104 แตกหักกันอย่างถึงที่สุด

ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

บทที่ 104 แตกหักกันอย่างถึงที่สุด

เซียวฉางควนอึ้งไป แล้วก็รีบพูดขึ้นว่า “แม่ครับ คฤหาสน์หลังนั้นตระกูลหวังยกให้กับเย่เฉิน ไม่ได้ยกให้ผม”

นายหญิงใหญ่เซียวหงุดหงิด และขี้เกียจที่จะอ้อมค้อมอีกต่อไปแล้ว พูดขึ้นมาตรงๆว่า “เย่เฉินเป็นลูกเขยของตระกูลเซียว คฤหาสน์ที่ตระกูลหวังยกให้เขา ก็ต้องกลายเป็นของตระกูลเซียว ฉันในฐานะที่เป็นผู้นำตระกูลเซียว ไม่คู่ควรที่จะได้อยู่คฤหาสน์ของตระกูลเซียวหรือ?”

เย่เฉินที่ยืนอยู่ด้านข้างหัวเราะอย่างเย็นชา เมื่อกี้เขาไม่ได้พูดอะไร ก็เพราะรู้ว่าการรวมตัวของคนในตระกูลในวันนี้ ไม่ใช่เรื่องอะไรที่ดีแน่

ที่แท้นายหญิงใหญ่ อยากได้คฤหาสน์ของตนนี่เอง

คราวนี้เซียวฉางควนฟังรู้เรื่องแล้ว เหงื่อไหลท่วมหัว อ้ำอึ้งจนพูดจาไม่ออก หันไปมองดูเย่เฉิน สีหน้าเต็มไปด้วยความลำบากใจ

เซียวฉางเฉียนพูดขึ้นอย่างที่ดีอกดีใจอยู่ด้านข้างว่า “ฉางควน เธอเป็นพ่อตาของเย่เฉิน หากเขากล้าไม่เชื่อฟังคำของเธอ งั้นเขาไม่กลายเป็นคนที่ใหญ่ที่สุดในบ้านหรือ เธอยังจะมีตำแหน่งฐานะอะไร?”

“พูดถูก” นายหญิงใหญ่เซียวผงกหัวอย่างพอใจ ดวงตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความโลภ คิดว่าจะได้เข้าไปอยู่ในคฤหาสน์ในTomson Riviera เธอก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นอย่างที่สุด

เซียวชูหรันพูดขึ้นอย่างอดทนไม่ไหวว่า “คุณย่าคะ คฤหาสน์ไม่ใช่ของตระกูลเซียวเรา พวกคุณอยากได้คฤหาสน์ ต้องถามความคิดเห็นของเย่เฉินก่อน หากเย่เฉินไม่ยินยอมให้ ใครก็ไม่มีสิทธิ์เอาไป”

นายหญิงใหญ่เซียวขมวดคิ้ว มองดูเซียวชูหรัน อย่างรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก

“พูดมาก”

นายหญิงใหญ่เซียวมองดูเย่เฉินอย่างเย็นชา พร้อมขึ้นอย่างไม่เกรงใจว่า “คฤหาสน์หลังนี้ตระกูลหวังยกให้ เธอเป็นเพียงลูกเขยคนหนึ่ง ไม่มีสิทธิ์อาศัยอยู่ พรุ่งนี้ไปรับเงิน หนึ่งแสนที่แผนกการเงินของบริษัท ถือเป็นรางวัลที่เธอได้คฤหาสน์มา”

คำสั่งของนายหญิงใหญ่ พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเฉียบคม ไม่ให้ได้แสดงความคิดเห็นเลย

เซียวฉางเฉียนพูดขึ้นว่า “เย่เฉิน เงินหนึ่งแสนถือว่าไม่น้อยแล้ว เศษสวะอย่างเธอ คงไม่เคยเห็นเงินเยอะขนาดนี้”

เย่เฉินค่อยๆเงยหัวขึ้น พร้อมพูดขึ้นว่า “เงินแสนเดียว ก็อยากที่จะซื้อคฤหาสน์ของTomson Rivieraที่มีมูลค่าหลักสามพันล้านหรือ? นายหญิงใหญ่เซียว คุณไม่ไร้ยางอายไปหน่อยหรือ”

น้ำเสียงของเขาหนักแน่น ดังเข้าไปในหูของทุกคนที่อยู่ในนี้อย่างชัดเจน

ทุกคนต่างก็ตกอยู่ในอาการตกตะลึง เงียบไปทั่วทั้งห้องโถง

สายตาทุกคน ต่างก็หันมามองเย่เฉิน

ตกตะลึง…

หวาดหวั่น….

คิดไม่ถึง….

เซียวชูหรันก็ตกตะลึง

เธอเองก็คิดไม่ถึง ว่าเย่เฉินจะกล้าขนาดนี้

นายหญิงใหญ่เซียวโกรธจนหน้าเขียว ตบโต๊ะอย่างแรง พร้อมตะคอกพูดขึ้นว่า “สารเลว กล้าแม้กระทั่งเถียงฉัน ใครอยู่ข้างนอก มาลากตัวเย่เฉินออกไป”

“ไม่ให้ความเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ อวดดีอย่างที่สุด” เซียวไห่หลงพูดขึ้นว่า “ท่านย่า ผมคิดว่าควรที่จะลงโทษด้วยกฎของตระกูล เขาเป็นแค่เขยคนหนึ่ง กล้าอวดดีถึงขนาดนี้ ไม่เจียมตัวเลย”

เซียวฉางควนมองดูเย่เฉิน กลับไม่กล้าพูดอะไรเลย

“ผู้หลักผู้ใหญ่?” เย่เฉินพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “คำว่าผู้หลักผู้ใหญ่ จะต้องเป็นคนที่คู่ควรแก่การให้ความเคารพ พวกคุณที่อยู่ที่นี่ นอกจากพ่อตาของผมเซียวฉางควน มีใครคู่ควรให้ผมเคารพนับถือ?”

คนพวกนี้โลภมากอย่างที่สุด เขาไม่อยากทนตั้งแต่แรกแล้ว

นายหญิงใหญ่เซียว ในฐานะที่เป็นแม่ของเซียวฉางควน กลับไม่เห็นค่าของลูกชายคนรองคนนี้ ไม่เห็นอยู่ในสายตาเลย

เซียวฉางเฉียน ในฐานะที่เป็นพี่ชายแท้ๆของเซียวฉางควน กลับดูถูกเขามาตลอด ไม่เพียงเท่านี้ ยังอยากที่จะแย่งชิงทุกอย่างของน้องชาย

ส่วนเขาที่มาเป็นเขยของตระกูลเซียว คนพวกนี้ยิ่งไม่เคยเห็นหัวเลย

แม้กระทั่ง ไม่เคยเห็นเย่เฉินอยู่ในสายตาเลย

มีเพียงเซียวฉางควน ที่เห็นแก่ความเป็นญาติพี่น้อง ไม่ยอมที่จะแตกหัก

ส่วนเซียวชูหรันก็ถูกรังแกมาตลอด ในฐานะที่เป็นตัวแทนความร่วมมือของตี้เหากรุ๊ป จึงยังพอมีค่าในตระกูลเซียว

ทั่วทั้งตระกูลเซียว ต่างก็กดขี่อยู่บนหัวครอบครัวพวกเขา

ยอมให้รังแกดูถูกมาตลอด

เย่เฉินเห็นแก่ภรรยาของตน จึงยอมอดทนไว้ แต่คิดไม่ถึงว่าคนพวกนี้จะไร้ยางอายถึงขนาดนี้ คิดอยากที่จะแย่งเอาคฤหาสน์ของตน

“เย่เฉิน คุณกล้าพูดแบบนี้กับท่านยาย” เซียวไห่หลงพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “วันนี้ยังไงก็จะต้องสั่งสองคุณให้ได้”

“อย่างคุณน่ะหรือ?” เย่เฉินหัวเราะเย้ย พร้อมพูดขึ้นอย่างดูถูกว่า “เซียวไห่หลง อย่างคุณ ในสายตาของผม คุณเป็นเพียงหนอนตัวหนึ่งที่น่าสงสาร ต่ำต้อยเหมือนดั่งมด”

“บังอาจ” นายหญิงใหญ่เซียวลุกขึ้นยืน พร้อมพูดขึ้นอย่างเสียงดังว่า “เย่เฉิน คุกเข่าก้มหัวขอโทษ แล้วก็ยกคฤหาสน์มา ฉันจะให้อภัยเธอในครั้งนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะให้ชูหรันหย่ากับเธอเดี๋ยวนี้ แล้วขับไล่เธอออกไปจากตระกูลเซียว ให้เธอไปเร่ร่อนอยู่ข้างถนน อยู่อย่างตายทั้งเป็น”

เซียวชูหรันที่ก้มหน้าหิวตลอด รีบเงยหน้าขึ้นมา ยืนอยู่ตรงหน้าเย่เฉิน พร้อมพูดว่า “ฉันไม่เห็นด้วย เพียงเพราะว่าท่านเป็นย่าของฉันหรือ? หรือเพราะว่าท่านเป็นผู้นำของตระกูลเซียว พวกคุณกดขี่พ่อของฉัน รังแกเย่เฉิน ยังเห็นคนในครอบครัวของฉันเป็นครอบครัวเดียวกันไหม”

“ฉันจะไม่มีวันอย่ากับเย่เฉิน”

“เธอ…” นายหญิงใหญ่เซียวโกรธโมโหอย่างที่สุด ชี้หน้าเซียวชูหรัน พร้อมพูดกับเซียวฉางควนด้วยเสียงเข้มว่า “เธอดูลูกสาวของเธอสิ เข้าข้างคนอื่น ให้เธอก็คุกเข่าลงด้วยเหมือนกัน”

เซียวฉางควนค่อยๆเงยหัวขึ้น สายตาจ้องมองนายหญิงใหญ่เซียว

จากที่เคยมีท่าทีอ่อนน้อม สีหน้าของเซียวฉางควนในตอนนี้ กลับเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

เซียวฉางเฉียนอึ้งไป น้องรองของตนคนนี้ปกติเป็นคนขี้ขลาดมาก อยู่ในบ้านก็เป็นคนกลัวเมีย ต่อหน้านายหญิงใหญ่เซียวก็ไม่กล้าเถียงสักคำ แต่ตอนนี้กลับกล้าใช้สายตาแบบนี้ จ้องมองดูนายหญิงใหญ่เซียว?

ตอบพูดขึ้นด้วยเสียงเข้มว่า “น้องรอง ยังไม่รีบใช้ให้ลูกสาวกับลูกเขยคุกเข่าลง แม่จะได้หายโกรธ?”

ปกติเซียวฉางควนจะเป็นคนที่ขี้ขลาดที่สุด ตอนนี้กลับมีสีหน้าเขียว พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่ชาย คฤหาสน์คนอื่นยกให้กับเย่เฉิน เขาอยากที่จะจัดการยังไง นั่นก็เป็นเรื่องของเขาเอง ลูกสาวของผมแต่งงานกับใคร เรื่องนี้พี่ยิ่งไม่ต้องยุ่ง คฤหาสน์หลังนี้มีมูลค่ากว่าพันล้าน มูลค่ามากกว่าทรัพย์สมบัติของตระกูลเซียวด้วยซ้ำ พวกคุณมีสิทธิ์อะไรมายึดครอง?”

“เธอ… ลูกอกตัญญู” นายหญิงใหญ่เซียวโกรธจนตัวสั่น คว้าถ้วยชาบนโต๊ะไม้สีแดงขึ้นมา แล้วโยนไปหาเซียวฉางควน

เซียวฉางควนไม่หลบไม่หนี ถูกถ้วยชาที่โยนมากระทบหัว เขียวช้ำเป็นแผลกว้าง

น้ำชาไหลลงอาบแก้มของเขา ใบชาเปื้อนไปทั้งตัว

เขาก็ยังไม่ขยับ

“พ่อคะ” เซียวชูหรันร้องเรียกอย่างเจ็บปวดใจ ดวงตาแดงก่ำ

ตัวเธอเองถูกลบหลู่ได้ แต่ยอมไม่ได้ที่จะให้ใครมาลบหลู่พ่อของตน

เซียวฉางควนยอมปล่อยให้น้ำตาไหลอาบหน้า เงยหน้ามาพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “แม่ครับ หากไม่มีธุระอย่างอื่น พวกเราขอตัวกลับก่อน”

พูดเสร็จ เขาหันไปพูดกับเย่เฉินกับเซียวชูหรันว่า “เราไปกันเถอะ” หันไปแล้วเดินออกไป อย่างไม่หันกลับมาอีก

เซียวชูหรันเช็ดน้ำตา มองดูทุกคนด้วยความเกลียดชัง แล้วก็หันหน้าเดินจากไปอย่างไม่ลังเล

เย่เฉินไม่แม้แต่จะมองใครสักคน แล้วก็หันหน้าจะเดินจากไป

เซียวฉางเฉียน โกรธจนแทบจะระเบิด