เจ้าสาว ผู้แสนเลอค่า ผู้น่าสงสาร ของ ท่านเทรมอนต์ บทที่ 363 คุณกำลังท้าทายขีดจำกัดของผม
มาร์คขมวดคิ้วเมื่อได้ยินแอรี่ใช้คำหยาบคายเหล่านั้นก่อนที่จะเดินเข้ามาหาและจับคางของเธอ เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มที่น่าฟังแต่ซ่อนความอันตราย “คุณกำลังท้าทายขีดจำกัดของผมนะ”
แอรี่กลัวมากจนน้ำตาไหลและร่างกายสั่นสะท้านดั่งใบไม้ “ค-คุณ… จะทำอะไร?”
เขาผลักเธอออกไปอย่างกะทันหัน “ผมไม่มีนิสัยชอบลงไม้ลงมือกับผู้หญิงหรอก แต่ถ้าคุณยังคงเพิกเฉยต่อไป ผมก็จะไม่รังเกียจที่จะปล่อยให้บอดี้การ์ดของผมทำมันแทน”
แอรี่ล้มลงกับพื้นที่ก้นของเธอ รองเท้าส้นสูงที่เธอตั้งใจเลือกมาสำหรับการนัดเจอของพวกเขากลายเป็นสิ่งที่สร้างความรำคาญในตอนนี้ เธอลุกขึ้นด้วยความยากลำบากและเดินกะเผลกออกไปเพียง เพื่อต้องหยุดเพราะบอดี้การ์ดที่จู่ ๆ ก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ ด้วยความตื่นตระหนกเธอไม่แม้แต่จะสามารถถ่มน้ำลายใส่เขาได้เหมือนที่เธอเคยทำก่อนหน้านี้ ในที่สุด เธอก็รู้แล้วว่าความอ่อนโยนของมาร์คเป็นเพียงส่วนหนึ่งของหน้ากากเขาเท่านั้น รอยยิ้มของเขาสามารถเปลี่ยนโลกให้กลายเป็นดินแดนมหัศจรรย์แห่งฤดูใบไม้ผลิได้ แต่ความโกรธของเขาสามารถทำให้เกิดพายุหิมะในฤดูหนาวได้
“ฉันจะไม่ไปหาแอเรียนอีกแล้ว… ได้โปรดปล่อยฉันไป…” เธอประนีประนอมและซ่อนความเกลียดชังไว้ลึก ๆ ในแววตาของเธอ เธอรู้ดีว่าถ้าเธอไม่เห็นด้วยตอนนี้ เธอจะไม่มีทางออกไปจากที่นี่ได้
มาร์คโบกมือให้บอดี้การ์ดเขยิบออกไปข้าง ๆ “ผมจะเชื่อคุณครั้งนี้ครั้งเดียว อย่าทรยศต่อความไว้วางใจของผม” เขาเตือน
ที่โรงพยาบาล สิ่งแรกที่แอเรียนถามเมื่อเธอลืมตาขึ้นมา คือ ‘มีใครมาที่นี่ไหม?’ เธอได้ยินเสียงบางอย่างอย่างแผ่วเบาขณะหลับ แต่เธอเหนื่อยเกินกว่าจะตื่นขึ้นมาเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น
แมรี่พูดอย่างโกรธ ๆ “แอรี่ คินซีย์ มา แต่ฉันไม่ได้ให้เธอเข้ามาและขอให้บอดี้การ์ดไล่เธอออกไปเพราะเห็นได้ชัดว่าเธอมาด้วยเจตนาร้าย ไม่ต้องกังวล หลังจากนั้นฉันก็โทรหานายท่าน เธอคงไม่กล้ากลับมาอีก”
แอเรียนขมวดคิ้วและไม่พูดอะไร เธอพยุงตัวเองขึ้นเพื่อที่จะนั่ง ความเจ็บปวดในช่องท้องส่วนล่างทำให้เธอถึงกับต้องพะงาบอย่างรุนแรง เธอใช้เวลาสักพักกว่าจะหายจากอาการนี้ “แมรี่… หนูเจ็บ คุณขอยาแก้ปวดจากหมอให้หน่อยได้ไหม?”
แมรี่โทรหาหมอโดยไม่รอช้าเพราะมาร์คบอกไว้อย่างชัดเจนว่าแอเรียนสามารถขออะไรก็ได้ที่เธอต้องการโดยไม่จำเป็นต้องรายงานให้เขาทราบ
แอเรียนเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเป็นเวลานานกว่าหนึ่งสัปดาห์โดยที่มาร์คไม่มาปรากฏตัวอีกเลยจนถึงวันที่เขามารับเธอออกจากโรงพยาบาลด้วยตัวเอง ไบรอันเป็นคนขับรถ แต่แอเรียนเลือกที่จะนั่งในที่นั่งผู้โดยสารข้างคนขับแทนที่จะนั่งที่เบาะหลังกับมาร์ค “ถ้าอย่างนั้น… ฉันคงจะต้องนั่งที่เบาะหลังนะคะนายท่าน?” แมรี่ถามอย่างเก้ ๆ กัง ๆ
มาร์คพยักหน้าแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างรถ ความนิ่งในแววตาของเขาไม่เผยให้เห็นถึงอารมณ์ใด ๆ
เมื่อพวกเขาต้องลงจากรถแมรี่ก็เอาเสื้อคลุมที่เธอเตรียมไว้ให้แอเรียนก่อนหน้านี้มาสวมให้เธอ “นายหญิงจะยืนอยู่ท่ามกลางสายลมด้วยสภาพร่างกายแบบนี้ไม่ได้นะ คุณต้องดูตัวเองไม่ให้ป่วยนะคะ”
คำแนะนำของแมรี่ทำให้แอเรียนนึกถึงลูกน้อยสองคนของเธออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จนเธอรู้สึกเสียวซ่าที่จมูก เธอเดินเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็วและตรงเข้าไปในห้องนอนแขกทันที เป็นเวลานานกว่าหนึ่งเดือนแล้วที่มาร์คและเธอนอนแยกห้องกัน
แมรี่รู้สึกหมดหนทางเล็กน้อย “นายท่าน…นายหญิงรู้สึกไม่พอใจ ในฐานะผู้ชายท่านควรดูแลเธอมากกว่านี้”
มาร์คไม่ได้โกรธ เขาเพียงแค่พยักหน้าและเดินตามแอเรียนไปเพียงเพื่อต้องพบว่าเธอได้ล็อกประตูจากด้านในเพื่อกันไม่ให้ใครเข้าไปได้ เขายืนอยู่ที่ประตูสักพักก่อนจะจากไป เนื่องจากเธอไม่ปรารถนาที่จะพบเขา เขาจึงควรปล่อยให้เธอได้อยู่คนเดียว
ที่บริษัท เวสต์ ไปร์ท…
ทิฟฟานี่ตกใจมากเมื่อเธอได้รับข้อความของแอเรียน ถ้าแอเรียนไม่ได้แจ้งให้เธอทราบ เธอก็จะไม่รู้เรื่องการเข้าโรงพยาบาลของแอเรียนด้วยซ้ำ
แม้ว่าตอนนี้ยังเป็นในเวลาการทำงานอยู่ แต่เธอก็เก็บข้าวของของเธอและออกเดินทางโดยไม่แม้แต่จะขอลาก่อนด้วยซ้ำ
เธอรีบไปที่คฤหาสน์ เทรมอนต์ และได้รับการต้อนรับจากแมรี่ “คุณทิฟฟานี่มาแล้ว! เข้ามาเร็ว ๆ และไปอยู่เป็นเพื่อนแอริหน่อย เธอคงซึมเศร้าจริง ๆ เธอน่าสงสารมาก ตอนที่อยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลานานกว่าหนึ่งสัปดาห์ เธอไม่ค่อยได้พูดอะไรมากและไม่ยอมพบนายท่านด้วย เธอคงโทรหาคุณเพราะต้องการหาคนคุยด้วย”
ทิฟฟานี่หัวใจสลายที่ต้องพบว่าแอเรียนได้แท้งบุตรอีกครั้ง เมื่อไม่นานมานี้เธอเพิ่งไปซื้อเสื้อผ้าเด็กเป็นเพื่อนแอเรียน เธอไม่คาดคิดว่าเสื้อผ้าเหล่านั้นจะไม่จำเป็นอีกต่อไป
เธอรีบวิ่งไปที่หน้าห้องนอนของมาร์คและกำลังจะเคาะประตู แต่แมรี่คว้ามือเธอไว้ได้ก่อน “แอริแยกตัวอยู่อีกห้องหนึ่ง เธออยู่ในห้องนอนแขกถัดจากห้องนอนนี้ไป”
ทิฟฟานี่กลอกตาและโกรธมาร์คในใจ พร้อมกับคิดว่าแอเรียนต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมากในครอบครัวเทรมอนต์ที่น่าอิจฉาที่สุด
เมื่อแอเรียนเห็นทิฟฟานี่เธอก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป “ทิฟฟ์…”
ทิฟฟานี่ดึงแอเรียนเข้ามาในอ้อมแขนและปลอบเธอเบา ๆ “โอ๋ ๆ ไม่เป็นไรแล้วนะ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความปลอดภัยของเธอ ฉันกลัวแทบตาย เกิดอะไรขึ้น? ทุกอย่างกำลังไปได้ดี แต่แล้วอยู่ ๆ เด็ก ๆ ก็จากไปอย่างกะทันหันเลย”
แอเรียนเล่าสถานการณ์ให้ฟังอย่างสั้น ๆ ทุกคำพูดที่ออกมาบาดหัวใจเธอเหมือนมีดที่แหลมคม หลังจากที่ทิฟฟานี่ฟังเธอแล้วทิฟฟานี่ก็รู้สึกว่าเหมือนมีลูกบอลแห่งความโกรธที่ลุกโชนอยู่ในท้องของตนเองที่เธอไม่สามารถระบายออกมาได้ เพราะสุดท้ายแล้วแอเรียนต้องการให้เธอปลอบใจไม่ใช่การพูดจาโผงผาง “ถ้าเธอไม่สามารถมีลูกได้ก็อย่าไปกังวลกับการมีลูกเลย ดูผู้หญิงที่เสียรูปร่างเพราะการคลอดลูกสิ ไหนภาระที่จะตามมาอีก ฉันไม่เห็นว่านั่นจะเป็นเรื่องที่น่าอิจฉาเลย ไม่เป็นไรนะ เธอยังมีฉันเสมอ ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอเอง! ถ้าวันหนึ่งฉันแต่งงานฉันก็จะเป็นคู่ DINK กับสามีของฉัน เราจะไม่มีลูกกัน!”
*Double Income No Kids (DINK) Couples = คู่สามีภรรยาที่ไม่มีลูก ทำให้รายได้เขาเหลือเยอะเพราะไม่มีค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปในการเลี้ยงลูก