ตอนที่ 317 รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยคมมีด

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

ตอนที่ 317 รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยคมมีด
ตอนที่ 317 รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยคมมีด

“ในเมื่อนางชอบพอองค์ชายสาม เช่นนั้นแล้วก็ทำให้นางแต่งงานกับคนอื่นเสียก็หมดเรื่อง ท่านพ่อคิดว่าอย่างไร?” สวีซูกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ หากแต่แม่ทัพสวีก็เอ่ยขัดขึ้นมาว่า

“นางกับองค์ชายสามใกล้ชิดกันมาก ไม่รู้ว่ากับเขาไปถึงขั้นไหนกันแล้ว เจ้าคิดว่ายังจะมีคนที่อยากแต่งงานกับนางอยู่อีกอย่างงั้นหรือ?” แม่ทัพสวีก็ส่ายหัวพลางเอ่ยถามออกมา

“แน่นอนว่ามี” สวีซูพูดด้วยร้อยยิ้ม “ท่านเคยได้ยินข่าวลือของนายน้อยเย่ที่ต้องการแย่งชิงนางมาเป็นนางสนมของตนเองหรือไม่?”

“เจ้ากำลังหมายถึง…นายน้อยเย่เสี่ยวโหว?” หลังจากพูดจบแม่ทัพสวีก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ “ซูหวานหว่านเป็นคนอย่างไรกันแน่! เหตุใดนายน้อยเย่ถึงหมายตานางเข้า เช่นนั้นก็ถือว่าเป็นโชคดีของนางแล้ว งั้นข้าให้เจ้าเป็นคนจัดการเรื่องนี้ก็แล้วกัน”

“ตกลง” สวีซูพยักหน้าด้วยรอยยิ้มและรู้สึกว่าอาหารเช้าวันนี้รสชาติดีกว่าทุกวัน

หลังจากที่ฉีเฉิงประกาศคืนความบริสุทธิ์ให้แก่ตระกูลจ้าว บ้านตระกูลจ้าวก็ได้รับการปลดปล่อย นางส่งคนไปปัดกวาดเช็ดถูภายในเรือน โดยตอนนี้มีซูหวานหว่านเป็นเสาหลักในการดูแลทุกสิ่งภายในบ้านตระกูลจ้าว

แม่จ้าวยังคงไม่กลับมา ซูหวานหว่านเขียนจดหมายส่งข่าวคราวถึงแม่จ้าว โดยบอกให้นางรอคอยอยู่ที่นั่นอีกสักพัก แล้วค่อยกลับมายังเมืองหลวง

คนรับใช้ตระกูลจ้าวเริ่มกลับมาทำหน้าที่ของตนเอง ซูหวานหว่านสั่งให้คนรับใช้เหล่านั้นไปซื้อวัตถุดิบทำกับข้าวที่ตลาด เมื่อกลับมาถึงเขาก็ทำสีหน้าแตกตื่นพลางพึมพำว่า “คุณหนูมีข่าวลือเกี่ยวกับคุณหนูแพร่กระจายไปทั่วว่า คุณหนู…เป็นสตรีหน้าด้านไร้ยางอาย ขโมยผู้ชายของคุณหนูสวีไป! อีกทั้งยังทำให้องค์ชายสามลุ่มหลงในตัวท่าน!”

“ยังมีอะไรอีกหรือไม่?” ซูหวานหว่านถามด้วยท่าทีนิ่งเฉยไร้ความกังวล สาวใช้คนนั้นกล่าวต่อมาว่า “ข่าวลือยังพูดอีกว่า…”

“ข่าวลือเหล่านั้นล้วนเป็นเรื่องไม่จริง จากที่ข้าได้พบเจอและรู้มา คุณหนูจ้าวไม่ใช่แบบนั้น! แต่ถ้าจะให้ข้าน้อยพูดก็คือ ความจริงแล้วคุณหนูและองค์ชายสามต่างหากที่รักใคร่ชอบพอกัน และคนที่พยายามแย่งองค์ชายสามไปคือหนูสวีต่างหากล่ะเจ้าค่ะ”

ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้น น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความน่ารังเกียจอีกทั้งยังดูคุ้นเคยเป็นอย่างมาก เมื่อหญิงสาวตวัดสายตาไปมองก็พบชายหญิงคู่หนึ่งกำลังเดินเข้ามา ดูจากท่าทางของพวกดูเหมือนจะเป็นคุณชายเย่และคุณหนูเย่ซิงซินเหรอ!

เมื่อกล่าวถึงเย่ซิงซิน นางก็นึกถึงตอนไปยังจวนอัครเสนาบดี อีกฝ่ายลวงนางไปเพื่อปลิดชีวิต เหตุใดตอนนี้นางถึงออกตัวแทนตน การที่นางปรากฏตัวเช่นนี้นางต้องมาไม่ดีแน่ สายตาของซูหวานหว่านจับจ้องไปยังคนทั้งสอง “พวกท่านทั้งสองมาหาข้าถึงที่ประตูบ้าน ไม่ทราบว่าพวกท่านมีเรื่องอะไรอย่างงั้นหรือ?”

“ตระกูลจ้าวพ้นผิดแล้ว พวกเราก็แค่มาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีด้วยเท่านั้นเอง” เย่ซิงซินเอ่ยก่อนจะสั่งให้คนใช้ยกของที่นำมาวางลงบนโต๊ะ ซูหวานหว่านกวาดสายตาสำรวจของสิ่งนั้น ดูเหมือนว่าจะเป็นพระพุทธรูปหยก นอกจากนี้ยังมีบทสวด ‘วัชรปรัชญาปารมิตาสูตร’ [1] อีกทั้งยังมีเงินและทองบางส่วน ซูหวานหว่านกระตุกยิ้ม “ขอบคุณพวกเจ้าทั้งสองคนมาก”

“จะขอบคุณไปไยกัน! ในอนาคนพวกเรายังต้องพึงพาคุณหนูจ้าว” เมื่อพูดออกมาแบบนี้ เย่ซิงซินก็อยากจะตบหน้าตนเอง นางรู้ดีว่าถึงแม้ว่าตระกูลจ้าวจะกอบกู้ความชื่อเสียงของตระกูลตัวเองกลับคืนมาได้ แต่ฮ่องเต้ยังไม่ได้คืนกิจการค้าเกลือแก่ของตระกูล หากจะให้กันโดยไม่อ้อมค้อม ตระกูลจ้าวในตอนนี้มีเพียงชื่อเสียงหากแต่ไร้ซึ่งอำนาจ! แน่นอนว่าเงินของนางก็คงจะมีไม่เยอะ

ตระกูลจ้าวจะสามารถทำอะไรได้ หากนางไม่ถูกคุณหนูสวีเชิญมาในวันนี้ นางจะไม่มีวันก้าวเท้ามาเหยียบที่นี่!

เย่ซิงซินบ่นพึมพำอยู่ในใจ และนางก็แสร้งยิ้มออกมาอีกครั้ง “คุณหนูจ้าว บทสวดเล่มนี้ข้าได้มาจากวัดเล่อซุ่ย มันได้ถูกปลุกเสกเรียบร้อยแล้ว และถ้าเจ้าวางไว้ในห้องมันแล้วสวดก่อนนอนทุกคืน มันจะช่วยให้จิตใจของเจ้าสงบลง”

“ขอบคุณสำหรับน้ำใจของคุณหนูเย่ซิงซิน” ซูหวานหว่านมองไปบทสวดนั้นแล้วหยิบมันขึ้นมาอ่าน ทันใดนั้นจมูกของนางก็ได้กลิ่นแปลกประหลาด และมือของนางก็เปรอะไปด้วยผงสีขาว ซึ่งดูเหมือนจะเป็น…ยา!

เมื่อสังเกตเห็นถึงสายตาของเย่หลิงเฉินที่จ้องมายังร่างกายของนาง ซูหวานหว่านก็เหมือนจะรับรู้อะไรบางอย่าง และกล่าวว่า “ในเมือพวกเจ้าได้มาถึงที่นี่แล้ว พวกเจ้าก็เข้ามานั่งพักในห้องโถงก่อนเถิด กินอาหารเย็นสักมื้อแล้วค่อยกลับบ้าน”

“ได้กินข้าวที่นี่สักมื้อก็คงจะดี” เย่ซิงซินยิ้ม ก่อนจะหันหลังให้ซูหวานหว่านแล้วขยิบตาให้เย่ หลิงเฉินพร้อมกับกล่าวว่า “ท่านพี่ ระหว่างทางท่านบอกว่าหนาวไม่ใช่เหรอ? ท่านเข้าไปพักผ่อนในห้องโถงเถอะ ข้าจะได้พูดคุยกับท่านพี่หวานหว่านอย่างสะดวก”

“ก็ได้” เย่หลิงเฉินพยักหน้า และจับมือของซูหวานหว่านก่อนกล่าวว่า “ขอโทษด้วย”

ซูหวานหว่านพยักหน้า บทสวดในมือของซูหวานหว่านถูกพรากออกไปจากมือทันที เพราะเย่ซิงซินเป็นคนนำไป และทำท่าเหมือนจะเปิดอ่าน “ตายจริง บทสวดเล่มนี้เต็มไปด้วยฝุ่น น้องสาวคนนี้ต้องขออภัยจริง ๆ เดี๋ยวข้าจะสั่งให้คนใช้ทำความสะอาด แล้วนำมาให้ท่านใหม่นะเจ้าค่ะ”

หลังจากนั้น เย่ซิงซินก็เป่าฝุ่นบนบทสวดเล่มนั้นเบา ๆ แต่นางดูเหมือนจะจงใจเป่าใส่ใบหน้าของซูหวานหว่านเสียมากกว่า เมื่อสูดฝุ่นเข้าไปหญิงสาวก็สำลักและจามออกมา และหญิงสาวก็ยกมือขึ้นเช็ดใบหน้าของตนเอง เมื่อเห็นการกระทำของนาง เย่ซิงซินก็เผยรอยยิ้มออกมาในใจว่าแผนการของนางความสำเร็จแล้ว จากนั้นก็แสร้งแกล้งทำเป็นกังวลใจแล้ววางบทสวดลง “ท่านพี่หวานหว่าน ข้าจะต้องขอโทษจริง ๆ ข้าไม่ควรทำอย่างนั้นเลย มานั่งนี่ก่อนเถอะ”

“ดีเหมือนกัน” ซูหวานหว่านตอบรับ นางยื่นมือไปจับมือของเย่ซิงซิน แล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งของตนทำเป็นจับหน้าผากของตัวเองและกล่าวว่า “น้องซิงซิน ข้ารู้สึกปวดหัวอย่างบอกไม่ถูก เจ้าช่วยประคองข้าเข้าไปส่งในห้องหน่อยได้หรือไม่”

“ไม่มีปัญหา ท่านวางใจได้ น้องสาวคนนี้จะช่วยพาท่านกลับห้องเอง!” หลังจากนั้น เย่ซิงซินก็ประคองซูหวานหวาน และพานางไปส่งที่ห้องพักของเย่หลิงเฉิน

เย่หลิงเฉินที่นอนอยู่บนเตียงลุกขึ้นยืน และเดินไปช่วยประคองซูหวานหว่านเดินเข้ามาในห้องแล้วพูดว่า “ตอนที่เจ้าเดินมามีคนเห็นเจ้าหรือไม่?”

“ไม่มี ข้าได้สั่งให้คนรับใช้พวกไปทำอาหารให้กับซูหวานหว่านแล้ว” เมื่อพูดถึงซูหวานหว่าน เย่ซิงซินก็โยนซูหวานหว่านลงไปบนเตียงด้วยความโกรธแล้วพูดว่า “วันนี้โชคดีที่นางสลบไปเพราะยา รอยาออกฤทธิ์ท่านพี่ก็ทำให้เต็มที่ล่ะ”

“ข้ารู้แล้ว พี่คนนี้จะไม่ทำให้น้องอย่างเจ้าผิดหวังอย่างแน่นอน” พูดจบ เย่หลิงเฉินก็หยิบยาเม็ดสีดำออกมากิน แล้วพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “ข้าจะทำให้นางปรนนิบัติข้าจนส่งเสียงออกไปให้ทุกคนรับรู้! แล้วเจ้าก็คอยดูคุณหนูสวีซูและองค์ชายสามเอาไว้ ป่านนี้พวกเขานั้นคงลงระหว่างทางที่จะมาที่นี่ใช่ไหม?”

“พวกเขากำลังเดินทางแล้ว” เย่ซิงซินกล่าวออกมา เมื่อเห็นว่าเย่หลิงเฉินที่เพิ่งกินยาเข้าไปเริ่มถอดเสื้อผ้าของตนเองออก นางก็ขอตัวออกไปข้างนอกทันที แต่ซูหวานหว่านได้ยืดขาสกัดขาเย่ซิงชนจนสะดุดล้มลง ในตอนเย่ซิงซินลุกขึ้นก็ลอบใช้เข็มปักลงไปตามจุดสกัดของเย่ซิงซินจนทำให้นางไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

สองพี่จ้องมองซูหวานหว่านด้วยแววตางุนงง โดยเฉพาะเย่ซิงซินที่พูดออกมาว่า “ซูหวานหว่าน เหตุใดท่านถึงไม่เป็นอะไร! เจ้าไม่ได้ดมยานั้น…”

“ข้าดมเข้าไปแล้ว” แต่ว่าซูหวานหว่านมีลูกปัดจิตวิญญาณอยู่ ทำให้พิษสลายหายไปอย่างรวดเร็ว ซูหวานหว่านก้าวถอยหลังและกล่าวว่า “พวกเจ้าทั้งสองคนอยากที่จะสนุกกันแล้วหรือยัง”

“ท่านพี่! รีบจับตัวของนางเอาไว้!” เย่ซิงซินตื่นตระหนก เมื่อเห็นเสื้อผ้าของเย่หลิงเฉินถูกถอดออก และหอบหายใจอย่างหนัก นางรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย และอยากที่หนีออกไปแต่นางไม่สามารถร่างกายไปไหน

ซูหวานหว่านเดินออกไปที่ประตู และยืนมองไปที่ทั้งสองคนอย่างเย็นชาและพูดว่า “ถ้าข้าเดาไม่ผิด ยาที่คุณชายเย่กินเข้าไปเมื่อกี้มันเป็นยาเพิ่มกำหนัด? หลังจากกินเข้าไปมันจะเพิ่มพลังภายในอย่างมาก แต่ถ้าเจ้ายังไม่ได้หลับนอนกับสตรีภายในสิบห้านาที เจ้าอาจจะทรมานจนตายได้ หึ”

ซูหวานหว่านสร้างสรรพคุณของยาออกมาแบบมั่ว ๆ แต่ทั้งสองคนนั้นกลับเชื่อ! แม้แต่เย่หลิงเฉินที่เป็นคนซื้อยาก็เกิดอาการตื่นตระหนกขึ้นมา หอบหายใจอย่างหนักแล้วพูดว่า “ข้าอุตส่าห์ให้ให้เงินมากมายกับพวกมันเพื่อซื้อของดี ๆ มา แต่พวกมันกลับซื้ออะไรมาให้ข้ากัน! ซูหวานหว่านรีบไปเอาสาวใช้มาปรนเปรอข้าเดี๋ยวนี้!”

ปรนเปรอเขา? จะเป็นแบบไปได้อย่างไรกัน! ซูหวานหว่านก็มองไปที่เย่หลิงเฉินอย่างเย็นชา

[1] วัชรปรัชญาปารมิตาสูตร เป็นชื่อพระสูตรสำคัญหมวดปรัชญาปารมิตาของพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน