้อย่างแรง
เปรี้ยง
ทหารม้ากระเด็นไป แต่เยี่ยฉวนยังไม่หยุดแค่นั้น เขาจับกระชับสันคมของไม้ ก่อนจะเหวี่ยงออกไปเต็มแรงอีกครั้ง !
ฉึก !
เศษไม้พุ่งเข้าปักเข้าที่คอหอยของทหารม้าเคราะห์ร้าย คนผู้นั้นสิ้นใจตายทันที
อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ทหารม้าที่เหลือพากันกระโจนเข้ามาประชิดตัว เยี่ยฉวนตั้งท่าโจมตีอย่างดุดัน ทว่าเขากลับไม่เรียกกระบี่ออกมา หากแต่เลือกที่จะพุ่งเข้าใส่กองทหารเหล่านั้นทั้ง ๆ ที่ตัว เปล่า
กองทหารพวกนั้นมีจำนวนมากมายสุดคณานับ ทว่าเยี่ยฉวนกลับยังคงเลือกที่จะสู้ ชายหนุ่มบุกทะลวงผ่านคนกลุ่มนั้นเข้าไปอย่างอาจหาญ ไม่นานทหารม้าก็พากันทยอยร่วงไปทีละคน จนในที่สุดก็เหลือแต่หัวหน้าทหารเกราะดำที่ยืนอยู่ท่ามกลางสมรภูมิเพียงลำพัง
จะว่าไปทหารม้าพวกนี้ต่างก็มีประสบการณ์สู้รบมานาน ฝีมือของพวกมันนับว่าไม่เลว แต่เยี่ยฉวนเองก็เคยผ่านบททดสอบในสนามประลองมามากไม่แพ้กัน ประสบการณ์ของเขามากกว่าพวกนี้รวมกันเสียด้วยซ้ำ ไป นี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่พลทหารพวกนี้อยู่ในขั้นแสวงหาอีก ดังนั้นคนพวกนี้จึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่คู่ควรสำหรับชาย หนุ่มเลยแม้แต่น้อย !
สายตาของเยี่ยฉวนจับจ้องไปที่หัวหน้ากองทหารเกราะดำซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลนัก ในเวลานี้มันมีท่าทีหวาดกลัวทำท่าคิดที่จะหลบหนี ทว่าเยี่ยฉวนกลับว่องไวยิ่งกว่า เขาพุ่งทะยานเข้าใส่มันด้วยความเร็วจนทิ้งไว้เพียง ฝุ่นควัน
ทันทีที่เห็นเยี่ยฉวน หัวหน้าพลทหารเกราะดำผู้นี้ก็รู้แน่แล้วว่าตนไม่อาจหนีรอดไปได้ ดังนั้นเขาจึง เปลี่ยนท่าทีเป็นดุดัน ขยับหอกในมือขึ้นสวนแทงใส่เยี่ยฉวนซึ่งพุ่งเข้าหา
ขั้นผสานลมปราณ !
เยี่ยฉวนที่เห็นภาพตรงหน้า เขาไม่ได้คิดที่จะหลบหลีกคมหอกเลยแม้แต่น้อย แต่กลับปล่อยให้ปลาย ของมันปักเข้าที่อกของตนเสียอย่างนั้น
เปรี้ยง !
แรงปะทะเพียงส่งให้เยี่ยฉวนเซถอยหลังไปครึ่งก้าว ทว่าปลายคมหอกไม่สามารถเจาะทะลุเข้าไปใน ร่างกายเลยแม้แต่น้อย
กายาทองคำ !
คงมีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าพลังของเยี่ยฉวนแข็งแกร่งกว่าคนอื่นทั่วไป
สีหน้าของทหารเสื้อเกราะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เขาขยับจะชักหอกขึ้นมา แต่ช้ากว่าเกินไป จังหวะนั้น เยี่ยฉวนก็ได้พุ่งตัวกระโดดเข้าหาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะตวัดท่อนขากวาดส้นเท้ากระแทกเข้ากับศีรษะของทหาร สุดแรง
พลั่ก !
ร่างของหัวหน้าพลทหารเกราะดำกระเด็นหวือไปกระแทกตกอยู่ข้างกำแพง
ทหารม้าเกราะดำพยายามกระเสือกกะสนขยับลุกขึ้น แต่ไม่ทันเยี่ยฉวน เพราะในตอนนี้ชายหนุ่มได้ เดินเข้าไปเหยียบยอดอกของอีกฝ่ายไว้แล้ว ทหารเกราะดำผู้พ่ายแพ้ได้แต่จ้องมองไปที่เยี่ยฉวนด้วยสายตา เหี้ยมเกรียม ก่อนจะพูดออกมาว่า “เจ้าไม่รอดหรอก เจ้าได้ตายแน่ !”
เยี่ยฉวนเกือบจะเด็ดชีพฝ่ายตรงข้ามอยู่แล้ว แต่เมื่อได้ยินเสียงหนึ่งร้องขัดขึ้นเขาก็พลันหยุดชะงักไป “ข้าขอเป็นคนฆ่ามันเอง จะได้หรือไม่ ?”
เขาหันขวับมาตามเสียง และต้องรู้สึกแปลกใจยิ่งเมื่อเห็นว่าต้นเสียงคือหญิงสาวคนที่เขาช่วยชีวิตนาง ไว้ก่อนหน้า
หญิงสาววัยประมาณสิบแปดสิบเก้าดูบอบบางและน่าถนุถนอม แต่บัดนี้นางกลับดูเยือกเย็นยิ่งนัก
ชายหนุ่มมองอย่างชั่งใจก่อนจะพยักหน้า เขาหันไปดึงเอามีดพกของทหารเสื้อเกราะดำออกส่งให้กับ หญิงสาว นางมองเขานิ่งขณะเอื้อมมารับมีดและกำลังจะลงมือสังหาร ทว่าทันใดนั้นเสียงของคนผู้หนึ่งกลับดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน “หยุด !”
เยี่ยฉวนหันไปมอง เขาเห็นบุรุษร่างท้วมที่กำลังเดินอย่างเร่งรีบออกมาจากกลุ่มทหาร
นี่ไม่ใช่ทหารจากแคว้นถัง แต่เป็นทหารจากแคว้นเจียงนั่นเอง !
หากพูดให้ถูกต้องก็คือ ทหารพวกนี้คือผู้ที่อยู่ประจำเมืองหน้าด่านของแคว้นเจียง !
บุรุษร่างท้วมคนนี้คือผู้ปกครองเมืองหน้าด่าน
ชายร่างท้วมพร้อมด้วยทหารติดตามจำนวนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างโกรธเกรี้ยว เขามองเยี่ยฉวนและหญิงสาวก่อนชี้มือมาทางชายหนุ่ม “ใครปล่อยให้เจ้ามาอาละวาดที่นี่ ?”
เยี่ยฉวนนิ่วหน้า
คนอ้วนโมโหมากขึ้น เขาหันมาทางผู้หญิง “เอาตัวมา !!”
ทหารจำนวนหนึ่งก้าวออกมาตามคำสั่ง พวกเขาตรงเข้ามาหมายจับตัวนาง ด้วยสัญชาตญาณของ หญิงสาว นางพลันรีบเข้าไปแอบหลบเข้าด้านหลังของเยี่ยฉวนทันที ทว่าพวกทหารที่เห็นภาพที่เกิดขึ้นกลับ ไม่ล่าถอย พวกเขากลับตรงเข้ามาหมายจะจับนาง ในตอนนั้นเองที่ชายหนุ่มพลันตวัดหลังมือฟาดเข้าที่ใบหน้าของทหารกล้าตายพวกนั้นอย่างแรง
เผียะ !
ความรุนแรงจากพลังตบของเยี่ยฉวนทำให้ร่างทั้งร่างของทหารลอยกระเด็นออกไปไกล