บทที่ 480 คนแรกอย่างนั้นหรือ! โดย Ink Stone_Fantasy
หวังเป่าเล่อรู้สึกเขินอายเล็กน้อยขณะที่ยังถือแหวนสื่อสารอยู่ หลังจากที่พึมพำอีกสองสามคำ ชายหนุ่มก็เร่งรีบออกจาโถงใหญ่ของตำหนักหลอมโอสถเพื่อมุ่งหน้าไปยังตำหนักประมุขสำนักที่ตั้งอยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่งบนเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูง
เมื่อไปถึง หวังเป่าเล่อเห็นว่าประมุขสำนักกำลังทำสมาธิอยู่ ชายหนุ่มเพ่งพิจารณาใบหน้าของประมุขสำนัก เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องชื่อ “เจ้าน้อย” และเดินไปทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ประมุขสำนัก ชายหนุ่มเริ่มถามเกี่ยวกับเรื่องขั้นกำเนิดแก่นในของเขาและเคล็ดวิชาฝึกปราณต่างๆ
“เป่าเล่อ สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์มีเคล็ดวิชาฝึกปราณสำหรับขั้นกำเนิดแก่นในอยู่ 79 เคล็ดวิชา แบ่งออกเป็นระดับชั้นยอดถึงชั้นสามัญ มีระดับชั้นยอดอยู่เจ็ดเคล็ดวิชา ระดับชั้นเยี่ยมอยู่…” ประมุขสำนักจ้องมองหวังเป่าเล่ออย่างมีนัย ก่อนจะหยิบแผ่นหยกและยื่นให้เขาแทน
ดวงตาของหวังเป่าเล่อลุกโชนเมื่อได้รับมา ชายหนุ่มรีบเปิดอ่านทันที
แผ่นหยกนั้นไม่ได้มีรายละเอียดการฝึกเคล็ดวิชา มีเพียงข้อดีและข้อด้อยของแต่ละเคล็ดวิชาเท่านั้น และยังมีข้อมูลเกี่ยวกับเคล็ดวิชาที่สมบูรณ์และไม่สมบูรณ์ที่ตกหล่นขาดหายด้วย
เมื่ออ่านไปสักพัก หวังเป่าเล่อก็เริ่มจะขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย เคล็ดวิชาที่สมบูรณ์ทั้ง 79 นั้นดูธรรมดายิ่ง แม้กระทั่งระดับชั้นยอดทั้งเจ็ดก็ยังไม่น่าตื่นเต้นเท่าใดนัก ไม่อาจเทียบได้กับวิชาแห่งศาสตร์มืด หรือกระทั่งกระบวนท่าเต๋าสายฟ้าขั้นต้นด้วยซ้ำ
มีอยู่สองเคล็ดวิชาที่ดูพอใช้ได้ แต่เคล็ดวิชาแรก เคล็ดวิชาวิถีแห่งหมอก ดูจะมุ่งเน้นไปที่ความเร็วและความศักดิ์สิทธิ์มากกว่า มันเป็นเคล็ดวิชาฝึกตนพื้นฐานของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์และเป็นเคล็ดวิชาที่ผู้อาวุโสขั้นกำเนิดแก่นในส่วนใหญ่เลือกฝึกฝน
ดูแล้วไม่เหมาะกับหวังเป่าเล่อเท่าใดนั้น ประการแรก เขามีแก่นในอัคนี ประการที่สอง ชายหนุ่มได้พัฒนารูปแบบการต่อสู้ที่ไม่เหมือนใครขึ้นมาตั้งแต่เริ่มฝึกปราณ มันเป็นรูปแบบที่ทรงพลังซึ่งไม่เข้ากับสารัตถะของวิถีแห่งหมอกแม้แต่น้อย
อีกเคล็ดวิชาหนึ่งคือศาสตร์แห่งการเห็นธรรมที่ผู้อาวุโสขั้นสูงสุดร่วมออกแบบ หวังเป่าเล่อเพียงมองปราดเดียวก็เลิกสนใจทันที เขาไม่อยากกลายเป็นหนึ่งในผู้ฝึกตนของสาขาปรัชญาเต๋า
ทำให้หวังเป่าเล่อเจองานหนักในการเลือก มีเคล็ดวิชาดีๆ อยู่บ้างในเคล็ดวิชาที่ไม่สมบูรณ์ แต่เพราะมีข้อมูลหายไปมากทำให้ไม่อาจเลือกฝึกฝนได้
เคล็ดวิชาที่หวังเป่าเล่อได้อ่านมาจากนิมิตมืดนั้นเกี่ยวข้องกับวิชาแห่งศาสตร์มืดทั้งสิ้น วิชาที่ไม่เกี่ยวกับศาสตร์มืดนั้นสงวนไว้สำหรับขั้นจิตวิญญาณอมตะขึ้นไปเท่านั้น หวังเป่าเล่อยิ่งขมวดคิ้วหนักขึ้นอีก
“ประมุขสำนักขอรับ ข้าฝึกฝนกระบวนท่าเต๋าสายฟ้าขั้นต้นตั้งแต่อยู่ในขั้นรากฐานตั้งมั่น แล้วมันมีกระบวนท่าเต๋าสายฟ้าขั้นกลางอยู่หรือไม่” หวังเป่าเล่อไม่ได้ถามคำถามที่สองออกไป…ว่าหากไม่มีแล้ว จะยอมให้เขาฝึกขั้นต้นทำไมกัน
“กระบวนท่าเต๋าสายฟ้าเป็นเคล็ดวิชาที่เราได้รับมาจากเศษชิ้นส่วนที่ค้นพบในเขตอัสนีของสำนัก แน่นอนว่าเรามีขั้นกลาง “สีหน้าของประมุขสำนักยังคงเรียบเฉย เขาดึงแผ่นหยกอีกแผ่นขึ้นมาจากกำไลคลังเก็บแล้วยื่นให้หวังเป่าเล่อ ภายในแผ่นหยกคือกระบวนท่าเต๋าสายฟ้าขั้นกลาง
หวังเป่าเล่ออ่านจนจบและมีสีหน้าไม่แน่ใจ ชายหนุ่มเงยศีรษะขึ้นมองประมุขสำนัก ในเมื่อพวกเขามีกระบวนท่าเต๋าสายฟ้าขั้นกลาง ที่ดูเผินๆ แล้วเหมือนเป็นเคล็ดวิชาที่ดีทีเดียว ชายหนุ่มจึงไม่แน่ใจว่าเหตุใดประมุขสำนักจึงไม่มอบเคล็ดวิชานี้ให้เขาตั้งแต่ต้น
ประมุขสำนักเข้าใจความเคลือบแคลงในสีหน้าของหวังเป่าเล่อ ชายชราโคลงศีรษะพลางถอนหายใจ
“เป่าเล่อ พวกเราตั้งใจจะให้เจ้าบรรลุกระบวนท่าเต๋าสายฟ้าขั้นต้น แล้วเมื่อเจ้าบรรลุขั้นกำเนิดแก่นใน เจ้าจึงจะได้ฝึกกระบวนท่าเต๋าสายฟ้าขั้นกลาง แม้ว่าเราจะไม่มีขั้นสุดท้ายของเคล็ดวิชานี้ แต่เราเชื่อว่า หากวันหนึ่งเจ้าบรรลุขั้นจุติวิญญาณ…ก็ไม่น่าจะเป็นการยากสำหรับเจ้าที่จะเรียนรู้เคล็ดวิชาอื่นได้
“ถึงกระนั้น ไม่มีใครคาดคิดว่าเจ้าจะบรรลุขั้นกำเนิดแก่นในอย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้ แถมยังมีพลังมหาศาล นี่จึงเป็นสาเหตุว่า…แม้กระบวนท่าเต๋าสายฟ้าขั้นกลางจะเป็นเคล็ดวิชาที่ทรงพลัง มันก็ยังไม่ดีที่สุดสำหรับเจ้า อันที่จริงแล้ว มันอาจส่งผลให้ความก้าวหน้าในการฝึกปราณและความสามารถในการต่อสู้ของเจ้าอ่อนแอ่ลงก็เป็นได้!”
“นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมข้าจึงลังเลและไม่ได้ให้เคล็ดวิชานี้กับเจ้าไปตั้งแต่ต้น”
หวังเป่าเล่อมีสีหน้าครุ่นคิดหลังจากที่ได้ฟังประมุขสำนักพูดจนจบ ชายหนุ่มวางแผ่นหยกกระบวนท่าเต๋าสายฟ้าขั้นกลางลงและหันไปมองหน้าประมุขสำนัก ชายชราต้องได้พูดคุยกับผู้อาวุโสสูงสุดมาแล้วก่อนที่จะมาบอกเขาเรื่องนี้ พวกเขาต้องตัดสินใจเรื่องเคล็ดวิชาฝึกตนสำหรับเขามาก่อนแล้วเป็นแน่
“เคล็ดวิชาฝึกตนของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ถือเป็นที่หนึ่งในสหพันธรัฐ แต่ว่านี่ก็เป็นเพียงในสหพันธรัฐเท่านั้น ตามการคาดคะเนของเรา หากเราจะเทียบเคล็ดวิชาเหล่านี้กับอารยธรรมโบราณอื่นๆ พวกมันก็…จะดูล้าหลังและโบราณไปมากทีเดียว!
“เคล็ดวิชาที่ทรงคุณค่าอย่างแท้จริงคืออันที่ไม่สมบูรณ์ และเป็นเรื่องยากที่จะปลดปล่อยพลังที่แท้จริงของมันได้…” ประมุขสำนักยิ้มบางๆ เมื่อเห็นหวังเป่าเล่อยังคงเยือกเย็นและไม่แสดงท่าทีเดือดร้อนรำคาญใจ
“แม้กระนั้น ในฐานะหนึ่งในพันธุ์กล้าสหพันธรัฐ ในอนาคตอันใกล้นี้ เจ้าก็อาจจะมีโอกาสได้ครอบครอง…เคล็ดวิชาฝึกตนที่เหนือกว่าเคล็ดวิชาอื่นๆ ที่มีอยู่ในสหพันธรัฐก็เป็นได้!” ในวินาทีเดียวกันนั้นเอง ประมุขสำนักยกมือขวาขึ้นและชี้มือขึ้นไปบนฟ้าอย่างล่องลอย
หวังเป่าเล่อหรี่ตาลงและเงยหน้ามองตามมือไป บนท้องฟ้าด้านนอก สิ่งที่ปักทะลุดวงอาทิตย์ยามเที่ยงที่ร้อนระอุ จะเป็นอื่นใดไปไม่ได้นอกจากกระบี่สำริดเขียวโบราณนั่นเอง!
ภาพในใจหวังเป่าเล่อค่อยๆ ชัดเจนขึ้น เมื่อเขาเริ่มเดาเรื่องที่ประมุขสำนักและผู้อาวุโสสูงสุดพูดคุยกันก่อนหน้านี้ออก สิ่งนี้หมายความว่า…แผนพันธุ์กล้าสหพันธรัฐกำลังจะเริ่ม ปฏิบัติการดวงอาทิตย์ปักกระบี่และความพยายามจะขึ้นไปบนกระบี่สำริดเขียวโบราณก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้นเช่นกัน!
สหพันธรัฐได้พัฒนาอารยธรรมการฝึกตนจากการรวบรวมเศษชิ้นส่วนด้ามจับของกระบี่สำริดเขียวโบราณมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ทรัพยากรและเคล็ดวิชาฝึกตนที่พบเจอบนกระบี่สำริดเขียวโบราณได้สร้างโอกาสอันยิ่งใหญ่เหนือจินตนาการให้กับเหล่าผู้ฝึกตนจากสหพันรัฐทั้งหลาย
“เจ้าเก็บกระบวนท่าเต๋าสายฟ้าขั้นกลางไว้ก่อน หากเป็นไปได้…ข้าก็ยังอยากให้เจ้าได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาที่จะเป็นประโยชน์กับคนที่แข็งแกร่งเช่นเจ้า อย่างน้อยๆ เจ้าก็จะได้ไม่แพ้ผู้ฝึกตนรุ่นใหม่ๆ จากอารยธรรมอื่นๆ นับไม่ถ้วนในจักรวาลนี้!” ประมุขสำนักพูดอย่างตั้งใจ เขาจ้องมองหวังเป่าเล่อด้วยสายตาเปี่ยมความหวัง มีบางสิ่งที่เขายังคงเก็บงำไว้ในใจ และผู้อาวุโสสูงสุดก็ไม่ได้พูดเช่นกัน อย่างไรก็ดี ทั้งสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิิทธิ์ก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจนี้
หวังเป่าเล่อเป็นความหวังดวงใหม่ของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ ชายหนุ่มกำลังจะเดินตามรอยเท้าของหลี่ซิงเหวินและกลายมาเป็นหนึ่งในเสาหลักของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์
หวังเป่าเล่ออาจไม่ได้ล่วงรู้ถึงการตัดสินใจของบรรดาผู้บริหารระดับสูงของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ในครั้งนี้ แต่ชายหนุ่มก็สัมผัสได้ถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นระหว่างการมาเยือนของเขา หลังจากที่ใคร่ครวญอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาก็เลือกจะเก็บกระบวนท่าเต๋าสายฟ้าขั้นกลางไว้แล้วกล่าวลาประมุขสำนัก ทว่าเมื่อหวังเป่าเล่อกำลังจะเดินออกไปนั่นเอง ประมุขสำนักก็พูดขึ้นมาว่า “เป่าเล่อ ข้าไม่แน่ใจว่าผู้อาวุโสสูงสุดได้บอกเจ้าหรือยัง แต่อย่าเพิ่งกลับดาวอังคารเสียเล่า อยู่ที่สำนักก่อน…เพราะว่าท่านกำลังจะบรรลุขั้นแล้ว!
“ท่านจะกลายเป็นคนแรกบนโลกที่บรรลุจากขั้นกำเนิดแก่นในสู่ขั้นจุติวิญญาณ เมื่อถึงเวลานั้น ตัวแทนจากกลุ่มอำนาจการเมืองทั้งหมดจะมาที่นี่ จากการคาดเดาของท่าน ณ เวลาที่ท่านบรรลุขั้นนั้น ปราณวิญญาณจำนวนมหาศาลจะถูกดึงดูดมาที่กายท่าน สิ่งนี้ถือเป็นโอกาสสำหรับบรรดาศิษย์ทุกคน
“โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่อยู่ในขั้นกำเนิดแก่นใน นี่เป็นโอกาสสำหรับเราที่จะเรียนรู้จากประสบการณ์และบรรลุธรรม!”
ดวงตาของหวังเป่าเล่อถึงกับหรี่ลงเมื่อได้ยิน ชายหนุ่มไม่ได้แปลกใจที่ได้ยินว่าผู้อาวุโสสูงสุดกำลังจะบรรลุขั้นในการฝึกปราณ เขามองออกมานานแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจคือเมื่อประมุขสำนักพูดว่า ท่านจะเป็นคนแรกที่บรรลุขั้นจุติวิญญาณ”
“คนแรกเลยหรือขอรับ” หวังเป่าเล่อโพล่งออกมาทันที ชายหนุ่มจำสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากโศกนาฏกรรมบนดาวพุธได้ดี แม้ว่าเขาจะถือสันโดษอยู่ แต่เขาก็เปิดชมสุนทรพจน์ของผู้นำสหพันธรัฐและได้ยินเรื่องผู้อาวุโสขั้นจุติวิญญาณที่กำลังค้นหาผู้ฝึกตนจากต่างดาวทั่วระบบสุริยะ
“ใช่แล้ว เป็นชาวโลกคนแรกอย่างไรเล่า!” ประมุขสำนักจ้องมองหวังเป่าเล่อด้วยดวงตาที่เปี่ยมความหมาย ราวกับว่าเขามีความกังวลบางประการเกี่ยวกับการเปิดเผยรายละเอียดมากไปกว่านี้ขณะที่ยังอยู่บนโลก เขาไม่ได้อธิบายสิ่งใดเพิ่มเติม
คำใบ้ของเขาชัดเจนยิ่ง หวังเป่าเล่อไม่ควรจะได้รับตำแหน่งขุนนางระดับสองชั้นรองมาในระยะเวลาอันสั้นเพียงนี้หากไม่สามารถอ่านคำใบ้นี้ออก นัยน์ตาเขาฉายแวววาบขึ้นมาแทบจะในทันที ชายหนุ่มรู้ถึงคำตอบที่ไม่ได้ทำให้เขาตกใจแต่อย่างใด
*ผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณผู้นี้อาจจะมาจาก…กระบี่สำริดเขียวโบราณก็เป็นได้!*หวังเป่าเล่อหรี่ตาลงขณะครุ่นคิด หลังจากนั้นพักหนึ่ง ชายหนุ่มก็ยกมือคารวะประมุขสำนัก และหันหลังเดินจากมา
หวังเป่าเล่อเดินไปมาอยู่ในสำนักหลังออกมาจากตำหนัก เขายิ้มบาง พลางทักทายศิษย์น้องชายหญิงที่เดินผ่าน หากเป็นเวลาอื่นเขาคงหยอกล้อกับพวกเขาไปแล้ว แต่ตอนนี้ชายหนุ่มมีบางอย่างในใจ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เรียนรู้สิ่งใดมากนักจากการกลับมาที่นี่ แต่ก็เก็บข้อมูลมาได้มากทีเดียว
ผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณจากกระบี่สำริดเขียวโบราณผู้นี้อาจจะไม่ได้มาร้ายกับเรา หาไม่แล้ว ด้วยพลังรบของสหพันธรัฐในปัจจุบัน อาจเป็นการยากที่เราจะป้องกันตนเองจากเขาได้…
ช่างน่าสนใจจริงๆ ไม่มีข่าวคราวใดๆ เพิ่มเติมเลยหลังจากที่พวกเขาประกาศแผนพันธุ์กล้า แต่ตอนนี้หลังจากที่มีความคืบหน้าในการค้นคว้าเรื่องระเบิดต้านทานวิญญาณของปรมาจารย์เจ้าและเมื่อผู้อาวุโสสูงสุดได้บรรลุขั้นการฝึกตน…
*หรือพวกเขาตั้งใจจะเริ่มแผนพันธุ์กล้าของสหพันธรัฐในตอนนี้…*หวังเป่าเล่อหรี่ตา แม้ว่าจะมีเบาะแสอยู่บ้าง แต่หากคิดด้วยวิธีปกติก็ยังยากที่จะฟันธงว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นอยู่กันแน่ ถึงกระนั้น หากชายหนุ่มใช้ความรู้ที่เรียนมาจากอัตชีวประวัติเจ้าพนักงานระดับสูง ทุกอย่างก็ดูสมเหตุสมผลขึ้นในทันใด
ขณะที่หวังเป่าเล่อยังคงจมอยู่ในความคิด ชายหนุ่มก็พลันได้ยินเสียงคำรามที่เปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นยินดีดังกระหึ่มมาจากที่ไกลออกไป เสียงอุทานด้วยความตื่นใจและตื่นเต้นสะท้อนก้องไปทั่วและขัดจังหวะความคิดของเขา
หวังเป่าเล่อจำเสียงคำรามที่คุ้นเคยนั้นได้ ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นและเห็นวานรเพชรมีปีกบินถลาออกมาจากหมู่เมฆบนท้องฟ้าพุ่งตรงเข้ามาหาเขา
“เพชรน้อย!” หวังเป่าเล่อหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างยินดี ชายหนุ่มก้าวไปข้างหน้าก่อนจะกระโจนขึ้นไปหาเจ้าวานรเพชร