ตอนที่ 1107 ถ้าเธอกล้าก็ลองดู!

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

ชาวต่างชาติบางคนยังออกมาวิเคราะห์และหาข้อมูลต่างๆ นานามาเพื่อเปิดโปงและวิพากษ์วิจารณ์ภาพยนตร์ด้วยซ้ำ พวกเขามีข้อกังขาในตัวถังหนิงทว่าเธอกลับไม่ได้ออกมาตอบโต้แต่อย่างใด

ในขณะเดียวกันสถานที่ตัดต่อที่ถังหนิงสร้างมดราชินีขึ้นมาได้กลายเป็นบริษัทด้านการตัดต่อที่ก่อตั้งขึ้นในชื่อ…ชัยชนะ

ชัยชนะและจู้ซิงมีเดียได้ผนึกกำลังและดำเนินงานในฐานะบริษัทลูกของไห่รุ่ย

ตั้งแต่ทีมงานตัดต่อเปิดเผยตัวออกมา ทีมงานทั้งหมดของชัยชนะได้รับการติดต่อจากบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์มากมาย ความจริงแล้วบางคนยังเสนอเงินก้อนโตเพื่อให้พวกเขาทำงานให้กับภาพยนตร์ของพวกเขาเสียด้วยซ้ำ แต่ทางทีมงานได้ปฏิเสธทุกข้อเสนอจากพวกเขา

ประการแรกพวกเขาตกลงทำงานกับถังหนิงเพราะสัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นและแรงผลักดันที่เธอกับเฉียวเซินมีต่อการสร้างภาพยนตร์ไซไฟคุณภาพสูง

สอง ทักษะของพวกเขายังมีไว้เพื่อมดราชินีเท่านั้น พวกเขาจึงจะไม่ทำงานให้กับเรื่องไหนนอกจากภาคต่อของมดราชินี

สาม กว่าพวกเขาจะพัฒนาฝีมือในการตัดต่อ ต้องใช้เวลาในการฝึกฝนและขัดเกลา จึงไม่ต้องการเสียแรงไปกับภาพยนตร์เรื่องอื่น อย่างน้อยในตอนนี้พวกเขาก็ได้ทุ่มเททั้งหมดให้กับ มดราชีนี

ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีใครที่ร่วมงานได้อย่างสบายใจไปมากกว่าถังหนิง

อย่างไรเสียเธอก็มอบทั้งผลประโยชน์และการดูแลที่ดีที่สุดให้กับพวกเขา… รวมถึงชัยชนะที่ยิ่งใหญ่!

ทว่าเมื่อได้จังหวะสามารถฉวยผลประโยชน์จากมดราชินีในขณะที่มันประสบความสำเร็จได้ ก็เป็นอีกครั้งที่ถังหนิงหายหน้าไปจากสายตาของผู้คน ถึงเวลาที่เธอต้องเตรียมการสำหรับมดราชินีสองแล้ว

และเธอรู้ดีกว่าใครว่ามดราชินีสองจะยากเย็นเพียงไหนเมื่อไร้ซึ่งเฉียวเซิน…

ไม่นานหลังจากนั้นข่าวเริ่มแพร่สะพัดว่ามดราชินีคว้ารางวัลในเวทีนานาชาติหลายรางวัล อย่างไรก็ตามประธานโม่มักจะส่งตัวแทนไปรับเสมอ ไม่ใช่เพราะว่าถังหนิงหยิ่งแต่เป็นเพราะภาพยนตร์ไซไฟจากจีนถูกชาวต่างชาติคอยดูถูกมานานหลายปีต่างหาก

ตอนนี้ในที่สุดพวกเขาก็ได้หยัดยืนอย่างเต็มภาคภูมิแล้ว เธอต้องทำบางอย่างเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในตลาดภาพยนตร์ในประเทศ!

เธอไม่ได้เฉยเมยกับรางวัลในระดับนานาชาติ แต่เธอก็ไม่อาจตื่นเต้นกับมันได้มากเกินไปเช่นกัน

“ฉันว่าจะขอให้รุ่นพี่หลงมาร่วมแสดงในมดราชินีสอง โดยเพิ่มฉากต่อสู้ลงไปอีกหน่อย ฉันอยากจะใส่บางอย่างที่บ่งบอกถึงวัฒนธรรมของเราลงไปในหนังของฉัน

“หนังเรื่องแรกเป็นเรื่องราวของพ่อกับลูกสาว ฉันเลยคิดว่าภาคต่อน่าจะเป็นเรื่องของอาจารย์กับลูกศิษย์น่ะค่ะ คุณคิดว่ายังไงคะ ถิง”

เมื่อเห็นภรรยากำลังหมกมุ่นอยู่กับการถ่ายทำภาพยนตร์ โม่ถิงระบายยิ้มขณะทิ้งตัวนั่งลงข้างเธอ “ครั้งนี้คุณเองก็มีเส้นสายเยอะแล้ว ไม่ต้องให้ผมช่วยแล้วล่ะครับ”

“คุณต้องล้อเล่นแน่ๆ ” ถังหนิงวางปากกากับกระดาษในมือก่อนหันไปมองหน้าเขา “คุณคิดจริงๆ เหรอคะว่าฉันจะเขียนบทได้เสร็จสมบูรณ์ตามลำพังได้น่ะค่ะ”

โม่ถิงครุ่นคิดครู่หนึ่งและพยักหน้ารับ “ตอนนี้มาคิดดีๆ ผมว่าตัวเองก็ยังพอมีประโยชน์บ้างนะ!”

“เนื้อเรื่องเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในหนังแล้วนะคะ” ถังหนิงเอ่ยอย่างจริงจัง “ไม่ว่าการตัดต่อจะดีแค่ไหน แต่สิ่งที่ทำให้คนดูสนใจคือเนื่อเรื่องค่ะ”

“คุณก็ฝึกเขียนได้อยู่ตลอดอยู่แล้วนี่…”

“ถ้าคุณบอกให้ฉันเขียนบทธรรมดามันก็คงไม่ได้ยากเย็นอะไรหรอกค่ะ แต่ถ้าคุณบอกให้ฉันทำอะไรที่ซับซ้อนขนาดนั้น บอกตามตรงว่ามันก็เป็นเรื่องยากมากๆ สำหรับฉันเหมือนกัน” ถังหนิงเผยจุดอ่อนของตัวเองไปตามตรง “ฉันไม่ใช่คุณนะคะ ฉันไม่ได้เก่งไปซะทุกอย่าง”

ประธานโม่อึ้งไปกับคำเยินยอ เออออไปตามที่ภรรยาบอก…

ในขณะเดียวกันถังหนิงยังคงต้องตัดสินใจเลือกผู้กำกับสำหรับภาพยนตร์ของเธอ แม้ว่าเธอต้องการจะขอความช่วยเหลือจากอันจื่อเฮ่าอีกครั้ง แต่เธอก็รู้ว่าเขายังต้องดูแลซิงเหยียนและไม่มั่นใจว่าเขาจะตอบตกลง

“ตอนนี้คนกำลังรอให้คุณเปิดหานักแสดงสำหรับหนังของคุณอยู่นะครับ นอกจากรุ่นพี่หลงแล้ว คุณมีใครในใจอีกไหมล่ะ”

“ฉันจะไม่เปิดรับสมัครนักแสดงหรอกค่ะ” ถังหนิงตอบ “แล้วฉันก็จะไม่จัดคัดตัวนักแสดงหรือเชิญนักแสดงที่อายุยังน้อยมาร่วมแสดงเพราะความดังของพวกเขาด้วย จนกว่าพวกเขาจะแสดงให้เห็นว่ามีทักษะด้านการแสดง ฉันไม่คิดปรายตามองพวกเขาสักนิดค่ะ”

“อย่างนั้นก็ค่อยๆ มองหาแล้วก็ไม่ต้องสนใจคำแนะนำจากคนอื่นแล้วกันครับ”

ถังหนิงจึงเริ่มเตรียมการมดราชินีสองทั้งอย่างนั้น

อย่างไรก็ตามไม่กี่เดือนหลังจากนั้น บัตรเชิญงานแต่งงานจากตระกูลตี๋ได้ร่อนมาถึงห้องทำงานของโม่ถิง

“ท่านประธานครับ ตระกูลตี๋ส่งบัตรเชิญมาที่นี่มาโดยเฉพาะ พวกเขายืนยันว่าจะเชิญคุณกับคุณผู้หญิงไปให้ได้ ไม่คิดเลยนะครับว่าความปรารถนาของเหลียวหย่งอวี๋ที่จะได้แต่งเข้าตระกูลที่ร่ำรวยจะเป็นจริง เธอน่าจะท้องอีกและครั้งนี้ก็คงเป็นเด็กผู้ชาย เธอไปตรวจตอนอายุครรภ์ได้สามเดือนครึ่งแล้ว ทันทีที่มั่นใจว่าเป็นลูกชาย เหลียงหย่งอวี๋ก็เหมือนถูกรางวัลและได้ยกระดับทางสังคมขึ้นไปอย่างรวดเร็วเลยล่ะครับ” ลู่เช่อเอ่ยพลางวางบัตรเชิญลงบนโต๊ะของโม่ถิง

“เชิญมาโดยเฉพาะเหรอ” โม่ถิงถามขณะที่มองบัตรเชิญอย่างสนอกสนใจ “เหลียงหย่งอวี๋ต้องยังรู้สึกไม่พอใจอยู่แน่…”

“ท่านประธานหมายถึงตอนที่เธอมาขอร้องคุณเหรอครับ”

ครั้งนี้โม่ถิงไม่ได้ตอบ แต่ลู่เช่อรู้คำตอบจากสีหน้าของโม่ถิงแล้ว

หากเป็นอย่างนั้นจริง พวกเขาคงต้องได้มีเรื่องบาดหมางกันรุนแรง อย่างไรเสียก็มีความเป็นไปได้สูงที่เหลียงหย่งอวี๋จะหลงผิดและโทษว่าโม่ถิงกับถังหนิงทำให้เธอต้องเสียลูกสาวไป

ตอนนี้เธอมีลูกชายแล้ว สถานะของเธอต่างไปจากเดิมมาก หมายความว่าถึงเวลาที่เธอต้องตามคิดบัญชีแล้ว

“อย่างนั้นคุณจะไปงานแต่งงานนี้ไหมครับ”

“ตระกูลตี๋กับตระกูลเป่ยทำธุรกิจกันมานาน อีกอย่างตระกูลตี๋ก็เชิญเรามาโดยเฉพาะ ฉันต้องไปอยู่แล้วล่ะ” โม่ถิงบอกกลับ “ฉันจะไปดูว่าเหลียงหย่งอวี๋จะมาไม้ไหน ในเมื่อความวุ่นวายมันเข้ามาหาเราแล้ว เราก็ควรตัดไฟตั้งแต่ต้นลม แทนที่จะปล่อยให้มันลุกลามกลายเป็นระเบิดเวลา”

“โอเคครับ งั้นเดี๋ยวผมจะไปบอกให้คุณผู้หญิงทราบนะครับ” ลู่เช่อพยักหน้ารับ

ตอนนี้ลูกสาวของเหลียงหย่งอวี๋ได้รับการเลี้ยงดูจากครอบครัวที่ดี ในขณะที่เหลียงหย่งอวี๋มีลูกชาย หากตระกูลตี๋หาตัวเด็กหญิงคนนั้นเจอ ชีวิตเธอคงจะไร้ค่ายิ่งกว่าเดิม

ไม่นานถังหนิงก็ได้ยินเรื่องงานแต่งงานจากลู่เช่อ เธออดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ฉันนึกไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะยังไม่จบเลยนะเนี่ย”

“ตอนนั้นเหลียงหย่งอวี๋ดูสิ้นไร้ไม้ตอกเต็มที เธออาจจะเกลียดพวกคุณสองคนก็ได้นะครับ”

“ก็ได้ มาดูกันว่าเธอจะแก้แค้นยังไง” ถังหนิงจำเรื่องของเหลียงหย่งอวี๋เอาไว้ เธอไม่เคยประมาทศัตรูของเธอ

เพื่อให้ได้ดองกับตระกูลที่ร่ำรวย เหลียงหย่งอวี๋คลอดลูกสาวสองคนและหวังให้คนอื่นเอาไปเลี้ยงดู พอพวกเขาปฏิเสธเธอก็คิดแค้นเคือง ตรรกะอะไรกัน

ในไม่ช้าข่าวการแต่งงานของตระกูลตี๋ก็ออกมา โดยได้ขึ้นชื่อว่าเป็นงานที่ทุ่มทุนที่สุดเป็นประวัติการณ์ด้วยเงินกว่าร้อยล้าน ไม่แปลกใจเลยที่เหลียงหย่งอวี๋พยายามอย่างหนักเพื่อแต่งงานเข้าตระกูลตี๋

เธออาจคิดว่าในที่สุดมันก็คุ้มค่ากับความเจ็บปวดที่ต้องเจอมา

ใครจะคิดว่าคุณชายรองตระกูลตี๋จะใจกว้างขนาดนี้ แต่ใครๆ ก็ดูออกว่าลูกชายของเหลียงหย่งอวี๋นั้นทำให้เขามีโอกาสได้เป็นผู้สืบทอดธุรกิจของตระกูลมากแค่ไหน

คุณชายรองตระกูลตี๋ได้นัดพบโม่ถิงเพื่อขอโทษในท้ายที่สุด ดูเหมือนว่าตระกูลตี๋จะกังวลว่าถังหนิงกับโม่ถิงจะไม่ไปร่วมงานแต่งงานจริงๆ

เขาใช้เหตุการณ์ครั้งก่อนเป็นข้ออ้างในการมาขอโทษเพื่อให้ได้พบโม่ถิง “ประธานโม่ครับ ผมต้องขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งก่อนด้วย ผมยุ่งมากจนไม่มีโอกาสส่งของขวัญเป็นการขอโทษมาให้คุณ ถึงได้ยืนกรานเชิญคุณมาร่วมงานแต่งงานของผมพร้อมทั้งพาภรรยาและลูกชายของคุณมาด้วย”

“แน่นอนครับ” โม่ถิงตอบอย่างมีเลศนัย

เขาอยากจะเห็นว่าคุณหญิงมือใหม่อย่างเหลียงหย่งอวี๋วางแผนจะทำอะไรถังหนิง!

ถ้าเธอกล้าก็ลองดู!