ตอนที่ 319 ความผิดนาง
ตอนที่ 319 ความผิดนาง

“คุณหนู ท่านอย่าไปเลย!” คนใช้เอ่ยย้ำ “คนใช้ของเขาเข้ามาแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว อีกทั้งยังพาคนคุ้มกันมาด้วยสองสามคน! เดี๋ยวข้าจะตามคนของเราไปขับไล่พวกเขาเอง”

“เจ้าไม่จำเป็นต้องไล่พวกเขาหรอก” ซูหวานหว่านเอ่ยออกมา ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงประตูห้องข้าง ๆ ถูกเปิดพร้อมกับฉีเฉิงเฟิงที่เดินออกมา “คนจากบ้านตระกูลเย่มางั้นเหรอ?”

“ใช่” ซูหวานหว่านพยักหน้าและพูดกับคนใช้ว่า “ออกไปบอกพวกเขาว่าข้ากำลังเตรียมตัว และให้พวกเขารอข้าก่อน”

คนรับใช้ตกตะลึงเมื่อได้ยินดังนี้ วันนี้สองพี่น้องตระกูลเย่ได้มาทำเรื่องที่ผิดศีลธรรมที่บ้านตระกูลจ้าว พวกเขานั้นรู้ดีว่าหากซูหวานหว่านไปที่บ้านตระกูลเย่ แน่นอนว่านางจะต้องตกอยู่ในอันตราย!

“อย่าพยายามเกลี้ยกล่อมนางเลย เจ้าทำตามที่นางบอกก็พอ” ฉีเฉิงเฟิงก็รู้ดีว่าซูหวานหว่านทำเพียงตอบรับไปเท่านั้น และนางไม่มีทางออกไปแน่ ๆ!

ที่เอ่ยออกไปแบบนั้นก็เพื่อที่จะยื้อเวลาเอาไว้!

คนใช้ทำตามคำสั่งของซูหวานหว่าน ทำให้คนของตระกูลเย่ยืนรอนางอยู่ท่ามกลางสายลมอันเหน็บหนาว รออยู่นานก็ไม่มีผู้ใดออกมา พวกเขาจึงถามออกมาว่า “คุณหนูพวกเจ้าเตรียมตัวเสร็จหรือยัง! นี่มันก็ผ่านไปหนึ่งชั่วยามแล้วนะ! ถ้านางไม่ยอมออกมา พวกเราคงจะต้อง…”

“แล้วพวกเจ้าจะทำอย่างไร?” คนรับใช้ตระกูลเจ้าที่เฝ้าอยู่หน้าประตูถามออกมาอย่างดุดัน พวกเขาปิดประตูกระแทกเสียงดังเพื่อปกป้องซูหวานหว่าน เพราะว่านางดีกับคนใช้อย่างพวกนางมาก และไม่มีวันที่จะให้ซูหวานหว่านได้รับอันตรายใด คนใช้คนนั้นก็พูดออกมาอย่างโกรธเคืองว่า “พวกเจ้านี่มันอาจหาญยิ่งนักที่จะกล้ามาจับนาง คุณหนูของเราเป็นหญิงฉลาด ว่องไว อ่อนโยน และมีคุณธรรม จะไปเหมือนกับคุณหนูของพวกเจ้าได้อย่างไรกันที่ต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง! พอเกิดเรื่องขึ้นก็ให้พ่อส่งคนมาตามตัวคุณหนูของเราไป ข้าอยากถ่มน้ำลายใส่จริง ๆ!”

“เจ้ากล้าพูดเช่นนี้เลยหรือ! เจ้ารู้ไหมว่าคุณหนูของเรา…”

คนใช้ของทั้งสองตระกูลต่างโต้เถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร จนกระทั่งคนใช้ตระกูลเย่เอ่ยว่า “วันนี้คุณหนูของพวกเจ้าคงจะไม่ออกมาใช่หรือไม่! ข้าจะได้กลับไปรายงานเรื่องนี้แก่นายท่าน!”

แท้จริงแล้ว พวกเขาก็แค่หาข้ออ้างเท่านั้น! พวกเขาจะกล้าดีไปรายงานกับนายท่านได้อย่างไรตอนนี้นายท่านกำลังขุ่นเคืองใจเป็นอย่างมาก หากพวกเขาไปรายงานเรื่องนี้ หัวของเขาหลุดออกจากบ่าแน่!

คนใช้ของตระกูลจ้าวจึงเอ่ยว่า “พวกเราก็ไม่แน่ใจเช่นกัน แต่นางเป็นคนบอกข้าเองว่าจะออกมา พวกเจ้ารอก่อน!”

พูดจบคนใช้ทั้งสองคนก็ยืนพิงประตูและฮัมเพลงออกมา สีหน้าของคนตระกูลเย่แปรเปลี่ยนไป และทำได้เพียงยืนรอเท่านั้น

หลังจากยืนตากลมหนาวมาทั้งคืน พลันกลิ่นเนื้อก็ลอยออกมา คนใช้ของตระกูลเย่ทั้งกระหายน้ำทั้งง่วงนอน แต่คนใช้ของตระกูลจ้าวที่อยู่ด้านในก็นั่งกินข้าวอยู่ด้านใน พวกเขากินข้าวอย่างมีความสุขพลางเอ้ยเยาะเย้ยออกมา “คุณหนูของเราดีมาก ผู้ชายที่เฝ้ากะกลางคืนก็ได้กินเนื้อย่างอย่างดี ข้าอยากจะถามหน่อยว่าคนใช้ของตระกูลเจ้ามีแบบนี้บ้างไหม?”

ตระกูลเย่มีที่ไหนกัน! คนรับใช้ของตระกูลเย่ก็รู้สึกผิดจนอยากจะร้องไห้ออกมา ค่ำคืนนี้มันช่างหนาวเหน็บและง่วงนอนมาก หลังจากที่พวกเขาโดยคนรับใช้ของบ้านตระกูลจ้าวพูดกรอกหู คนใช้ตระกูลเย่มีแนวคิดที่ฝังลึกว่าซูหวานหว่านเป็นคนดีมาก ซูหวานหว่านอ่อนโยน เอาใจใส่ สวย และใจดี…

วันรุ่งขึ้นที่สว่างสดใส

มีน้ำค้างแข็งเป็นสีขาวเกาะอยู่บนศีรษะของคนใช้ตระกูลเย่ และทันใดพวกเขาก็ได้ยินเสียงประตูถูกเปิดออกมา และได้ยินซูหวานหว่านพูดออกมาว่า “วันนี้ข้ารู้สึกปวดหัวมาก ข้าคงไม่ไปแล้ว พวกเจ้ากลับไปบอกเจ้านายของพวกเจ้าเถอะ ถ้าเจ้านายของเจ้าโกรธไม่พอใจข้า ก็ให้เขามาหาข้าที่นี่ด้วยตนเอง”

“เอ่อ…” คนรับใช้ของตระกูลเย่ต่างมองหน้ากันแล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ต้องทำตามคำพูดของซูหวานหว่าน แล้วพวกเขาก็กลับไปที่บ้านตระกูลเย่ ทันทีที่นายท่านเย่ได้ยินคำพูดที่คนใช้รายงาน ก็ยิ่งโกรธมากขึ้นกว่าเดิมและชี้นิ้วพูดออกมาอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ซูหวานหว่านคนนี้มันไม่รู้อะไรสักอย่าง! เป็นความผิดของนางยังไม่รู้ตัวอีกหรือ! แล้วแถมยังต้องให้ข้าไปหานางถึงที่ประตูบ้านด้วยตัวเองอีก สามหาวนัก!”

“นายท่าน ข้าว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ เพราะว่าบางทีมันอาจจะทำให้เรื่องของคุณหนูและคุณชายถูกแพร่กระจายออกไปมากกว่านี้ได้…” คนใช้ก้มหน้าลงและเอ่ยเตือนออกมา

แต่พ่อของเย่เฉินหลิงกลับไม่ฟัง ตอนนี้ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธ และพูดออกมาว่า “หุบปากซะ! ข้าจะไปมิฉะนั้นคนเขาก็เอาไปพูดได้ว่าคนของตระกูลเย่สามารถมารังแกกันได้ง่าย ๆ!”

หลังจากพูดออกมาอย่างนั้น พ่อของเย่หลิงเฉินก็สั่งให้คนใช้ไปเตรียมรถม้าแล้วตรงไปที่บ้านของตระกูลจ้าวทันที

ใช้เวลาไปเพียงครู่เดียวนายท่านเย่ก็เดินทางมาถึงบ้านตระกูลจ้าว นายท่านเย่นำตราสัญลักษณ์ตัวเองออกมาให้คนใช้ดู จนคนใช้ที่เฝ้าประตูบ้านของตระกูลจ้าวไม่กล้าขวางทาง และพวกเขาก็พากลุ่มคนเดินตรงเข้าไปในบ้านของซูหวานหว่านโดยไร้ความเกรงใจ เขาก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังกินข้าว จึงเอ่ยขึ้นมาด้วยความโกรธจัด “ซูหวานหว่าน! นี่เจ้า…”

ยังไม่ทันสิ้นประโยคก็เหลือบไปเห็นฉีเฉิงเฟิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ นั่นทำให้เขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะโค้งทำความเคารพ “องค์ชายสาม”

“อืม” ฉีเฉิงเฟิงตอบรับพร้อมกับวางตะเกียบลง “นายท่านเย่ ท่านคงจะรู้เรื่องที่เกิดอะไรขึ้นเมื่อวานนี้แล้วใช่หรือไม่? เรื่องนี้มันช่างเจ็บปวดมาก ลูกสาวของเจ้าโดนหลานชายของเจ้าทำเรื่องแบบนั้น เจ้าจะทำอย่างไร?”

หลังจากได้ยินแบบนี้ นายท่านเย่ก็รู้สึกไม่มีความสุขและกล่าวออกมาทันทีว่า “องค์ชายสาม ข้ารู้ทุกอย่าง! คุณหนูสวีได้พูดบอกหมดแล้วว่าคุณหนูจ้าวเป็นคนทำ! หลานชายและหลานสาวของข้าก็บอกด้วยว่าทั้งหมดนี้มันเป็นเพราะซูหวานหว่าน! ถ้าไม่ใช่เพราะนางไปยั่วยวนหลานชายของข้า หลานสาวของข้าคงจะไม่กลายเป็นเช่นนี้…”

“นั่นมันไม่ใช่เพราะข้าจริง ๆ” ซูหวานหว่านเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา แล้วสั่งให้คนใช้ไปนำของขวัญที่เย่ซิงซินให้ออกมา และซูหวานหว่านก็ค่อย ๆ เปิดบทสวด และนายท่านเย่ก็พูดออกมาว่า “ดูสิ! ลูกสาวของข้าให้บทสวดนี้กับเจ้า! แต่เจ้ากลับทำให้นางกลายเป็นแบบนั้นเสียได้!”

“อย่าเพิ่งด่วนสรุปไปเสีย ซูหวานหว่านเหลือบมองนายท่านเย่ แล้วโยนบทสวดลงบนพื้น แล้วผงขาวก็ฟุ้งกระจายออกมาทันที “เจ้าเห็นไหมว่านี่มันมันคือผงยาอะไร มันอยู่ตั้งแต่ตอนที่นางนั้นส่งบทสวดนี้มาให้ข้าแล้ว ทีนี้เจ้าจะอธิบายถึงยานี้ว่าอะไร? เจ้าช่วยอธิบายได้ไหมว่านางต้องการที่จะทำอะไรกับข้ากันแน่?”

“เจ้านี่ นี่…” เหล่าเย่ตกตะลึงและลงมือตรวจสอบ เมื่อพบว่าไม่ได้ถูกซูหวานหว่านสร้างหลักฐานปลอมขึ้นมา และหัวใจของเขาก็ตกลงสู่ก้นบึ้งทันที

ฉีเฉิงเฟิงก็กล่าวออกมาทันทีว่า “ในเมื่อท่านรู้ข้อเท็จจริง? เจ้าอยากจะที่นั่งกินอาหารด้วยกันก่อนหรือไม่?”

ฉีเฉิงเฟิงกำลังเอ่ยวาขาไล่เขา! เนายท่านเย่ลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าอันโกรธเคือง และกล่าวว่า “วันนี้นั้นมีเรื่องมากมาย ขอบคุณองค์ชายสามที่เชิญข้า แต่ข้าคงจะต้องขอตัวกลับก่อน”

“อืม” ฉีเฉิงเฟิงพยักหน้า

“เดี๋ยวก่อน” ซูหวานหว่านพูดขึ้น นายท่านเย่ว่าซูหวานหว่านจะไม่ปล่อยตัวเขาไป แต่ซูหวานหว่านก็ได้ให้คนใช้นั้นห่อของทั้งหมดที่เย่ซิงซินส่งให้นางมา ให้นายท่านเย่นำกลับไปด้วย…แม้กระทั่งผ้าปูที่นอนเปื้อนเลือดสีแดงนั่น!

“นั่นคือหลักฐานการยืนยันความบริสุทธิ์ครั้งแรกของเย่ซิงซิน ท่านนั้นได้โปรดเอากลับไปเป็นของที่ระลึกให้นางดู” ซูหวานหว่านพูดออกมา และสั่งให้คนใช้ออกไปส่งแขก

หลังจากที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว ทั้งหมดมันเป็นเพราะคุณหนูสวี นายท่านเย่เดินออกไปด้วยท่าทางที่เคร่งขรึมแต่ไม่ได้เดินกลับไปที่บ้านของตัวเองแต่อย่างใด หากแต่มุ่งตรงไปที่วัง

ซูหวานหว่านนั่งมองชายที่หล่อเหลาข้าง ๆ ตัวเอง และกล่าวว่า “เจ้ากินให้อร่อย พรุ่งนี้ก็จะเป็นงานแต่งงานของเจ้าแล้ว”

“ขอบคุณสำหรับคำอวยพรฮูหยิน แต่ข้าคิดว่าพรุ่งนี้ข้าคงไม่ได้แต่งงานแล้ว” ฉีเฉิงเฟิงก็พูดออกมา พร้อมกับเอื้อมมือไปบีบใบหน้าเล็ก ๆ ของซูหวานหว่านที่แล้วกล่าวออกมาอีกว่า “ไปกัน ข้าจะพาเจ้าเข้าไปที่วังเพื่อดูอะไรสนุก ๆ”