บทที่ 260 ฉันจะเอาตัวไป

The king of War

ทันใดนั้นทั้งสองฝ่ายคุมเชิงกันขึ้นมาแล้ว

ถึงแม้เฉินซิงไห่จะพาคนมามากมาย แต่นี่คือถิ่นฐานหลักของตระกูลหยวน คนอีกฝ่ายหนึ่งเยอะกว่า

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เฉินซิงไห่ก็ไม่หวาดกลัวอะไรทั้งสิ้น

ที่นี่ ญาติพี่น้องในตระกูลหยวน โดยพื้นฐานอยู่ด้วยกันหมด ถ้าเกิดการต่อสู้กันขึ้น คนของตระกูลหยวนจะต้องตายกันไปมากมาย

“เฉินซิงไห่ นายเนี่ยนะ เป็นไปไม่ได้หรอกว่าภายในครึ่งชั่วโมงสั้นๆ นี้ นายจะทำให้ตระกูลหยวนของฉันเจอการสูญเสียหนักขนาดนี้ได้ สรุปเป็นใครกำลังช่วยนายจัดการตระกูลหยวน?”

หยวนซื่อหวู่เอ่ยปากบอกทันที

ในใจเขากลับกระจ่างแจ้ง ตระกูลหยวนมีแนวโน้มสิ้นหวังแล้ว

“หยวนซื่อหวู่ แม้แต่นายผิดใจใครเข้าแล้วยังไม่รู้ตัว มิน่าตระกูลหยวนถึงพังพินาศ!” เฉินซิงไห่พูดจาเยาะเย้ย

หยวนซื่อหวู่ยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย “นายหมายความว่าอะไร?”

“ไม่ใช่ฉันหาคนมาจัดการตระกูลหยวน แต่ว่าตระกูลหยวนล่วงเกินคนที่ไม่ควรผิดใจ”

เฉินซิงไห่เอ่ยปากพูดว่า “แน่นอน ต่อให้ไม่มีเขา ฉันก็ไม่ปล่อยตระกูลหยวนไป เพราะการตายของหลานชายฉัน เป็นหลานชายนายทำ! ตอนนี้รู้หรือยังว่าทำไมฉันถึงอยากเอาตัวพวกเขาไป?”

พูดถึงสุดท้าย เฉินซิงไห่มีท่าทางเจ็บปวดและโกรธแค้น

ถึงแม้ว่าเฉินอิงจวิ้นจะไม่โดดเด่นเท่าไร แต่ยังเป็นสายเลือดของตระกูลเฉิน

แม้กระทั่งเพราะเหตุนี้ เกือบทำให้ตระกูลเฉินพังทลาย

“เจ้าสารเลว! ยังไม่ไสหัวออกมาอีก!”

ชั่วขณะนั้นหยวนซื่อหวู่ระเบิดอารมณ์โมโห หยวนเซ่าที่กำลังสั่นเทาอยู่ในฝูงชน ยังมีหยวนมู่ที่แกล้งทำเป็นนิ่งเฉยพูดตะโกนว่า

“คุณปู่ครับ นี่ไม่ใช่แค่ข้ออ้างหนึ่งที่ตระกูลเฉินอยากลงมือกับตระกูลหยวนเท่านั้นเหรอ พวกผมกับอิงจวิ้นเป็นเพื่อนสนิททกัน จะจ้างมือสังหารไปฆ่าเขาได้อย่างไร?”

หยวนมู่ฝืนแสร้งทำตัวสงบนิ่ง พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย

เขาตัดสินใจได้ตั้งแต่แรกแล้ว ต่อให้ตายก็จะไม่ยอมรับโดยเด็ดขาดว่าเป็นตนเองจ้างมือสังหารฆ่าเฉินอิงจวิ้น

“ไม่ผิด พวกผมกับอิงจวิ้นเป็นเพื่อนสนิทที่เล่นด้วยกันมาจนโต จะฆ่าเขาได้อย่างไรกัน? นี่จะต้องเป็นตระกูลเฉินวางแผนร้าย คุณปู่ครับ ท่านอย่าติดกับเด็ดขาดนะครับ!”

หยวนเซ่ารีบพูดทันที เห็นได้ชัดว่าเสียงสั่นเครืออยู่บ้าง

เฉินซิงไห่เย้ยหยัน “ไอ้หนุ่ม เพราะพวกแก ตระกูลหยวนถึงเจอหายนะเลวร้ายแบบนี้ หรือว่าพวกแกยังอยากให้คนอื่นของตระกูลหยวนต้องสละชีพเพราะเรื่องนี้เหรอ?”

เฉินซิงไห่ในเวลานี้ หน้าตาเย็นชา ในสายตามีเพียงจิตอาฆาตแค้นที่เข้มข้น

เขาพูดประโยคนี้ออกมา ผู้คนตระกูลหยวนมากมายต่างสีหน้าเปลี่ยนไปมาก สายตาที่มองทางหยวนมู่และหยวนเซ่าเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

“ในเมื่อผู้นำเฉินบอกแล้วว่าเป็นเพราะพวกนาย ถึงทำให้ตระกูลประสบหายนะใหญ่หลวงเช่นนี้ พวกนายยังมีหน้าอยู่ในตระกูล ทำลายคนตระกูลเดียวกันอีกงั้นหรือ?”

“ผู้นำครับ ทุกอย่างที่ตระกูลหยวนเจอในวันนี้ ล้วนเป็นเพราะเจ้าพวกเสเพลคู่นี้ รีบไล่พวกเขาออกไปเถอะ ไม่แน่ว่าผู้นำเฉินอาจจะปล่อยพวกเราไปสักครั้ง!”

“หยวนมู่ หยวนเซ่า ไสหัวออกไปจากตระกูลหยวน!”

……

มีคนเป็นตัวตั้งตัวตีขึ้นมา ทันใดนั้นญาติพี่น้องในตระกูลหยวนมากมายต่างเอ่ยปากอยากขับไล่หยวนมู่และหยวนเซ่า

สีหน้าหยวนซื่อหวู่ดูแย่อย่างมาก เฉินซิงไห่แค่พูดมาประโยคเดียว คาดไม่ถึงจะทำให้คนตระกูลหยวนของตนเอง อยากส่งตัวหยวนมู่และหยวนเซ่าออกไปกันเอง

“คน ฉันสามารถส่งให้นายได้!”

ในที่สุดหยวนซื่อหวู่เอ่ยปาก จ้องเฉินซิงไห่ไว้พลางพูดว่า “แต่ตระกูลหยวนจำเป็นต้องรักษาไว้!”

ถึงแม้ทุกอย่างของตระกูลหยวนจะพังเสียหายหมด แต่รากฐานยังอยู่ที่เมืองโจวเฉิง ถ้าจากไปจริงๆ ตระกูลหยวนอยากจะรุ่งเรืองอีกครั้ง เกรงว่าคงยากมาก

ขอเพียงตระกูลหยวนยังอยู่ที่เมืองโจวเฉิง พึ่งพาเครือข่ายความสัมพันธ์ในสมัยก่อน คงสามารถค่อยๆ นำตระกูลหยวนพัฒนาขึ้นมาได้

ถึงแม้ยากมากที่จะบรรลุระดับสูงแบบเมื่อก่อนนี้ แต่อย่างน้อยก็สามารถทำให้ตระกูลหยวนดีมาบ้าง

พอหยวนมู่และหยวนเซ่าได้ยิน สีหน้าก็ซีดเซียวไปแถบหนึ่ง

หยวนซื่อหวู่ ในที่สุดก็ละทิ้งพวกเขาแล้วเหรอ?

เฉินซิงไห่กลับส่ายหน้าแล้ว “หยวนซื่อหวู่ นายน่าจะเข้าใจ คนที่อยากกำจัดตระกูลหยวนไม่ใช่ฉัน”

“งั้นให้ฉันกับคนเบื้องหลังนายเจอกันสักครั้ง ฉันคุยกับเขาเอง!”

หยวนซื่อหวู่กัดฟันพูด

“หยวนซื่อหวู่ นายอย่ามาได้คืบจะเอาศอกเลย ฉันเอาแค่ตัวคนร้ายฆ่าคนไป ถือว่าไว้หน้านายมากพอแล้ว ถ้านายยังดึงดันอยู่อีก อย่าโทษว่าฉันไม่เกรงใจแล้วกัน!”

เฉินซิงไห่พูดอย่างโมโหฉุนเฉียว

เขาย่อมรู้ดีเป็นธรรมดา ถ้าให้ตระกูลหยวนเหลืออยู่ที่เมืองโจวเฉิง คงจะทำให้เขามีความรู้สึกกระสับกระส่ายคล้ายมีเข็มแทงอยู่ด้านหลัง

มีเพียงไล่ตระกูลหยวนออกไปจากเมืองโจวเฉิงให้สิ้นซาก ตำแหน่งของเขาถึงมั่นคงได้

วินาทีนี้ หยวนซื่อหวู่มีความรู้สึกอำนาจเสื่อมลงฉับพลัน

ตระกูลหยวนจากตระกูลเล็กแห่งหนึ่ง ค่อยๆ ก้าวมายืนจุดยอดสุดของเมืองโจวเฉิง ใช้เวลาและสติปัญญากับกำลังนับไม่ถ้วน ปัจจุบันนี้กลับสูญสิ้นหมดทุกอย่างภายในครึ่งชั่วโมงสั้นๆ

ยิ่งคิด ในใจเขายิ่งไม่ยินยอม

ทุกอย่างในตอนนี้ล้วนเป็นสิ่งที่บรรพบุรุษตระกูลหยวนใช้เลือดแลกมา ถ้ามาพังทลายลงไปในมือเขา พอสุดท้ายแล้ว เขาคงไม่มีทางเผชิญหน้ากับบรรพบุรุษที่เสียไปแล้วได้

“เฉินซิงไห่ ฉันอยากคุยกับคนเบื้องหลังของนาย ไม่อย่างนั้นก็สู้กันเถอะ!”

ทันใดนั้นหยวนซื่อหวู่พูดแบบท่าทางเรียบเฉย แต่มีพลังโน้มน้าวจิตใจ ทำให้ทุกคนต่างทำหน้าตกใจ

ตระกูลหยวนมาถึงขั้นนี้แล้ว ยังมีกำลังมาสู้รบอีกเหรอ?

เฉินซิงไห่ก็นึกไม่ถึงเช่นกัน เขามองเห็นความแน่วแน่บนหน้าของหยวนซื่อหวู่

ในเวลานี้เอง รถโฟล์คเภาตันสีดำคันหนึ่งค่อยๆ มาจอดที่ข้างกายของเฉินซิงไห่

ภาพคนสองคนเดินออกมาจากในรถ

“คุณหยาง!”

เฉินซิงไห่เจอหยางเฉินอีกครั้ง พยักหน้าเล็กน้อย ท่าทีเคารพอย่างยิ่ง

ในฝูงชน ชั่วขณะนั้นที่หยวนมู่และหยวนเซ่ามองเห็นหยางเฉิน ทั้งสองคนมีความรู้สึกเหมือนฝันอยู่

โดยเฉพาะมองเห็นลักษณะท่าทางที่เฉินซิงไห่เคารพนอบน้อมต่อหยางเฉิน ยิ่งทำให้พวกเขาตกใจกลัวอย่างยิ่ง

หยางเฉินก้าวเดินมาทางด้านหน้า จนกระทั่งยืนอยู่ตำแหน่งที่ห่างจากหยวนซื่อหวู่ประมาณสองเมตรถึงหยุดลงมา

“นายคือคนที่อยู่เบื้องหลังของเฉินซิงไห่? นายเองหรือที่ทำลายตระกูลหยวนของฉัน และอยากให้เขาเอาตัวหลานชายฉันไปด้วย?” หยวนซื่อหวู่ถามขึ้นทันใด

หยางเฉินพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “หลานชายนายจ้างคนฆ่าคนอื่น ป้ายความผิดให้ฉัน ฉันพังตระกูลหยวนของนาย เอาตัวพวกเขาไป มีปัญหาเหรอ?”

“ไม่มีหลักฐาน มีสิทธิ์อะไรมาเอาตัวคนตระกูลหยวนของฉันไป?”

หยวนซื่อหวู่พูดจาโต้เถียงกลับ

“หลักฐาน?”

หยางเฉินส่งเสียงหัวเราะ “คนที่ฉันหยางเฉินอยากเอาตัวไป ใครจะขัดขวางได้?”

“นายอย่าทำเกินเหตุไปหน่อยเลย!”

หยวนซื่อหวู่ควบคุมไฟโกรธของตนเองไว้สุดแรง

“ทำเกินเหตุ? หึๆ! งั้นฉันก็ให้นายได้รับรู้สักหน่อย อะไรเรียกว่าทำเกินเหตุยิ่งกว่า!”

หยางเฉินส่งเสียงหัวเราะเยาะ จากนั้นหมุนตัวค่อยๆ เดินไปทางหยวนมู่และหยวนเซ่าทีละก้าว

ยอดฝีมือของตระกูลหยวนรีบล้อมหยางเฉินไว้ตรงกลางทันที ชั่วพริบตาเดียวเฉินซิงไห่ก็สีหน้าเปลี่ยนไปมาก กำลังอยากจะให้คนลงมือ กลับได้ยินหยางเฉินพูดว่า “ดูไว้ก็พอ!”

คำพูดประโยคนี้ เห็นได้ชัดว่าพูดกับเฉินซิงไห่

“ฆ่าเจ้าสารเลวคนนี้ให้ฉัน!”

หยวนเซ่าเห็นหยางเฉินถูกคนล้อมรอบเอาไว้ตรงกลาง ตะโกนเสียงดังแบบหน้าดุร้ายเต็มที่

เพียงแต่คำพูดของเขาไม่มีคนฟัง

ต่อให้หยวนซื่อหวู่กล้าบ้าบิ่นมากแค่ไหน ก็ไม่กล้าลงมือต่อหยางเฉิน

คนหนุ่มที่สามารถทำให้ตระกูลหยวนพังย่อยยับลงในเวลาครึ่งชั่วโมงสั้นๆ ได้ ยังเป็นการมีตัวตนที่เขาสามารถล่วงเกินได้เหรอ?

นอกเสียจากหลายสิบชีวิตของตระกูลหยวนนี้ ไม่ต้องการอีกแล้ว

“ถ้าไม่อยากตายก็ไสหัวออกไปให้หมด!”

หยางเฉินเอ่ยปากทันใด

ยอดฝีมือสิบกว่าคนขวางอยู่ตรงหน้าหยางเฉินกันแน่นขนัด คุ้มครองหยวนมู่และหยวนเซ่าเอาไว้ด้านหลัง ไม่มีสักคนที่ถอยหลัง

“ปึง!”

ในเวลานี้เอง หยางเฉินเคลื่อนไหวฉับพลัน

หลังจากถีบเท้าออกไปทีหนึ่ง ยอดฝีมือตระกูลหยวนที่ขวางอยู่ตรงหน้าเขาก็เลือดสาดกระจายกัน ร่างกายลอยออกไปสิบกว่าเมตร ตอนที่ล้มลงพื้น ไม่ขยับเขยื้อนสักนิด เป็นลมหมดสติไปแล้ว

ทั้งที่เกิดเหตุเงียบงันลง

นั่นเป็นยอดฝีที่ตระกูลหยวนจ่ายราคาสูงจ้างมาเลยนะ คาดไม่ถึงโดนหยางเฉินถีบทีเดียวก็ลอยไปสิบกว่าเมตรแล้ว

“ฉันพูด ทำไมถึงไม่ฟัง?”

เสียงของหยางเฉินดังขึ้นมาทันใด

วินาทีนี้ เขามาถึงข้างหน้าของหยวนมู่และหยวนเซ่าแล้ว

หยวนมู่ที่ฝืนทำเป็นนิ่งสงบมาตลอด ร่างกายสั่นเทาจนไม่มีทางควบคุมอยู่

ส่วนหยวนเซ่า ตกใจจนอ่อนยวบไปทั้งตัวตั้งแต่นานแล้ว ก้นกระแทกลงบนพื้น ที่ใต้ก้นยังมีน้ำเหลืองๆ กองหนึ่ง