บทที่ 1099 ผู้ลอบโจมตีที่น่าสังเวช

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

หลังจากพกไข่แมงมุมติดตัว พวกหลิงม่อเคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้นตามคาด

แมงมุมเหล่านั้นเมื่อสัมผัสรู้ถึงการมาของพวกเขา ต่างรีบมุดเข้าไปในใยแมงมุมทันทีโดยไม่หันมามองด้วยซ้ำ พอเห็นอย่างนั้น หลิงม่อก็เริ่มสงสัยเกี่ยวกับ “สถานที่ต้องห้าม” เหล่านั้นขึ้นมาทันที

“หากพิจารณาจากเรื่องที่เราต้องอยู่ที่นี่ไปอีกสักพัก และในอีกไม่กี่วันก็จะมีคนของพวกเรามารับอาหารกลับไป…ฉันว่า พวกเราไปสำรวจรังของแมงมุมตัวนั้นกันหน่อยดีกว่า อย่างเช่น ห้องผลิตของมัน…” หลิงม่อสังเกตสีหน้าของทุกคน พลางเสนอ

นอกจากมู่เฉินที่สีหน้าเปลี่ยนไปทันที คนที่เหลือหลังจากมองตากันเงียบๆ ต่างก็แสดงท่าทีว่าเห็นด้วย

“ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว…ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ไปเยี่ยมบ้านเก่ามันซักหน่อยนี่…” เย่ไคพูดสีหน้าขึ้งเคียด

มู่เฉินเตือนด้วยสีหน้าหนักอึ้ง “ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ สิ่งที่เราจะได้จากรังของมันคงมีแค่ไข่แมงมุมเท่านั้น…”

ทว่าไม่รอให้เขาพูดจบ สมาชิกทีมต่างออกเดินทางแล้ว

ความจริงแล้วโกดังแห่งนี้ถูกขุดดินจนกลวงโบ๋ไปแล้ว แม้ว่าตัวอาคารหลักจะยังมีการก่อสร้างรูปแบบเดิมอยู่ แต่บางส่วนกลับถูกตั้งไว้ใต้พื้นดิน หลังออกจากห้องของหญิงสาวคนนั้นมาได้ไม่นาน หลิงม่อก็เจอปากถ้ำขนาดใหญ่น่าสงสัยเข้า เฮยซือเดินโซเซเข้าไป ผ่านไปไม่นาน ก็ชะโงกหน้าออกมาบอกว่า “ที่นี่ทะลุผ่านได้!”

ทุกคนพลันเงียบกริบไปชั่วขณะ ใครบ้างจะรู้ว่ามนุษย์แมงมุมพวกนั้นซ่อนอะไรไว้ใต้ดินบ้าง…แต่โชคดีที่แมงมุมไม่กัดพวกเขา เลยไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวแม้อยู่ในความมืด…อีกทั้งเมื่อพวกเย่เลี่ยนมุดเข้าไปทีละคนๆ คนที่เหลือจึงเลิกสองจิตสองใจ มีเพียงมู่เฉินที่ยังพึมพำอยู่ข้างหลังคนเดียว “พวกนายให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะ มีซอมบี้กำลังหมายหัวพวกเราอยู่ไม่ใช่หรอ? ไม่แน่ว่าการเข้าไปในนี้อาจเป็นการเดินเข้าไปในปากของซอมบี้ตัวนั้นก็ได้นะ…”

“ผู้หญิงคนนั้นบอกแล้วนี่ ซอมบี้นั่นจะต้องมีแผนร้ายแน่ๆ ดังนั้นพวกเราไม่สามารถรอถูกเล่นงานอยู่เฉยๆ ได้ ต้องเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีก่อนถึงจะได้ อีกอย่าง ถ้าหากซอมบี้ตัวนั้นปรากฏตัว พวกฉันต้องรู้แน่นอน” เสียงพูดของสวี่ซูหานดังมาจากข้างหน้า

“ถูกต้อง ฉันไม่รู้ว่ามันต้องการอะไร แต่ถ้าหากรู้ว่ามันซ่อนอะไรไว้ที่นี่ก็จะเป็นประโยชน์กับพวกเรามาก” หลิงม่อเองก็พูดสำทับด้วย เขาใช้หนวดสัมผัสเกี่ยวไฟฉายลอยเหนือหัว เมื่อเขาเคลื่อนไหว รัศมีที่แสงไฟส่องปกคลุมก็เคลื่อนไหวไปข้างหน้าช้าๆ

“ทุกคนดูสิ ช่องทางเดินเส้นนี้มองแวบแรกก็รู้แล้วว่าถูกใช้งานบ่อย ผนังสองด้านเรียบเนียนมาก บนพื้นก็ไม่มีฝุ่นละอองด้วย อีกอย่างถ้าดูจากความสูง จะต้องถูกสร้างขึ้นเพื่อให้แมงมุมยักษ์ตัวนั้นใช้โดยเฉพาะแน่นอน มนุษย์ปกติที่ไหนจะสูงขนาดนี้…” ซย่าน่ากวาดสำรวจซ้ายขวาอยู่ข้างหน้า ขณะเดียวกันปากก็รายงานผลการสำรวจไปด้วย

“เรื่องที่มันชอบมุดรูพวกเรารู้แล้ว” หลิงม่อบอก

“ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้…” เสียงของซย่าน่าพลันเปลี่ยนเป็นมีลับลมคมใน “ถ้าหากช่องทางเดินเหล่านี้มีไว้เพียงเพื่ออำนวยความสะดวกให้พวกมันในการมุดไปยังจุดอื่นของโกดัง งั้นช่องทางเดินที่ไม่รู้ว่าปลายทางจะไปโผล่ที่ไหนอย่างนี้ จะมีไว้เพื่ออะไรล่ะ?”

เมื่อเปลวไฟสว่างวาบขึ้น พวกหลิงม่อเห็นทางแยกเส้นใหม่ทันที…เป็นอย่างที่ซย่าน่าพูดจริงๆ ช่องทางเดินเส้นนี้ มองแค่แวบแรกก็รู้แล้วว่ามีปัญหา…

เพราะว่าช่องทางเดินอื่นๆ เพื่อเชื่อมต่อกับโกดังแล้ว ล้วนทำมุมทแยงเฉียงไปทิศบน แต่ช่องทางเดินเส้นนี้ กลับขุดลงไปข้างล่าง…

เป็นช่องทางเดินที่ผิดแปลกไปจากพวก และมีอัตราการใช้งานที่บ่อยมาก…

“ลงไปดูกันเถอะ” หลิงม่อตัดสินใจทันที

“เฮ้ยๆ ฉันว่าสถานที่ที่ดูก็รู้แล้วว่าอันตรายอย่างนี้พวกนายควรคิดให้ดีก่อนนะ…” แม้ว่าปากจะบ่น แต่พอเห็นทุกคนล้วนเดินเข้าไป มู่เฉินก็รีบหดคอ พลันกวาดตามองรอบข้างอย่างหวาดระแวง จากนั้นก็รีบเดินตามหลังไปติดๆ

เพียงแต่ก่อนจะเดินเข้าไป อยู่ๆ มู่เฉินพลันเกิดความรู้สึกบางอย่าง

ท่ามกลางความมืด ราวกับมีบางสิ่งเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง แต่ขณะที่สะท้านวาบในใจ และหันไปเพ่งมองอย่างละเอียด กลับไม่พบอะไรอยู่ตรงนั้น…

“แมงมุมหรอ?” มู่เฉินขมวดคิ้วครุ่นคิด

ช่องทางเดินที่ทอดลงข้างล่างทุลักทุเลตามคาด และยิ่งเดินลงไป ความลาดชัดก็ยิ่งเพิ่มระดับมากขึ้นเรื่อยๆ พอตระหนักได้ว่าหลุมแห่งนี้ถูกขุดโดยแมงมุมตัวหนึ่ง ทุกคนจึงไม่มีใครปริปากบ่น เพียงพยายามรักษาสมดุล และไถลลงไปข่างล่างให้เร็วที่สุด

พวกเย่เลี่ยนนั้นกลับไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย ซึ่งนั่นทำให้ระยะห่างระหว่างพวกเธอและพวกหลิงม่อเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ…

หลิงม่อตัดสินใจสลับมุมมองสายตาไป ขณะเดียวกับที่มองเห็นภาพราวกับกำลังสำรวจรอบด้านอย่างผ่อนคลายผ่านม่านตาสีแดง เขายังสามารถ “ก้มหน้า” มองคอเสื้อตัวเองเป็นพักๆ อีกทั้งบางครั้งก็พบสายตาจดจ้องไปที่คอเสื้อของคนอื่นด้วย…

“ทำไมฉันรู้สึกว่าซย่าน่าแอบมองเด็กโง่กับรุ่นพี่บ่อยกว่าฉันอีกล่ะ…เดี๋ยวก่อน นี่แม้แต่ยัยโง่อวี๋ซือหรานเธอก็ไม่เว้นเลยหรอ? ถึงแม้ว่ายัยโง่นั่นจะวิวัฒนาการจนมีหน้าอกที่ไม่สมวัย แต่เธอคิดจะทำอะไรกันแน่ถึงได้เอาแต่แอบมองอย่างบ้าคลั่งแบบนี้…”

หลิงม่อบ่นอุบขณะที่สลับมุมมองสายตาไปที่ซย่าน่า จากนั้นจึงตัดสินใจสับเปลี่ยนไปที่รุ่นพี่แทน แต่คราวนี้ เขากลับต้องอึ้งงันไปอีกครั้ง…

“เอ๋? ทำไมรุ่นพี่ถึงเอาแต่หันหลังบ่อยๆ ล่ะ…ไม่สิ ทำไมพี่ถึงได้มองไปข้างหลังเลยอย่างนี้ล่ะ? พี่เดินข้างหน้าเพื่อจะสำรวจเส้นทางไม่ใช่หรือไง! อีกอย่างมองอะไรอยู่กันแน่เนี่ย! นี่มัน…กางเกงสีดำ…เข็มขัด…ซิป…เชี่ย! นี่รุ่นพี่กำลังแอบมองฉันอยู่นี่นา! ทำไมต้องมาแอบมองตัวเองผ่านตารุ่นพี่ด้วยเนี่ย!”

“ให้ตายเถอะ แต่ละคน…ใช่แล้ว สับเปลี่ยนไปที่เด็กโง่แล้วกัน! เฮยซือเตี้ยเกินไป ส่วนยัยโง่ตัวนั้นก็เอาแต่ดึงคอเสื้อขึ้นเหมือนรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังถูกแอบมอง…เลือกเด็กโง่ดีที่สุดแล้ว…”

แต่มุมมองสายตาของหลิงม่อเพิ่งจะสับเปลี่ยนไปที่เย่เลี่ยน หัวใจของเขาพลันหยุดเต้นไปชั่วขณะ

ใบหน้าแห้งเหี่ยวใบหนึ่ง พลันปรากฏในความมืด!

หลังผ่านไปศูนย์จุดหนึ่งวินาที หลิงม่อถึงค่อยตั้งสติได้ และตอนนี้เขาก็ตระหนักได้แล้ว ว่านั่นไม่ใช่หน้าอะไร แต่เป็นคน…คนเป็น!

ตอนแรกมันอยู่เหนือศีรษะ แต่เมื่อพวกเย่เลี่ยนเข้าใกล้ มันกลับทิ้งตัวลงมาตรงหน้าเย่เลี่ยน และเผชิญหน้ากับเธอโดยตรง

คนผู้นี้นอกจากผิวหนังแห้งเหี่ยว ยังมีดวงตาที่ปูดโปนมาก จุดที่ผิวหนังซีดขาว มีขนสีดำแข็งๆ งอกขึ้นมาหนึ่งชั้น ฟันของมันยาวเฟื้อย เห็นชัดว่ามีร่องรอยของความเสียหาย บวกกับคราบดินในเล็บ จึงจินตนาการได้ไม่ยากว่าก่อนหน้านี้มันเกาะยึดอยู่เหนือศีรษะได้อย่างไร นอกจากนี้ สายตามันยังฉายแววดุดัน และเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหด

แต่ดูจากสีของดวงตา มันยังกลายพันธุ์ไม่เสร็จสมบูรณ์ อีกทั้งดูจากสภาพแวดล้อมที่อยู่ มันยังถูกจำกัดอิสระในการเคลื่อนไหวอีกด้วย…อย่างเช่นเมื่อกี้ มันไม่ได้ตกลงมาเพราะโซ่หย่อน แต่กระโดดลงมาเองเพราะหมายจะลอบโจมตีต่างหาก…

ถ้าหากว่าอีกฝ่ายเป็นมนุษย์สาวน้อยทั่วไป ตอนที่มันกระโดดลงมาอย่างฉับพลัน เดาว่าอีกฝ่ายคงตั้งตัวไม่ทันแน่นอน ถึงแม้จะตั้งสติได้ ยังไงก็ต้องมีชะงักกันบ้าง แต่น่าเสียดาย ที่สิ่งที่มันกำลังเผชิญหน้าอยู่ตอนนี้กลับเป็นซอมบี้…

วินาทีที่มันปรากฏตัว เย่เลี่ยนก็มองพิจารณามันด้วยความสงสัยอย่างรวดเร็ว และในเสี้ยววินาทีที่มันอ้าปากกว้าง ซอมบี้สาวตัวนี้ก็ยื่นมือออกไปอย่างผ่อนคลายด้วยความเร็วดั่งสายฟ้าฟาด…

“อึกๆๆๆ…”

ปากของ “คน” ผู้นี้ที่เมื่อกี้อ้าออกหมายจะกัดโจมตี เวลานี้กลับอ้าออกจนสุด สองเท้าของมันดีดดิ้นกลางอากาศ สองมือไขว่คว้ากลางอากาศ ส่งผลให้สายโซ่เหล็กที่พันธนาการมันไว้สั่นอย่างต่อเนื่อง แต่ตั้งแต่วินาทีที่เย่เลี่ยนคว้าตัวมันได้ เรี่ยวแรงของมันก็ลดลงอย่างรวดเร็ว และมีแต่จะลดลงเรื่อยๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะหลุดพ้นจากมือเย่เลี่ยนไปได้…

ความจริงแล้ว ขอเพียงเย่เลี่ยนออกแรงนิดเดียว คอของ “คน” ผู้นี้ก็จะถูกบีบจนแหลกละเอียดคามือทันที…

ทางด้านเย่เลี่ยน เธอคว้าคอของอีกฝ่าย พลางหันมาพูดด้วยใบหน้าใสซื่อว่า “พี่หลิง…ดูสิฉันจับอะไรได้…”

“ฉันเห็นแล้ว…” หลิงม่อยกมือขึ้นกุมหน้าผากเงียบๆ…

เธอเพิ่งจับผู้โชคร้ายที่เพิ่งจะโผล่หน้าลอบโจมตี ก็ถูกจัดการในพริบตาได้ไงล่ะ…

“นั่นอะไรน่ะ?”

พอพวกหลิงม่อเข้าไปล้อมวง เย่เลี่ยนก็โยนร่างนั้นลงพื้นแล้ว ส่วนพวกซย่าน่าก็รีบสังเกตการณ์มันทันที

“คน? ซอมบี้? หรือว่ามนุษย์แมงมุม? อสุรกายนรก?” หลี่ย่าหลินพ่นชื่อสี่ชื่อออกมาในอึดใจเดียว จากนั้นก็หันไปมองหลิงม่ออย่างคาดหวัง

หลิงม่อยื่นมือไปลูบหัวเธอเบาๆ จากนั้นก็นั่งยองๆ ลงไปสำรวจดูอยู่นานสองนาน บอกว่า “ไม่น่าจะใช่ซักอย่าง ความจริงแล้ว เราเคยเห็นอะไรที่คล้ายแบบนี้มาแล้ว…”