ตอนที่ 356 ซั่งเหลียนสองบท

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 356 ซั่งเหลียนสองบท

หอป๋อเสวียตั้งอยู่ ณ ริมทะเลสาบเทียนหู

สถานที่แห่งนี้เป็นหอสูงใหญ่สามชั้น เป็นหอที่สร้างขึ้นใหม่สำหรับจัดเก็บหนังสือตำรา ด้านในนั้นมีหนังสือหายากเก็บไว้อยู่หลายหมื่นเล่ม

บนหอป๋อเสวียชั้นสาม ไทเฮาทรงทอดพระเนตรออกไปนอกหน้าต่างและสายพระเนตรได้หยุดอยู่ที่ลานกว้างเบื้องหน้าพระพุทธรูปองค์ใหญ่ “เกิดเรื่องอันใดขึ้น ? ”

ถังจู้กั๋วโค้งคำนับแล้วตอบกลับว่า “ทูลไทเฮา…บัณฑิตแห่งราชวงศ์อู๋และราชวงศ์หยูมีเรื่องบาดหมางกันพ่ะย่ะค่ะ”

ไทเฮาทรงแย้มพระสรวลแล้วส่ายพระพักตร์

“ยอดเยี่ยม ! นิสัยและอารมณ์ของเยาวชนเหล่านี้แฝงไปด้วยการต่อสู้ ส่งหมอไปหรือยัง ? ”

“ทูลไทเฮา งานชุมนุมวรรณกรรมในสามวันนี้ มีหมอจำนวน 6 คนประจำอยู่ที่นั่นพ่ะย่ะค่ะ”

“อืม…” ไทเฮาทรงหันหลังไปมองเหวินสิงโจวและนักปราชญ์อีกแปดคนที่เหลือ “ข้าเดินทางมาในครานี้ก็เพื่อต้องการเตือนพวกเจ้าว่า ในฐานะผู้ตัดสิน พวกเจ้าจะต้องมีความยุติธรรมที่เป็นกลางมากที่สุด นี่มิใช่การสอบ ตุ้ยเหลียน กวีหรือบทความทั้งหลายมิควรมีชื่อของผู้เขียนปรากฏ นี่คือการวัดถึงความยุติธรรมของกรรมการทั้งหลาย”

นักปราชญ์ทั้งเก้าคนโค้งรับคำสั่ง ไทเฮาเอ่ยขึ้นต่อไปว่า “พวกเจ้าเพียงแค่ต้องเข้าใจหนึ่งเหตุผลนี้ งานชุมนุมวรรณกรรมนั้นย่อมยึดวรรณกรรมเป็นหลัก วรรณกรรมนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ส่วนผู้ประพันธ์นั้นหาได้สำคัญไม่ ชื่อเสียงของราชวงศ์อู๋มิจำเป็นต้องใช้ตำแหน่งชนะเลิศในการแข่งขันครานี้มาตัดสิน แน่นอนว่า หากบัณฑิตของราชวงศ์อู๋มีความสามารถ ก็มิควรปิดบัง”

เหวินสิงโจวก้าวขึ้นมาหนึ่งก้าว คารวะแล้วกล่าวว่า “ขอไทเฮาทรงโปรดวางใจ พวกกระหม่อมจะเป็นกลางในการตัดสินพ่ะย่ะค่ะ”

“อืม พวกเจ้าล้วนเป็นผู้มีความสามารถขั้นสูง มองออกถึงทางโลกนี้…สิงโจว ซั่งเหลียนในวันนี้คืออะไร ขอข้าดูหน่อยได้หรือไม่”

“พ่ะย่ะค่ะไทเฮา ! ”

เหวินสิงโจวเดินไปยังตู้หนังสือที่ถูกปิดอยู่ ถังจู้กั๋วก็เดินตามไปด้วยเนื่องจากตู้นี้มีกุญแจสองดอก เขาเก็บไว้คนละดอก เหวินสิงโจวหยิบกล่องจากลิ้นชักด้านล่างสุดออกมาวางไว้ที่บนโต๊ะ

เมื่อกล่องนั้นถูกเปิดออก เขาก็ได้หยิบซั่งเหลียนออกมาสองแผ่น วางไว้บนโต๊ะ ไทเฮาทรงเอียงศีรษะเข้าไปมองด้วยความตกตะลึง “ตุ้ยเหลียนนี้…อาจารย์ฮุ่ยเจวี๋ยเป็นคนเขียนเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“ทูลไทเฮา ซั่งเหลียนนี้แผ่นหนึ่งเป็นของอาจารย์ฮุ่ยเจวี๋ย ส่วนอีกแผ่นหนึ่งเป็นขององค์จักรพรรดิพ่ะย่ะค่ะ”

“อืม…หัวข้อนี้เอื้อต่อบัณฑิตแคว้นฝานและแคว้นของพวกเรา ส่วนแคว้นหยูนั้น คาดว่าคงจะลำบากสักเล็กน้อย”

เหวินสิงโจวคารวะ “ฝ่าบาทตรัสว่า…ในเมื่อเป็นการแข่งขันจากใต้หล้า ก็มิจำเป็นต้องเอื้อต่อกัน”

“ดี… เริ่มการประลองเถิด ข้าจะคอยดูว่าจะมีสิ่งอัศจรรย์อันใดเกิดขึ้นหรือไม่ ! ”

……

……

เหวินสิงโจวและถังจู้กั๋วเดินถือกล่องนี้ไปยังลานกว้างเบื้องหน้าพระพุทธรูปองค์ใหญ่

ฟู่เสี่ยวกวนกำลังสนทนาอยู่กับฝานเทียนหนิง

“แท้ที่จริงแล้วตุ้ยเหลียนนั้นข้ามิได้ถนัดเท่าใดนัก หากจะกล่าวถึงการแพ้ชนะ ถ้าข้าบอกว่ามิได้สนใจแม้แต่น้อยท่านจะเชื่อหรือไม่ ? ”

ฝานเทียนหนิงนิ่งครุ่นคิด “หากเป็นก่อนหน้าที่จะรู้จักท่านข้าคงจะมิเชื่อเป็นแน่ แต่เมื่อข้าได้อ่านกวีไร้ซึ่งความปรารถนาของท่านที่เมืองฝานหนิงแล้ว ข้าจึงได้เชื่อ”

“แต่ทว่า…นี่คือการแข่งขันเพื่อหน้าตาของแคว้น ! พี่ฟู่ควรจะตั้งใจอย่างเต็มที่ ข้าหวังว่าท่านจะสามารถทำผลงานที่โดดเด่นออกมาได้ ให้บัณฑิตแห่งราชวงศ์อู๋ได้รับรู้ โดยเฉพาะจัวตงหลายให้เขาได้เข้าใจว่า เหนือฟ้าต้องมีฟ้าเป็นเยี่ยงไร ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนยิ้มแล้วกล่าวว่า “น้องฝานประเมิณข้าสูงเกินไปแล้ว ! ”

“ท่านพี่ฟู่ เมื่อยามอู่นั้นท่านมิอยู่ ข้าเห็นกับตาว่าบัณฑิตราชวงศ์อู๋นั้นทำท่าทีหยิ่งผยอง พวกเขาเห็นท่านเป็นคู่ต่อสู้อันดับหนึ่ง กล่าวว่าในเมื่อเป็นการแข่งขันตุ้ยเหลียน เช่นนั้นในวันนี้จะต้องนำชัยชนะมาให้จงได้ เพื่อเป็นการข่มขู่ท่าน…จัวอี้สิงแม้ว่าจะมิได้เอ่ยอันใดออกมา แต่บนใบหน้าของเขานั้นบ่งบอกถึงความยโส พี่ฟู่ หากท่านได้ยินด้วยตนเองแล้วท่านจะต้องทนมิได้เป็นแน่”

“เหตุใดจึงต้องใส่ใจกับคำกล่าวเหล่านั้นด้วย น้องฝาน ใต้หล้านี้มิมีผู้ใดสามารถทำได้ในทุกเรื่องที่ตนเองกล่าว ปล่อยให้เป็นไปตามใจเถิด ทำให้ดีที่สุดเป็นพอ ส่วนเรื่องผลการแข่งขันนั้น…ปล่อยให้เป็นหน้าที่ตัดสินของคณะกรรมการเถอะ”

คูฉานมองดูฟู่เสี่ยวกวนแล้วนึกในใจว่า นี่คือสาเหตุที่โลกนี้เต็มไปด้วยความทุกข์ พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า มิรู้กำลังตน !

ฟู่เสี่ยวกวนนั้นรู้ตนเองดี แม้ว่าเขาจะมีชื่อเสียงในด้านวรรณกรรมไปทั่วหล้า แต่ทว่ายังคงถ่อมตน และยังมีจิตใจที่มั่นคง หรือว่าเขาจะเข้าใจในพระธรรมกัน ?

อีกด้านหนึ่ง เยียนหานยวี่กำลังสนทนากับท่าป๋ายวนอยู่ถึงเรื่องของผู้ที่อาจจะชนะการประลองตุ้ยเหลียนในครานี้

“จัวตงหลายได้ประกาศแล้วว่า เขาจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด ตำแหน่งผู้ชนะในครานี้เขาดูจะมั่นใจยิ่ง ! ”

เยียนหานยวี่เอียงศีรษะมาเล็กน้อย “ศิษย์ทั้งเจ็ดแห่งหลานซีอันเลืองชื่อนั้น พวกเขามีความสามารถอย่างแท้จริง และเนื่องจากจัวตงหลายเป็นหนึ่งในเจ็ดคนนั้น เห็นได้ชัดว่าเขามีความสามารถมากพอที่จะได้รับรางวัลเป็นผู้ชนะ แต่แคว้นของพวกเราทั้งสองนั้น…”

เยียนหานยวี่มองไปยังบัณฑิตร่างคล้ำเหล่านั้นในลานแล้วถอนหายใจออกมา “เกรงว่าตัวแทนจากสองแคว้น ของพวกเราจะเป็นเพียงตัวประกอบในการแข่งขันครานี้เท่านั้น”

เมื่อนึกถึงวาทศิลป์ที่เขาได้ยินเมื่ออยู่ในเมืองฝานหนิงและมองไปกลุ่มคนเหล่านั้น ท่าป๋ายวนก็ได้ถอนหายใจออกมาเสียยาวยืด ในใจของเขาพลันคิดว่าแคว้นฮวงช่างเล็กเสียจริง

หากต้องการให้แคว้นฮวงรุ่งเรืองก็จะต้องทำลายด่านเยี่ยนซานนั้นเสีย หากสามารถครอบครองพื้นที่อันอุดมสมบูรณ์ของแคว้นหยูได้ครึ่งหนึ่ง แคว้นฮวงจึงจะมีโอกาสพัฒนามากขึ้น

ในขณะที่พวกเขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เหวินชังไห่และถังจู้กั๋วก็ได้เดินขึ้นสู่เวที

เหวินชังไห่ยืนอยู่ด้านหน้าแล้วประกาศด้วยเสียงอันดังว่า “การแข่งขันในครานี้ จะเริ่มด้วยการประลองตุ้ยเหลียน มีซั่งเหลียนอยู่ 2 แผ่น เชิญบัณฑิตทุกท่านตั้งใจดู เวลาในการแข่งขันคือ 1 ก้านธูป เปิดหัวข้อ จุดธูป ! ”

ถังจู้กั๋วเปิดกล่องออกแล้วหยิบตุ้ยเหลียนสองแผ่นนั้นออกมา เขาลอยตัวขึ้นกลางอากาศแล้วนำตุ้ยเหลียนทั้งสองแผ่นนี้ติดไว้ที่เข่าของพระพุทธรูป ในขณะเดียวกันเหวินชังไห่ก็ทำการจุดธูป

เสียงในลานเงียบลงทันใด บัณฑิตทั้งหลายมองไปยังตุ้ยเหลียนทั้งสองแผ่นนั้น

ฟู่เสี่ยวกวนเองก็เช่นกัน เขามองไปแล้วก็ตกตะลึงยิ่ง

ตุ้ยเหลียนแผ่นแรกมีซั่งเหลียนเนื้อความว่า

การสั่งสอนนั้นมีนับหมื่นวิธี มิมีสิ่งใดพิเศษ มิควรยึดถือ มิใช่ธรรมและมิใช่อธรรม

นี่คือตุ้ยเหลียนที่เกี่ยวกับพุทธศาสนา รวมไปถึงหลักธรรมมากมาย เห็นได้ชัดว่าผู้ที่เขียนซั่งเหลียนนี้คาดว่าคงจะเป็นพระอริยสงฆ์อย่างแน่นอน

บัณฑิตแห่งราชวงศ์หยูพอได้เห็นแล้วต่างก็พากันใจหาย

ราชวงศ์หยูอันกว้างใหญ่ หาได้มีวัดแม้แต่แห่งเดียวไม่ !

เรื่องของพระคัมภีร์นั้น พวกเขามิเคยได้อ่านแม้แต่เล่มเดียว แล้วจะให้ต่อเยี่ยงไรเล่า ?

ดังนั้นพวกเขาจึงมองไปยังซั่งเหลียนแผ่นที่สอง

ต้นไม้ดอกไม้ แดงฉ่ำเขียวชอุ่ม มีเพียงเจ้าที่คอยประคอง มิให้ลมฝนพายุ พัดพาหนาวเหน็บ

……

ให้ตายสิ ผู้ใดเป็นคนออกหัวข้อนี้กัน ?

มิเพียงแต่บัณฑิตจากราชวงศ์หยูเท่านั้น แต่บัณฑิตทั้งหลายนับมิถ้วนในลานนี้เมื่อเห็นซั่งเหลียนทั้งสองแผ่นต่างก็พากันสูดลมหายใจเข้าเสียจนเต็มปอด

แผ่นแรกกล่าวถึงพุทธศาสนา แผ่นที่สองนั้นกล่าวถึงความรัก !

พุทธศาสนาเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมยิ่ง แม้แต่บัณฑิตจากแคว้นฝานในบัดนี้ หลังจากที่ได้อ่านซั่งเหลียนสองแผ่นนั้นแล้ว จิตใจของพวกเขาก็จมดิ่งลงไปในซั่งเหลียนสองแผ่นนั้นทันที

ซั่งเหลียนแผ่นที่สองนั้นมีความยากอยู่เล็กน้อย เนื่องจากมีการใช้อักขระที่ค่อนข้างซับซ้อน จึงทำให้ซั่งเหลียนแผ่นนี้มีความยากเพิ่มมากขึ้นไปอีก !

ฝานเทียนหนิงขมวดคิ้วแน่น เขาคิดว่าแผ่นแรกสำหรับเขานั้นคาดว่าคงจะได้คะแนนในระดับต้น ๆ เป็นแน่

ส่วนจัวตงหลายมีสีหน้าคร่ำเครียด สายตาของเขาหยุดอยู่ที่ตุ้ยเหลียนทั้งสองแผ่นแล้วพลางนึกในใจว่า ราชวงศ์หยูมิมีแม้แต่วัด ครานี้ฟู่เสี่ยวกวนเกรงว่าจะแย่เสียแล้ว การประลองในกระดานแรกนี้เขาจะต้องชนะเป็นแน่ !