ตอนที่ 489

Alchemy Emperor of the Divine Dao

หลังจากเดินได้สักพัก พวกเขาก็หยุดอยู่ด้านหน้าสิ่งก่อสร้างที่ดูเหมือนบ้านธรรมดา แต่ทว่ากลับมีผู้คนจำนวนมากรวมตัวกันอยู่ที่ประตู ซึ่งตรงนั้นเองหลิงฮันเห็นอวี่คุนหลุน หยานจุนฮ่าวและหลงไหเชวียน!

มันยังคงนอนอยู่ในโลงศพสามชีวิต แต่นอกเหนือจากโลงศพนั่นแล้ว มันยังพาโลงศพอีกสองโลงมาด้วยบางทีมันอาจจะขุดทหารซากศพมาจากหลุมศพ

เฟิงหยางเองก็อยู่ที่นี่สายตาที่จ้องมองออกไปนั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ซึ่งทำให้อ้าวเฟิงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เพราะมันยังไม่รู้ถึงความบาดหมางระหว่างเฟิงหยานและหลิงฮัน ในบรรดาบุตรทั้งเจ็ดของตระกูลอ้าว มีสามคนที่มาที่นี่และทั้งสามต่างเป็นจอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณซึ่งเห็นได้ชัดว่าพวกมันมีความสามารถมากขึ้น

“ไค่หยู่คารวะผู้อาวุโสอ้าว!” เย่วไค่หยู่คำนับอ้าวเฟิง สิ่งที่เขาคิดกับสิ่งที่เขาทำนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิง

อ้าวเฟิงยกมือขึ้นมาเล็กน้อย

“ทุกคนกำลังรออะไรอยู่ที่นี่งั้นรึ?” หลิงฮันถามราชันดาบชุดขาว ในบรรดาคนเหล่านี้ เขามีความประทับใจในตัวเชิงจงเฉินมากที่สุด

“เมื่อพวกเราเดินผ่านประตูเมืองมาและมาถึงที่นี่ รูปแบบอาคมวิญญาณก็ได้ปรากฏขึ้นและพูดว่ามีการทดสอบอยู่ที่นี่ และคนที่ได้สามอันดับแรกจะได้รับรางวัลตอบแทนที่น่าอัศจรรย์” เชิงจงเฉินตอบกลับ

“รูปแบบอาคมวิญญาณ?” หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจ

“ถูกต้องแล้ว เขตแดนลี้ลับทั้งหมดนี่ถูกควบคุมโดยรูปแบบอาคมวิญญาณ” จูเสวี่ยนเอ๋อพูดแทรก เห็นได้ชัดว่าอาจารย์ของนางบอกเรื่องนี้กับนาง

หลิงฮันพยักหน้า แม้ว่าคนพวกนี้จะเข้ามาในสิบสองเขตแดนลี้ลับสวรรค์เป็นครั้งแรก แต่ผู้อาวุโสของพวกเขาก็เคยเข้ามาที่นี่มาก่อน แน่นอนว่าพวกเขาย่อมบอกข้อมูลหลายอย่างให้กับคนของตัวเองรู้

“โอ้ว แล้วของรางวัลคืออะไรงั้นรึ?” หลิงฮันถามด้วยความสงสัย

“มันไม่ได้พูด” เชิงจงเฉินส่ายหัว

ริมฝีปากของหลิงฮันกระตุก เขาพูดว่า “ไม่ได้พูดงั้นหรือ? แต่พวกเจ้ากลับรออยู่ที่นี่?”

“มันจะต้องคุ้มค่าอย่างแน่นอน!” เย่วไค่หยู่เปิดปากพูด “ผู้ก่อตั้งรุ่นที่สามของข้าได้รับโอกาสอันยิ่งใหญ่จากที่นี่ และวิถีวรยุทธของเขาก็ก้าวหน้าราวกับติดปีกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา”

ไม่แปลกที่อัจฉริยะทั้งหมดต่างรวบตัวอยู่ที่นี่และไม่ไปที่อื่น ในทางกลับกัน หากไม่มีกุญแจ แม้ว่าคนเหล่านี้จะมาถึงสิบสองพระราชวัง พวกเขาก็ไม่สามารถเข้าไปข้างในได้ ดังนั้นมันจึงการดีกว่าที่จะอยู่ที่นี่เผื่อได้รับรางวัลตอบแทน

“แล้วรูปแบบอาคมวิญญาณอยู่ไหนล่ะ พาข้าไปดูหน่อย” หลิงฮันพูด บางทีเขาอาจพูดคุยกับมันได้และสอบถามข้อมูลกับมัน

“หลังจากที่มันพูดเสร็จ มันก็หายไปแล้ว” เชิงจงเฉินกล่าว

“พวกเราต้องรออีกนานแค่ไหน?”

“สิบวันหลังจากเขตแดนลี้ลับเปิด”

หลิงฮันคำนวณว่าอีกไม่กี่วัน หากเขารู้ก่อนหน้านี้ เขาคงท่องไปทั่วอีกสักพักและอาจจะพบสมุนไพรล้ำค่า อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครรู้ว่าราชาแมลงจะมุ่งหน้ามาที่นี่หรือไม่ ซึ่งมันเป็นสัตว์อสูรที่น่าสะพรึงกลัวมาก และถ้ามันตามมาถึงที่นี่ คนพวกนี้จะต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ

นอกเสียจากรูปแบบอาคมวิญญาณจะเข้ามาแทรกแซง

หลิงฮันไม่รู้ว่ารูปแบบอาคมที่อยู่ที่นี่อยู่ระดับไหน แต่หากมันถูกสร้างขึ้นจากดินแดนพระเจ้า มันจะต้องเป็นรูปแบบอาคมระดับพระเจ้าเป็นอย่างน้อย

ทุกคนตั้งหน้าตั้งตารอคอยอย่างอดทน พลังปราณที่อยู่ที่นี่นั้นอุดมสมบูรณ์มาก ราวกับเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์สำหรับบ่มเพาะพลัง หากฝึกฝนที่นี่หนึ่งวันอาจเทียบได้กับข้างนอกหนึ่งร้อยวัน ดังนั้น ถ้าพวกเขานั่งอยู่ที่นี่ มันคงจะเป็นการเสียเวลาแย่ เพราะพวกเขาสามารถยกระดับพลังได้อย่างรวดเร็วในที่แห่งนี้

หลิงฮันทำตัวอุกอาจมากยิ่งขึ้น เขากินเนื้อสัตว์อสูรจำนวนมากทุกวันพร้อมกับปลาแก่นแท้เหมันต์เยือกแข็งและส่วนผสมของสมุนไพรอายุพันปีทุกประเภท แสงหลากสีพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเมื่อพวกมันเดือด ทำให้แม้กระทั่งจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานยังต้องเผลอกลืนน้ำลาย

เมื่อเห็นพวกเขากินอย่างเอร็ดอร่อย มันทำให้ลำคอของพวกเขาเริ่มสั่นและต้องกลืนน้ำลายไม่หยุด

แต่น่าเสียดาย ใครมันจะกล้าปล้นนักปรุงยาระดับสวรรค์กัน?

ในภูมิภาคเหนือ ใครบางคนก็ไม่ได้ไว้หน้านักปรุงยาระดับสวรรค์ แต่การไม่ไว้หน้าไม่ได้หมายความว่าคนผู้นั้นจะมีความโกรธแค้นอย่างรุนแรง นั่นเป็นเพราะเมื่อทุกคนต่อสู้กับเพื่อแย่งชิงสมบัติมันคงไม่มีใครพูดอะไรออกมา แต่ถ้าคนคนนั้นพยายามที่จะพบอาหารของนักปรุงยาระดับสวรรค์ คนทั้งโลกคงจะเยาะเย้ยคนคนนั้นจนตาย

ใครบางคนนั้นค่อนข้างหน้าด้านทีเดียว อย่างเช่น ฉื่อฮวาหลัน และหลินเซียงฉินที่มาโดยไม่ได้รับคำเชิญและขอเข้ากลุ่มของพวกเขา โดยใช้ประโยชน์จากความงดงามของพวกนาง พวกนางหยิบชามและตะเกียบ ตักซุปและหยิบเนื้อ ซึ่งทำให้ฮูหนิวกรีดร้องออกมาเสียงดัง พวกนางจะขโมยอาหารของนางได้อย่างไร?

โชคดีที่นอกเหนือจากหลิงฮันแล้ว ไม่มีใครกินได้เยอะ ดังนั้นเด็กสาวตัวน้อยจึงรู้สึกร้อนใจชั่วครู่เท่านั้น และในไม่ช้าก็เริ่มต่อสู้แย่งอาหารกับหลิงฮันอย่างขะมักเขม้น

“หลิงฮัน ในที่สุดเจ้าก็มาสักที!” หลงไหเชวียนเข้ามาใกล้ขณะที่อยู่ในโลงศพสามชีวิต

“อะไร เจ้าคงไม่ได้อยากกินเนื้อด้วยหรอกใช่หรือไม่?” หลิงฮันแสร้งทำเป็นตกใจ “ไม่ใช่ว่าเจ้าตายแล้วหรอกรึ? คนตายกินอาหารได้ด้วย?”

“หยุดพล่ามได้แล้ว!” หลงไหเชวียนตะโกนเสียงดัง มันไม่ได้เปิดเผยว่าหลิงฮันครอบครองอาวุธวิญญาณที่เก็บสิ่งมีชีวิตเข้าไปได้และความลับที่ว่าหลิงฮันมีกุญแจพระราชวังราศีธนู มันไม่ใช่เพราะมันมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อหลิงฮัน แต่เพราะต้องการให้มันเป็นของตัวเอง

“แล้วอะไรถึงพาเจ้ามาที่นี่?” หลิงฮันแสยะยิ้ม

“ข้าเพียงแค่ต้องการได้ยินคำพูดสุดท้ายของเจ้าเพราะในไม่ช้าข้าจะปรับแต่งเจ้าให้กลายเป็นทหารซากศพ!” หลงไหเชวียนพูดจาพูดเหลวไหล “และคนพวกนี้ที่อยู่รอบตัวเจ้าจะไม่มีใครสามารถหลบหนีไปได้!”

ในภูมิภาคเหนือ มีคนจำนวนมากทีเดียวที่ต้องการให้หลิงฮันตาย แต่ถ้าพูดข่มขู่ว่าจะฆ่านักปรุงยาระดับสวรรค์อย่างเปิดเผยนั้น… หลงไหเชวียนอาจเป็นคนเดียวที่กล้าทำ

หลิงฮันถอนหายใจและพูดว่า “ถ้างั้นเจ้ามาที่นี่เพื่อพูดจาไร้สาระนี่เอง เอ้า ปรบมือเร็วเข้า!”

หลิ่วอู๋ตงและคนอื่นเริ่มปรบมือทีละคนพร้อมหัวเราะออกมาเช่นเดียวกัน

หลงไหเชวียนไม่ได้รู้สึกโกรธ แต่พูดด้วยเสียงทุ้มว่า “หลิงฮัน ในไม่ช้าเจ้าจะได้รับรู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องตลก!”

“เช่นนั้นข้าจะรอดู” หลิงฮันยิ้ม

“ฮึ่ม!” โลงศพขยับและกลับไปอยู่ที่เดิม แต่หลิงฮันกลับเรียกดาบกำเนิดมารออกมา และโจมตีไปที่โลงศพสามชีวิต และเปรี๊ยง ประกายแสงกระจายไปทุกทิศทุกทาง

“เจ้ากำลังทำอะไร?” หลงไหเชวียนกล่าว มันรู้สึกฉุนเฉียว

“ไม่ได้ทำอะไร เจ้าก็หลบอยู่ในกระดองเต่าของเจ้าไปเถอะ!” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้มขณะที่เขาโจมตีอย่างต่อเนื่อง

หลงไหเชวียนรู้สึกรำคาญและโกรธ ด้วยการป้องกันของโลงศพสามชีวิต เห็นได้ชัดว่ามันไม่กลัวการโจมตีของหลิงฮัน แต่ถูกหลิงฮันโจมตีอยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้ ทำให้มันรู้สึกอับอาย ยิ่งไปกว่านั้น แรงสั่นสะเทือนของการโจมตีแต่ละครั้งนั้นสั่นไปทั่วโลงศพ ถึงแม้มันจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่แรงสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่องทำให้มันรู้สึกไม่สบาย

เมื่อหลิงฮันโจมตีไปหลายร้อยครั้งและดูไม่มีท่าทีว่าจะหยุด มันจึงทนไม่ไหวและตะโกนออกมาว่า “เจ้าจะพอได้แล้วหรือยัง!?”

“แน่นอนว่าไม่ เจ้าเข้ามาหาข้าและพูดข่มขู่ข้าอย่างเปิดเผย และยังจะจากไปทั้งแบบนั้น เจ้าคิดว่ามันจะจบง่ายๆงั้นรึ?” หลิงฮันพูดอย่างชั่วร้าย

หลงไหเชวียนพูดไม่ออก หรือว่าปากของมันทำให้หลิงฮันรู้สึกโกรธ?

มันรีบควบคุมโลงศพสามชีวิตและมุ่งไปที่ประตูเมือง มันยังเหลือเวลาอีกสองวันก่อนการทดสอบจะเริ่มต้นขึ้น และมันต้องการหลบซ่อนอยู่สักพัก เพราะที่นี่มีคนมากเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น มันยังมีรูปแบบอาคมวิญญาณอยู่ และมันไม่ต้องการเปิดเผยไพ่ลับเร็วจนเกินไป

หลิงฮันไม่ได้ไล่ตามมันไป หากมันหลบอยู่ในโลงศพสามชีวิต การจะฆ่าหลงไหเชวียนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

ในไม่ช้าสองวันได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว พรึบ ร่างมนุษย์ปรากฏตัวอยู่กลางอากาศ คนผู้นั้นดูเหมือนเด็กอายุห้าถึงหกขวบ ร่างกายของเขาโปร่งใสราวกับภาพมายา

รูปแบบอาคมวิญญาณ!

“การทดสอบได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว หลังจากที่พวกเจ้าทุกคนผ่านประตูนั่นไป พวกเจ้าสามารถเลือกคู่ต่อสู้ได้สามคนและเลือกสถิติการต่อสู้ที่ดีที่สุด สุดท้าย อันดับของพวกเขาจะขึ้นอยู่กับพลังต่อสู้

มันเป็นพื้นที่ทางจิต และมีเพียงแค่สัมผัสสวรรค์ของพวกเจ้าเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ ดังนั้นพวกเจ้าจะไม่สามารถใช้วิธีการสนับสนุนใดๆได้ทั้งสิ้น และพวกเจ้าก็ไม่อาจได้รับบาดเจ็บ”

ยิ่งพวกเจ้ามีดาวมากเท่าใด รางวัลที่พวกเจ้าได้รับยิ่งยอดเยี่ยมมากขึ้นเท่านั้น ถ้าพวกเจ้าทุกคนเป็นพวกคนไร้ค่า และมีดาวเพียงแค่สองถึงสามดวง หากเป็นเช่นนั้นรางวัลตอบแทนที่พวกเจ้าจะได้รับมากที่สุดคือทักษะระดับปฐพี

และมีเพียงแค่สามอันดับแรกเท่านั้นที่จะได้รับรางวัล”