ตอนที่ 1854 อย่าให้พวกเขาได้ไปแม้แต่ตำลึงเดียว (11) / ตอนที่ 1855 อย่าให้พวกเขาได้ไปแม้แต่ตำลึงเดียว (12)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 1854 อย่าให้พวกเขาได้ไปแม้แต่ตำลึงเดียว (11)

เขาเปลี่ยนแปลงไปมากในปีที่ผ่านมา ไม่ว่าในอดีตแม่ทัพหลี่จะเป็นอย่างไร นิสัยของเขาในตอนนี้ก็น่าละอายมาก

สีหน้าของแม่ทัพหลี่เปลี่ยนจากขาวเป็นเขียว เขียวเป็นขาว สลับไปมา สุดท้ายสายตาของเขาก็ยิ่งดุร้ายมากขึ้น

“ฉีซู เจ้าตั้งใจจะต่อต้านราชวงศ์งั้นหรือ”

ฉีซูพูดอย่างเย็นชา “ข้าไม่ได้ต่อต้านราชวงศ์ ข้าแค่มีปัญหากับพระสนมฉิน ข้าไม่ต้องเดาก็รู้ว่าพระสนมฉินเป็นคนส่งท่านมาที่นี่ ทั่วทั้งพระราชวังเห็นจะมีนางคนเดียวที่ทำเรื่องแบบนี้!”

“เจ้าพล่ามอะไรไร้สาระ!”

แม่ทัพหลี่เปลี่ยนสีหน้า ความรู้สึกผิดปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา “ฉีซู เจ้ามันคนเนรคุณ! พระสนมฉินเป็นคนอบอุ่นมีคุณธรรม นางจะทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร ข้ารับคำสั่งมาจากองค์หญิงสี่ต่างหาก นางส่งข้ามาปิดร้านโอสถแห่งนี้!”

ใช่แล้ว! นี่ก็เป็นคำสั่งของพระสนมฉินเหมือนกัน

นางไม่ใช่แค่อยากได้แค่ตำรับน้ำยาผสานฌาน แต่นางยังอยากให้มู่เสวี่ยซินเสียชื่อเสียงด้วย และทำให้ทุกคนคิดว่าองค์หญิงสี่เป็นคนไร้เหตุผล น่าเสียดาย นางน่าจะส่งผู้ที่ตามที่ดีกว่าแม่ทัพไร้สมองมา

“ถ้าเจ้ารับคำสั่งมาจากองค์หญิงสี่จริง เหตุใดเจ้าถึงใช้น้ำเสียงแบบนั้นเปิดโปงนางล่ะ กลับกันเจ้าพูดแก้ตัวให้พระสนมฉินไม่ใช่หรือ” ดวงตาของฉีซูเป็นประกายเย็นชา “ฟังจากคำพูดเจ้า ข้ารู้แล้วว่าเจ้าเป็นคนของใคร! แต่ว่าถ้าเจ้าอยากจะสรรเสริญพระสนมฉินก็ไม่เป็นไร แต่เจ้าอย่าได้มาใส่ร้ายองค์หญิงสี่”

ความจริงแล้วนอกจากชาวบ้านทั่วไปก็ยังมีขุนนางระดับสูงและชนชั้นสูงหลายคนที่มาซื้อน้ำยาผสานฌาน พวกเขาจะเป็นคนเบาปัญญาได้อย่างไร ถ้าแม่ทัพหลี่อยู่ภายใต้องค์หญิงสี่จริง เขาก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อปกป้องนาง ดังนั้นเจ้าจะมาเปิดโปงนางตรงๆ แบบนี้ไปทำไม กลับกันเขาไม่ใช่แค่สรรเสริญพระสนมฉินว่าเป็นคนอบอุ่นและมีศีลธรรม แต่ยังโกรธที่ฉีซูพูดถึงนางด้วย เพราะฉะนั้นก็เห็นได้ชัดว่าเขาทำงานให้ใครกันแน่!

ภายในอาณาจักรหลินเฟิง ความแข็งแกร่งของแม่ทัพหลี่ค่อนข้างดี แต่โชคร้ายที่เขาเป็นพวกไร้สมอง และทำเป็นแค่ใช้กำลังเท่านั้น ทีแรกพระสนมฉินคิดว่าเขามีความสามารถจึงส่งเขามาที่นี่เพราะเชื่อว่าการปิดร้านโอสถสักร้านเป็นเรื่องง่าย แต่ว่านางจะไปรู้ได้อย่างไรว่าแม่ทัพหลี่จะพูดอะไรแบบนี้

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุการณ์นี้เป็นการเปิดโปงตัวนางและทำให้ภาพลักษณ์ที่นางเพียรพยายามสร้างมาสั่นคลอน!

“ฮึ่ม!” แม่ทัพหลี่ส่งเสียงขึ้นจมูก “ฉีซู ไม่ว่าเจ้าจะพูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์! วันนี้ยังไงร้านโอสถก็ต้องปิด! ทหาร ลากทุกคนออกไป” ทันใดนั้นทหารที่ยืนอยู่ด้านหลังแม่ทัพหลี่ก็ชักกระบี่ออกมาเตรียมตัวโจมตีฉีซู

แต่ตอนนั้นเอง ฉีซูก็ยกมือขึ้นช้าๆ ก่อนจะดึงมือลง ทุกคนสับสนเล็กน้อยและไม่เข้าใจว่าเขากำลังทำอะไร แต่ว่าวินาทีต่อมา ทุกคนก็เข้าใจความหมายของสัญญาณมือของเขา

ผู้จัดการจ้าวเปิดกรงแล้วหุ่นเชิดที่อยู่ด้านในก็เดินออกมาทันที พวกเขาคล้ายกับภูผามหึมาที่ร่วงลงมาถึงพื้นจนทำให้เกิดการสั่นสะเทือนไปทั่ว

พวกเขาปลดปล่อยความแข็งแกร่งอันทรงพลังออกมาโดยไม่เก็บงำไว้ ขณะที่ส่งสายตาไร้ความรู้สึกไปให้แขกไม่ได้รับเชิญ

“นี่…”

ผู้ฝึกฌานขั้นเซียนงั้นหรือ แม่ทัพหลี่หน้าซีดด้วยความตะลึง ฉีซูมียอดฝีมือขั้นเซียนอยู่ข้างตัวด้วยหรือนี่

ถึงแม้ว่าเขาเองก็เป็นผู้ฝึกฌานขั้นเซียนเหมือนกันแต่ว่าตอนนี้เขาไม่ได้เผชิญหน้ากับผู้ฝึกฌานขั้นเซียนเพียงคนเดียว!

เมื่อนึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของฉีซู เขาก็กัดฟันแล้วถามว่า “ฉีซู พวกนี้คือหุ่นเชิดใช่หรือไม่”

ฉีซูยิ้มเยาะ “ไม่ใช่ว่าเจ้าบอกว่านายท่านของข้าขโมยวิธีผลิตหุ่นเชิดมาจากพระราชวังหรอกหรือ ถ้าอย่างนั้นเหตุใดเจ้าถึงถามว่าพวกเขาเป็นหุ่นเชิดหรือเปล่าล่ะ”

…………………………

ตอนที่ 1855 อย่าให้พวกเขาได้ไปแม้แต่ตำลึงเดียว (12)

แม่ทัพหลี่ไม่รู้ว่าร้านโอสถผสานฌานขายหุ่นเชิดด้วย และพระสนมฉินก็ไม่ได้บอกเขาเรื่องนี้ ดังนั้นก่อนหน้านี้เขาจึงแค่ตามน้ำไปกับฉีซู เมื่อแม่ทัพหลี่คิดถึงเรื่องนี้ เขาก็เชิดหน้าขึ้น ใบหน้าหยิ่งยโสของเขาปรากฏร่องรอยความมั่นใจว่าตัวเองจะชนะ

“ใช่แล้ว หุ่นเชิดพวกนี้ก็เป็นของพระราชวังเหมือนกัน ข้าแค่จะนำพวกมันกลับไปคืนเจ้าของ! ฉีซู เจ้าควรจะทำตัวฉลาดๆ แล้วมอบร้านโอสถผสานฌานมาซะ ไม่อย่างนั้นเจ้าจะต้องพบจุดจบที่ทุกข์ทรมานแน่!”

“ถ้าอย่างนั้นข้าก็อยากจะเห็นว่าตัวเองจะมีจุดจบอย่างไร” ฉีซูเคยเจอพวกหน้าไม่อายมาก่อนแล้ว แต่เขาก็ยังไม่เคยเจอคนหน้าไม่อายขนาดนี้มาก่อน เขาไม่แปลกใจเลยที่แม่ทัพหลี่ในตอนนี้จะกลายเป็นพวกหมาในแบบเดียวกับพระสนมฉิน

“สามหาว!” แม่ทัพหลี่ตะโกนเสียงดังแล้วหุ่นเชิดทั้งสามก็ขยับ สายตาเย็นเยียบของพวกเขาจับจ้องไปยังแม่ทัพหลี่อย่างเย็นชาด้วยสีหน้าที่ไม่ต่างอะไรกับคนไร้ชีวิต

แม่ทัพหลี่หน้าเปลี่ยนสีไปทันที เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่หุ่นเชิดปล่อยออกมา เขาก็สูดหายใจเฮือกอย่างแรง

“ฉีซู เจ้าจะต้องชดใช้สิ่งที่เจ้าทำวันนี้!” พูดจบเขาก็โบกมือแล้วพูดอย่างเคร่งเครียดว่า “พวกเรากลับ”

คนฉลาดต้องรู้จักยอมถอย! ด้วยอำนาจของราชวงศ์ พวกเขาจะจัดการกับฉีซูไม่ได้ได้อย่างไร สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือการกลับไปรายงานพระสนมฉินที่พระราชวัง! …

ในพระราชวังที่หรูหราแปลกตา มีสตรีงดงามผู้หนึ่งกำลังเอนหลังพิงเก้าอี้ยาวอย่างเกียจคร้านโดยมีนางกำนัลสองคนคอยพัดให้นางอยู่ด้านหนึ่ง นางมีแม้กระทั่งคนถือถ้วยชาเพื่อรอนางดื่มอยู่เงียบๆ

สตรีงดงามผู้นี้แลดูสูงส่งมาก นางมีผิวพรรณเต่งตึงและคิ้วที่โค้งดุจจันทร์เสี้ยว ยามใดที่นางเหลือบมองจะเกิดบรรยากาศอ่อนหวาน ทว่านัยน์ตายั่วยวนของนางเต็มไปด้วยเจตนาชั่วร้าย

“เสด็จแม่” ทันใดนั้นก็มีเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ อายุราวเจ็ดแปดขวบวิ่งกระโดดโหยงเหยงเข้ามา เขากระโจนเข้าสู่อ้อมกอดของสตรีงดงามแล้วเงยหน้าถาม “เสด็จแม่ ทำไมเสด็จพ่อยังไม่สิ้นพระชนม์อีก”

ถ้าขุนนางทั้งหลายในราชสำนักได้ยินคำพูดของเขาจะต้องเกิดความวุ่นวายมากแน่นอน แต่ว่าทุกคนที่อยู่ในตำหนักนี้เป็นคนที่นางเชื่อใจดังนั้นพวกเขาไม่จำเป็นต้องแอบซ่อนที่จะพูดอะไรออกมา

สตรีงดงามก้มหน้าแล้วลูบศีรษะเขาอย่างอ่อนโยน ในขณะที่ท่าทางชั่วร้ายแปรเปลี่ยนเป็นความอ่อนโยน

“แพทย์ประเมินแล้วว่าเสด็จพ่อของลูกอยู่ได้อีกไม่กี่เดือน อย่าบอกแม่นะว่าลูกรอขนาดนั้นไม่ไหว”

องค์ชายน้อยทำปากยื่นด้วยท่าทางหยิ่งยโสและดื้อดึง “ถ้าเสด็จพ่อสิ้นพระชนม์ อาณาจักรหลิวเฟิงแห่งนี้ก็จะกลายเป็นของข้า เมื่อถึงตอนนั้นข้าก็จะทรมานนังสารเลวมู่เสวี่ยซินอย่างทารุณ! ใครใช้ให้นางขโมยความรักของเสด็จพ่อไปจากข้าล่ะ”

มารดาเป็นอย่างไร บุตรก็เป็นอย่างนั้น! บุตรจะดีได้สักแค่ไหนกันเชียวเมื่อเขามีมารดาที่ไร้คุณธรรมแบบนี้

ถึงแม้ว่าองค์ชายน้อยจะยังเด็กแต่เขาก็มีพระสนมฉินสั่งสอนจนเกลียดมู่เสวี่ยซินเข้ากระดูกดำ เขาเกลียดนางมากเสียจนลามไปเกลียดบิดาของตัวเองด้วย!

“เจ้าอยากให้เสด็จพ่อสิ้นพระชนม์จริงหรือ”

“แน่นอน!” องค์ชายน้อยเชิดหน้าสูงและยืดอก “ข้าเป็นบุตรชายคนเดียวของเสด็จพ่อ แต่เขากลับไม่แสดงความรักต่อข้าแม้แต่นิดเดียว เขาสนใจแต่นังสารเลวมู่เสวี่ยซิน! ในฐานะบุตรชาย ข้าควรเป็นคนเดียวที่เขาเอาใจ เหตุใดเขาถึงแต่ไปเอาใจบุตรสาว ทุกคนรู้ดีว่าบุตรสาวก็เป็นแค่น้ำที่สาดออกไปแล้วก็ไม่มีค่าให้สนใจ เพราะถึงอย่างไรพวกนางก็ต้องแต่งออกไป”

พระสนมฉินส่งสายตาปลอบโยน “บุตรชายของข้าคิดถูกแล้ว เพียงแค่ลูกไม่สามารถพูดในที่สาธารณะได้เพราะมีขุนนางอยู่ข้างมู่เสวี่ยซินมากมาย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหายุ่งยาก ก็ยังมีหลายอย่างที่พวกเราควรเก็บเอาไว้ในใจ”