ตอนที่10 ผมมาตรฐานสูงนะ
เธอจ้องมองหน้าร้านอาหารที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน คิ้วของเล็กซี่ขมวดด้วยความสงสัย เธอคาดหวังว่าคนอย่าง อีธานลู่ จะพาเธอไปที่ไหนสักแห่งที่หรูหรา อนิจจาร้านอาหารที่พวกเขาอยู่ มันดูเรียบง่ายมากและถือได้ว่าธรรมดาสุด ๆ
“ที่นี่? ถามจริง?” เธอไม่ลังเลที่จะแสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับสถานที่นี้ ท้ายที่สุดแล้ว เธอถูกเลี้ยงดูมาท่ามกลางความหรูหรา ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าเครื่องประดับ หรือแม้แต่อาหารที่เธอกิน ล้วนได้รับการปรุงแต่งโดยเชฟชั้นนำเสมอ ดังนั้นนี่จึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้สำหรับเธอ ที่จะตอบสนองในลักษณะอย่างที่เห็น
” ใช่.. เธอบอกเองไม่ใช่เหรอว่า อาหารต้องดี” อีธานยิ้มกว้างเต็มริมฝีปากของเขา เผยให้เห็นฟันสวยอย่างเป็นระเบียบ เขากล่าวเสริมว่า “เข้าไปกันเถอะ”
—–
เล็กซี่กวาดสายตาสำรวจไปทั่วร้านอาหารเล็ก ๆ ด้วยความระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะมีคนจำเธอได้ แม้ว่าเธอจะยังคงความภาคภูมิใจและภาพลักษณ์หยิ่งผยองเอาไว้ แต่อนิจจา เห็นได้ชัดว่าเธอสับสนกับสภาพแวดล้อมรอบ ๆ มันเล็ก แต่ก็ไม่ได้รู้สึกแออัดเกินไป แม้ว่าจะมีที่นั่งเพียงพอสำหรับเธอและอีธานเท่านั้น
“มานั่งเถอะ ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครจำคุณได้หรอก และอาหารที่นี่ก็อร่อยมาก ” อีธานมั่นใจ เมื่อคาดเดาความกังวลของเธอออก ท้ายที่สุดเล็กซี่ก็เป็นที่รู้จักในสังคมไม่น้อย
และหากว่าเขาจะพาเธอไปร้านอาหารหรูหรานั่น เธอคงจะโดนจับจ้องไม่น้อยแน่ ๆ ซึ่งอีธานไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้น
เล็กซี่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็นั่งตรงข้ามกับอีธานโดยไม่พูดอะไร ไม่นานเขาก็ยกมือขึ้น จากนั้นเขาก็ตะโกนสั่งบะหมี่อย่างผู้เชี่ยวชาญ ราวกับว่า อีธานเป็นลูกค้าขาประจำ
” คุณลู่ ฉันไม่รู้เลยว่าคุณก็ชอบสถานที่แบบนี้ด้วย”
” ก็ปกตินะ มอริสก็ชอบด้วย ไม่รู้เหรอ? ” อีธานตอบอย่างตรงไปตรงมาด้วยรอยยิ้ม
เพียงแค่ได้ยินชื่อมอริส เล็กซี่ก็นิ่งงัน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอจ้องลงไปที่แก้วน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างเฉยชา ส่วนหนึ่งคือเธอเหนื่อย และเบื่อหน่ายจริง ๆ เธอทำทุกอย่างเพื่อแสดงความรักของเธอที่มีต่อมอริส แต่เขาก็ไม่เคยเห็นคุณค่า พระเจ้ารู้ดีว่าเขาไม่เคยคิดถึงเธอ แค่สักนิดก็ไม่
ดังนั้น แม้ว่าอีธานจะดูตายด้านไปบ้าง แต่สำหรับเล็กซี่ เธออาจจะต้องขอบคุณเขาในอนาคต เพราะยิ่งเธอรู้ว่ามอริสจะไม่มีวันรักเธอมากเท่าไหร่ เธอก็จะปล่อยเขาไปเร็วขึ้นเท่านั้น
ไม่นานเล็กซี่ก็หายจากอาการนิ่งเงียบ เมื่อหญิงชรามาเสิร์ฟบะหมี่ร้อนๆ ดูแล้วเหมือนว่าเธอจะเคยอยู่ในช่วงต้นยุค 60 มองจากรอยยิ้มที่อ่อนโยนและความเป็นมิตรบนใบหน้าของเธอ
” เธอทั้งสองคนดูเหมาะสมกันดีนะ” คุณย่าอารมณ์ดีเอ่ยกับอีธาน
” ฮะๆ คุณย่าเฉิน ย่าก็รู้ว่าผมมาตรฐานสูงแค่ไหน ” อีธานลู่ขยิบตาให้หญิงชราที่เขาเรียกว่าย่าเฉิน จากนั้นย่าเฉินก็พยักหน้าหงึกๆราวกับว่าเธอมีความสุขกับบางสิ่งบางอย่าง
เมื่อย่าเฉินจากไป เล็กซี่ก็ขมวดคิ้วเข้าหาอีธานลู่ ราวกับบ่งบอกให้เขากลับคำพูดของเขา อนิจจา อีธานลู่ไร้ยางอายเกินไป เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง และหันเหหัวเรือไปเรื่องอื่นแทน
” กินกันเถอะผมหิวแล้วล่ะ” จากนั้นเขาก็กินบะหมี่ของเขาโดยไม่มีความเกรงอกเกรงใจอีกต่อไป
หรือไม่มีตั้งแต่แรกนะ?
เล็กซี่เฝ้ามองเขาสักพักก่อนที่จะจ้องมองไปที่ชามบะหมี่ของตน ซึ่งมีไอร้อนเล็กน้อย เธอไม่ได้มองอาหารด้วยความรังเกียจ เหมือนกับว่าเธอเองก็อยากรู้อยากเห็น แน่นอนว่าเล็กซี่เคยกินแต่บะหมี่ที่ปรุงโดยเชฟชั้นนำเท่านั้น ดังนั้นเธอจึงลังเลว่าอาหารที่อยู่ตรงหน้า จะไม่ทำให้เธอเกิดอาหารพิษ หรือทำลายการลิ้มรสของเธอไป
“เฮ้ กินเถอะน่า นี่เป็นบะหมี่ที่ดีที่สุดในเมืองเลยนะ เชื่อผมได้เลย ” อีธานเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเล็กซี่จ้องไปที่บะหมี่ด้วยความลังเล
เล็กซี่เหลือบมองเขา ก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบช้อนเซรามิกสีขาว จากนั้นเธอก็ตักน้ำซุปขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะวางไว้ตรงริมฝีปากของเธอ เธอเป่าคลายความร้อนเบา ๆ ก่อนจิบเข้าไป
ด้วยความประหลาดใจของเธอ รสชาติของซุปบะหมี่นั้นดีมาก แม้ว่าจะเทียบไม่ได้กับอาหารที่เธอเคยกินมาก่อนหน้านี้ในชีวิตของเธอ แต่อนิจจา ความรู้สึกนี้ ทำให้เธอรู้สึกถึงความอบอุ่น ราวกับว่าเธอได้โดนโอบกอดไว้ อาหารที่ทำด้วยความรักและความเอาใจใส่เป็นพิเศษนี้
มันช่างโดนใจเธอเหลือเกิน**!!**
“ ดีหรือเปล่า ? ” อีธานยิ้มด้วยความพึงพอใจเมื่อเห็นการแสดงออกที่ไม่สามารถอธิบายได้บนใบหน้าของเธอ เห็นได้ชัดเจนว่าเธอชอบมัน
” อืม ดี ” เล็กซี่พยักหน้าเล็กน้อยก่อนที่จะใช้ช้อนตักซุปอีกครั้ง แล้วจิบอย่างมีมารยาท