บทที่ 683 ผมมีเรื่องขอร้อง / บทที่ 684 ใจกล้ามากนะ

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 683 ผมมีเรื่องขอร้อง

กงซวี่เหมือนโจรขโมย ค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ชายหนุ่มบนโซฟาทีละน้อย…

ขอแค่…

ขอแค่เขาลองดู… ก็จะรู้…

แต่ว่า วินาทีที่เขาเข้าไปใกล้ จู่ๆ เยี่ยหวันหวั่นลืมตาขึ้นมา

กงซวี่รีบยืนตัวตรงดัง ‘พรึบ’ “พี่… พี่เยี่ย!”

เยี่ยหวันหวั่นวางเอกสารในมือลง มองข้างๆ โซฟา “มาแล้วเหรอ นั่งลงคุยสิ”

กงซวี่ไม่ขยับ แต่ยังยืนอยู่ที่เดิม พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “พี่เยี่ย ผมมีเรื่องขอร้อง รบกวนพี่ต้องตอบรับผมด้วย!”

เยี่ยหวันหวั่นเลิกคิ้ว “เรื่องอะไร”

กงซวี่พูดเสียงดังมีพลัง “ผมขอจูบพี่หน่อยได้ไหม!”

ตงไจ๋ที่อยู่ข้างๆ “…!!!”

อะไรเนี่ย! เมื่อกี้ฉันได้ยินอะไรนะ

หูฉันน่าจะฝาดไป!

เยี่ยหวันหวั่นได้ยิน ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตามาแสงเงาอันตรายแวบผ่านขึ้นมา มองไปทางกงซวี่ที่อยู่ตรงข้ามเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิม พูดขึ้นมาช้า “นายอยากตาย?”

ทันใดนั้นกงซวี่รู้สึกว่ามีเสียง ‘ปิ้ว’ ดังขึ้นมา เหมือนลูกศรกามเทพยิงศรเข้ามาตรงหัวใจตัวเอง กุมหน้าอก ร้องคร่ำครวญขึ้นมา “โอ้ย พี่เยี่ย พี่อย่าทำแบบนี้! อย่าใช้สีหน้าแบบนี้มองผม! อย่าใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดกับผม!”

นี่มันช่าง… ช่างละเมิดกฎเกินไปแล้ว!

“พี่เยี่ย พี่หน้าตาเหมือนเสี่ยวมี่เชียนมากเหลือเกิน ผมไม่ตั้งใจคิดว่าพี่เป็นเสี่ยวมี่เชียน รู้สึกเหมือนตัวเองจะเป็นเกย์แล้ว…”

ตงไจ๋เงียบ

เกย์… เป็นเกย์แล้ว?

เหมือนฉันรู้เรื่องผิดปกติเข้า!

ศิลปินของเขายังสามารถไร้จรรยาบรรณได้มากกว่านี้ไหม

กงซวี่ยังบ่นพึมพำอยู่ตรงนั้น “ยังดีที่เมื่อวานผมจูบถังซิงหั่วไปหน่อย ทำเอาผมขยะแขยงแทบไม่ไหว พิสูจน์ว่าผมยังแมนอยู่ แต่ว่า พี่เยี่ย พอผมเห็นพี่ก็ยังใจเต้นรัว! ไม่ได้เรื่องเลยสักนิด! ขอแค่พี่ให้ผมจูบพี่หน่อย ถ้ารังเกียจ ผมก็จะได้สบายใจ!”

เยี่ยหวันหวั่นเงียบ

จู่ๆ ก็รู้สึกสงสารถังซิงหั่วขึ้นมา…

กงซวี่ลองต่อรองดู “งั้น… ถ้าอย่างงั้นพี่เยี่ยถือว่าพี่ทำบุญ ให้ผมได้เจอหน้าเสี่ยวมี่เชียนสักครั้งนะ! เจอเสี่ยวมี่เชียนแล้ว ผมต้องไม่มีความรู้สึกที่ผิดแบบนี้แน่นอน!”

เยี่ยหวันหวั่นกำลังจะพูด เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมา “ผู้อำนวยการเยี่ย พี่ซวี่ ได้เวลาประชุมแล้วค่ะ”

เยี่ยหวันหวั่นพูด “รู้แล้ว จะไปเดี๋ยวนี้”

เยี่ยหวันหวั่นพูดจบ ก็มองไปทางกงซวี่ช้าๆ “อยากให้ฉันเห็นด้วยกับคำขอร้องนาย?”

สายตากงซวี่เป็นประกาย พยักหน้าติดต่อกัน

เยี่ยหวันหวั่นลุกขึ้น จัดแจงเสื้อผ้า เหลือบหางตามองเขา “ได้สิ ขอแค่สองขาของนายแข็งพอ”

ความหมายแฝงคือ ถ้าไม่กลัวโดนตัดขา…

กงซวี่สันหลังเย็นวาบขึ้นมาทันที น่องขาสั่น

ในห้องประชุม

ผู้บริหารระดับสูงของกวงเย่ามีเดียอยู่กันครบ

คนที่นั่งอยู่ตรงกลางคือผู้อำนวยการใหญ่หยางจิ้นหยวน ซ้ายมือสองคนคือเยี่ยหวันหวั่นและกงซวี่

หยางจิ้นหยวนสีหน้าเคร่งขรึม “แผนกประชาสัมพันธ์นี่ทำงานกันยังไง ถึงตอนนี้เรื่องยังไม่จบ ซ้ำกลับยิ่งบานปลายเข้าไปใหญ่!”

ผู้อำนวยการแผนกประชาสัมพันธ์สีหน้าโอดครวญ เหลือบมองกงซวี่ที่นั่งยกขาขึ้นมาเหมือนคุณชายใหญ่อยู่ตรงนั้น “ผู้อำนวยการหยาง พวกเราควบคุมแล้ว ลบโพสต์คุมสถานการณ์ เรื่องที่ควรทำได้ทำไปหมดแล้ว แต่ว่า… แต่ว่าเมื่อคืนกงซวี่เขาด่าตอบโต้กับชาวเน็ตในเวยป๋อไม่หยุด… คือว่า… คุมไม่อยู่แล้วจริงๆ…”

ไม่กลัวว่าฝ่ายตรงข้ามจะแกร่งแค่ไหน แต่กลัวว่าคนฝั่งตัวเองจะโง่ก่อเรื่อง

ฝั่งพวกเขาลำบากลำบนไม่ง่ายเลยกว่าจะควบคุมได้ กงซวี่แค่โพสต์คอมเม้นเดียวทำให้กระแสกลับมาร้อนแรงและสร้างสงครามด่าทอขึ้นมาอีกในพริบตา พวกเขาจะเป็นบ้าอยู่แล้วเนี่ย

………………………………………………………………

บทที่ 684 ใจกล้ามากนะ

เจอเรื่องแบบนี้ คนก่อเรื่องคนไหนเขาก็อยู่นิ่งๆ ไม่กล้าพูดอะไรสักคำทั้งนั้น ต่างเชื่อฟังให้บริษัทจัดการ

แต่กงซวี่กลับเปิดชื่อบัญชื่อด่าตอบทุกสารพัดคอมเม้นต์ในเวยป๋อ  อีกทั้งเขายังปากร้าย ไม่รู้ว่าสามารถดึงดูดคนโจมตีมากมายมาจากไหน

ทุกครั้งที่กงซวี่มีเรื่อง อารมณ์ของทั้งแผนกประชาสัมพันธ์นั้นรุนแรงพ่อแม่เสียอีก

หยางจิ้นหยวนย่อมรู้สาเหตุอยู่แล้ว แต่เขาทำอะไรกงซวี่ไม่ได้ ทำได้แค่ตบโต๊ะแล้วด่า “ตอนนี้ที่ฉันต้องการใช่ข้อแค่ตัวและเหตุผล แต่เป็นวิธีการจัดการปัญหา!”

ผู้อำนวยการแผนกประชาสัมพันธ์พูดเสียงสั่นด้วยความกลัว “ตอนนี้… วิธีเดียวที่สามารถลดผลกระทบได้คือกงซวี่ออกมาขอโทษ จากนั้นรอให้เรื่องค่อยๆ สงบลง…”

กงซวี่ได้ยิน ก็เลิกคิ้วขึ้นมาทันที วางเท้าที่พาดลง ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน เดินไปทางผู้อำนวยการแผนกประชาสัมพันธ์ที่อยู่ข้างๆ “โอ้โห ผู้อำนวยการฟาง ใจกล้ามากนะ เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไร ให้คุณชายทำอะไรนะ พูดอีกรอบสิ หืม?”

ผู้อำนวยการแผนกประชาสัมพันธ์คร่ำครวญขึ้นมาทันที “ผู้ๆๆ… ผู้อำนวยการเยี่ย…”

ช่วยด้วย!!!

หางตาเยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองไปทางกงซวี่เป็นการเตือน

ผู้อำนวยการแผนกประชาสัมพันธ์ค่อยถอนหายใจยาวออกมา ปาดเหงื่อไม่หยุด เรื่องนี้ทำอะไรไม่ได้แล้วจริงๆ…

หยางจิ้นหยวนมองไปทางเยี่ยหวันหวั่นที่เงียบมาตลอด “ผู้อำนวยการเยี่ย คุณเป็นผู้จัดการของกงซวี่ คุณมีความเห็นว่ายังไง”

เยี่ยหวันหวั่นสีหน้าเรียบเฉย พูดสีหน้านิ่ง “ความเห็นของฉัน ก่อนหน้านี้เคยบอกกับผู้อำนวยหยางไปแล้ว ฉันคิดว่าเรื่องนี้กงซวี่ไม่ผิด”

อารมณ์ของกงซวี่ที่เดิมทีโมโหถึงขีดสุด พอได้ยินประโยคนี้ ก็ผ่อนคลายลงไม่น้อย

ทั้งบริษัทมีพี่เยี่ยคนเดียวที่เข้าใจจริงด้วย คนอื่นนั้นโง่กันหมด!

เห็นท่าทีนี้ของเยี่ยหวันหวั่น หยางจิ้นหยวนขมวดคิ้วทันที เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจ

แต่ว่า เขาก็สามารถเข้าใจได้กับท่าทีของเยี่ยหวันหวั่น

ด้วยนิสัยของกงซวี่ เยี่ยไป๋ทำได้แค่โอนอ่อนผ่อนตามเขาไป

ไม่รู้ว่าหยางจิ้นหยวนคิดอะไร มองไปทางกงซวี่ด้วยสีหน้าจริงจังแล้วพูดขึ้นมา “กงซวี่ เรื่องนี้มีผลกระทบร้ายแรงมาก แม้แต่ฝั่งกระทรวงวัฒนธรรมก็มีการเคลื่อนไหวแล้ว โทรไปหาสำนักงานใหญ่ ท่านประธานฉู่บอกแล้วว่าทางบริษัทเราจะต้องให้คำอธิบาย ถ้านายยังดื้อไมให้ความร่วมมือ บรัทจำเป็นต้องตัดสินใจแล้ว”

ดวงตาสองข้างองกงซวี่หรี่ลงทันที “ขู่ผมเหรอ”

หยางจิ้นหยวนพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “กงซวี่ นี่ไม่ใช่การขู่แต่เป็นเรื่องจริง สามวันหลังจากนี้ บริษัทจะเรียกนักข่าวมางานแถลง ถ้าถึงตอนนั้นแล้วนายไม่ออกหน้ามาขอโทษ ก็เสียใจด้วย บริษัทจำเป็นต้องหยุดพักทุกงานของนายชั่วคราว”

กงซวี่ได้ยิน  สายตาเป็นประกายเล็กน้อย ท่าทีหยางจิ้นหยวนไม่ถูกต้อง

ใครให้ความกล้าเขามา จู่ๆ เขาถึงกล้าเสียงแข็งพูดกับตัวเองแบบนี้

ถึงขั้นแอบขู่ว่าจะหยุดงานเขาด้วย…

นอกเสียจากว่า ‘คนหนุนหลัง’ ของเขาเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา…

กงซวี่กำลังครุ่นคิดอยู่ เวลานี้ มือถือเขาดังขึ้นมา เป็นสายของที่บ้าน

พอเห็นคนที่โทรมา กงซวี่รู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาในทันที

“ฮัลโหล มีอะไร”

“เด็กไร้มารยาท กลับมาหาพ่อเดี๋ยวนี้เลย!” มือถืออีกฝากมีเสียงโกรธของพ่อดังขึ้นมา พูดจบก็วางสายดัง ‘ปัง’ ลง

กงซวี่กร่นด่า พ่อเข้ามายุ่งจริงด้วย…

เสียงแสบแก้วหูดังขึ้นมา กงซวี่ลากเก้าอี้ด้านหลังออกอย่างแรง ลุกขึ้นยืน “ตามใจคุณ อยากแถลงก็ตามสบาย!”

………………………………………………………………