ตอนที่ 1858 ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น (3) / ตอนที่ 1859 ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น (4)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 1858 ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น (3)

ใบหน้าของนางกระตุกเพราะความโกรธ ร่างบอบบางของนางสั่นและปล่อยบรรยากาศเย็นเยียบออกมา

พูดอีกอย่างก็คือการจัดการกับมู่เสวี่ยซินสำคัญกว่าฉีซูดังนั้นนางจึงจะละเว้นชีวิตเขาไว้สักพัก!

“แม่ทัพหลี่ ตามข้าไปเยี่ยมจักรพรรดิ!” พระสนมฉินสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วยืนขึ้นจากเก้าอี้ยาว

เวลาที่ฝ่าบาทต้องกินยาผ่านไปแล้ว และนางก็มั่นใจในตัวของแพทย์หลวงอวี๋ว่าเขาจะทำสำเร็จ…

ณ ตำหนักบรรทมของจักรพรรดิ

องค์ชายน้อยคุกเข่าอยู่ข้างแท่นบรรทมของจักรพรรดิแล้วร้องไห้ไม่หยุดราวกับว่าจักรพรรดิถึงคราวสิ้นใจแล้ว แต่ว่าศีรษะของเขาฟุบอยู่กับเตียงดังนั้นจึงไม่มีใครเห็นว่าเขาแค่ส่งเสียงร้องแต่ไม่มีน้ำตา ใบหน้าเขาไม่มีน้ำตาแม้แต่หยดเดียว

แน่นอนว่าองค์ชายร้องไห้คร่ำครวญอย่างบีบคั้นหัวใจจนทำให้ขุนนางที่ดูอยู่ในห้องอารมณ์สั่นไหว

“เฮ้อ องค์ชายน้อยกตัญญูจริงๆ เขามาเยี่ยมฝ่าบาททุกวันแต่เทียบกันแล้วข้าล่ะสงสัยจริงๆ ว่าองค์หญิงสี่หายไปไหน”

“ฝ่าบาทรักและเอ็นดูองค์หญิงสี่มากที่สุด และตอนนี้นางก็ทำตัวอกตัญญูจริงๆ ! นางเทียบไม่ได้กับผมสักเส้นขององค์ชายน้อยด้วยซ้ำ”

ขุนนางทุกคนส่ายหน้าแล้วถอนหายใจอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เพราะว่ามู่เสวี่ยซินไม่ได้มาที่ตำหนักบรรทมของจักรพรรดิสองสามวันก็ทำให้คนอื่นรู้สึกผิดหวังอย่างยิ่งแล้ว ถึงอย่างไรฝ่าบาทก็รักองค์หญิงสี่มากที่สุด!

“คำนับพระสนมฉินเพคะ” เสียงคำนับดังขึ้นจากข้างนอกอย่างต่อเนื่อง ไม่นานพระสนมฉินก็เข้ามาแล้วเดินไปยังแท่นบรรทมของจักรพรรดิช้าๆ

“องค์หญิงสี่ไม่มางั้นหรือ” พระสนมฉินทำสีหน้าไม่พอใจ “องค์หญิงสี่ผู้นี้ทำเกินไปแล้ว ฝ่าบาทล้มหมอนนอนเสื่อแต่ยังไม่คิดจะมาอยู่เคียงข้างเขา เมื่อวานนี้ นางยังมาหาข้าแล้วบอกว่าตัวเองรักฉีมั่วจากตระกูลฉี แล้วอยากจัดงานแต่งงานของพวกนางที่ตำหนักของฝ่าบาทอยู่เลย”

“อะไรนะ” คำพูดของพระสนมฉินเหมือนกับค้อนหนักๆ แล้วทำให้ทุกคนตะลึงจนหน้าซีดอย่างไม่ต้องสงสัย

“องค์หญิงสี่อยากแต่งงานกับฉีมั่วงั้นหรือ นางมีสัญญาหมั้นหมายกับฉีซูไม่ใช่หรือ”

“ถึงแม้ว่าฉีซูจะโดนไล่ออกจากตระกูลฉีก็เถอะ และตอนนี้ฝ่าบาทก็ประชวรหนักแล้วนางยังจะกังวลเรื่องของตัวเอง แต่ละทิ้งฝ่าบาทไปโดยไม่ใส่ใจอะไรเลยงั้นหรือ”

เพราเรื่องนี้ทำให้ขุนนางทุกคนไม่ชอบการกระทำของมู่เสวี่ยซิน และขุนนางสองสามคนก็ยังเชื่อว่านางเป็นคนอกตัญญูอีกด้วย

รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของพระสนมฉินขณะที่นางหลุบตาเพื่อปกปิดความพึงพอใจ นางมองบุรุษที่นอนป่วยอยู่บนเตียงเงียบๆ ด้วยดวงตาที่เป็นประกายเย็นชา

ฝ่าบาท ในเมื่อฝ่าบาทรักองค์หญิงสี่มากนักและลืมจักรพรรดินีไม่ได้ อีกไม่กี่วันพระสนมของฝ่าบาทก็จะส่งฝ่าบาทไปอยู่ร่วมกับครอบครัวฝ่าบาทแล้ว!

“องค์หญิงสี่!” ตอนที่พระสนมฉินกำลังคิดอยู่ว่าจะทรมานมู่เสวี่ยซินอย่างไร เสียงของนางกำนัลก็ดังขึ้นจากด้านนอก

ไม่นานมู่เสวี่ยซินในชุดสีชมพูก็เดินเข้ามา นางเห็นพระสนมฉินยืนอยู่ในห้องทันที ดวงตาของนางปรากฏร่องรอยความเกลียดชัง

“องค์หญิงสี่ ในที่สุดก็มาเสียที” พระสนมฉินยิ้มบาง “หม่อมฉันคิดว่าพระองค์จะไม่สนใจฝ่าบาทเสียแล้ว เช่นนั้นฝ่าบาทคงเสียเวลารักและทะนุถนอมพระองค์ไปอย่างเปล่าประโยชน์”

มู่เสวี่ยซินส่งเสียงขึ้นจมูก “การที่มานั่งเฝ้าเสด็จพ่อเป็นการแสดงความกตัญญูงั้นหรือ ถ้าเจ้ามีพลังงานเหลือเหตุใดไม่ไปหาทางช่วยชีวิตฝ่าบาทล่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นองค์หญิงสี่เจอวิธีรักษารักษาฝ่าบาทหรือยังเพคะ” ดวงตาของพระสนมฉินเป็นประกายขณะที่ถามอย่างอ่อนโยน

มู่เสวี่ยซินกัดปาก “ตอนนี้ข้ายังหาไม่เจอแต่ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยชีวิตฝ่าบาท!”

“อย่างนั้นหรือเพคะ” พระสนมฉินยิ้มเยาะและดวงตาของนางก็แสดงความเหยียดหยามอย่างชัดเจน ขุนนางทั้งหลายที่อยู่ที่นี่ก็ไม่อยากเห็นฉากนี้อีก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะจับผิดองค์หญิง

ตอนที่ 1859 ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น (4)

“องค์หญิงสี่ ฝ่าบาทเหลือเวลาอยู่อีกไม่กี่วันแล้ว เพื่อตอบแทนความรักตลอดหลายปีที่ฝ่าบาทมีให้ สองสามวันนี้พระองค์ก็ควรจะอยู่เคียงข้างฝ่าบาทนะพ่ะย่ะค่ะ” คนที่พูดคือบิดาของหลิวเยว่ หลิวอี้ซึ่งเป็นขุนนางในราชสำนัก

“ใช่แล้ว” ราชครูเจียวเองก็ส่งสายตาไม่ยอมรับไปให้มู่เสวี่ยซิน “สิ่งที่ท่านหลิวพูดมีเหตุผล ก่อนที่พระองค์จะมาที่นี่ พระองค์ทรงทำผิดต่อพระสนมฉินและองค์ชายน้อย แต่ว่าพระสนมฉินและองค์ชายอยู่เคียงข้างฝ่าบาทมาหลายวัน เทียบกับพระองค์แล้ว พระองค์หายตัวไปตลอดทั้งวัน! แต่ที่ไร้สาระยิ่งกว่านั้นก็คือพระองค์ยังขอให้พระสนมฉินจัดงานสมรสให้ในเวลาแบบนี้อีก”

“องค์หญิงสี่ ท่านจะมีความรู้สึกดีๆ ให้ฉีมั่วก็เป็นของพระองค์ เรื่องแต่ฝ่าบาทกำลังประชวรหนัก พระองค์ช่วยแบ่งเวลาจากความสัมพันธ์ส่วนตัวมาบ้างได้หรือไม่ พระองค์จะทำให้ฝ่าบาทผิดหวังงั้นหรือ” หลิวอี้พูดอย่างเกรี้ยวกราดขณะที่ทำสีหน้าเศร้าโศก

ทันใดนั้นมู่เสวี่ยซินก็เบิกตากว้าง

นางน่ะหรือรักฉีมั่ว แล้วยังขอให้พระสนมฉินจัดงานสมรสให้อีก สตรีผู้นี้จะหน้าไม่อายเกินไปหรือไม่

ทันใดนั้นมู่เสวี่ยซินก็จ้องพระสนมฉินอย่างเดือดดาล “พระสนมฉิน คนหน้าไม่อายอย่างเจ้ากล้าทำให้ข้าเสื่อมเสียงั้นหรือ ข้าไปรักกับฉีมั่วตั้งแต่เมื่อไหร่ เห็นได้ชัดว่าเป็นเจ้าต่างหากที่คนอยากให้ข้าไปเป็นอนุของฉีมั่ว!”

เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เสวี่ยซิน สายตาของขุนนางทุกคนก็หันมามองพระสนมฉิน

พระสนมฉินปิดปากด้วยความตะลึงแล้วส่งสายตาเจ็บปวดให้มู่เสวี่ยซิน สีหน้าของนางเหมือนกำลังกล่าวโทษว่ามู่เสวี่ยซินใส่ร้ายนาง

แน่นอนว่าตอนนี้พระสนมฉินแอบหยิกขาองค์ชายน้อยอย่างแรงขณะที่ทุกคนไม่ได้สนใจ แล้วทันใดนั้นน้ำตาก็ไหลออกจากดวงตาของเขาก่อนที่เขาจะกระโจนเข้าไปหามู่เสวี่ยซิน

“สตรีชั่วช้า เจ้าใส่ร้ายเสด็จแม่! ข้าเป็นคนเห็นกับตาว่าเจ้ากับลูกพี่ลูกน้องฉีมั่วหยอกล้อ เกี้ยวพากัน! ข้ายังเห็นเจ้าคุกเข่าต่อหน้าเสด็จแม่เพื่อขอให้จัดงานแต่งด้วย!” หมัดของเขาต่อยเข้าที่มู่เสวี่ยซินอย่างแรง

พูดตามตรงมู่เสวี่ยซินสามารถทำให้องค์ชายกระเด็นไปได้ด้วยมือเดียว แต่ตอนนี้มีกลิ่นอายที่แม่ทัพหลี่ปล่อยออกเพื่อกดดันไม่ให้นางขยับตัว แต่กลิ่นอายของเขาครอบคลุมแค่มู่เสวี่ยซินเท่านั้นส่วนคนอื่นไม่สามารถสังเกตเห็นได้

“สตรีชั่วช้า เสด็จพ่อรักเจ้าไปเสียเปล่าจริงๆ! เจ้าเป็นตัวโชคร้ายของราชวงศ์ เป็นตัวน่าอับอาย!” กำปั้นขององค์ชายน้อยทุบตีมู่เสวี่ยซินอย่างแรง นางทำได้แค่หายใจเฮือกด้วยความโกรธแล้วจ้ององค์ชายน้อยอย่างมุ่งร้าย

ถึงแม้ว่า…นางไม่ได้ขยับแม้แต่นิดเดียวแต่จู่ๆ องค์ชายน้อยก็กระเด็นออกไปกระแทกพื้นจนเกิดเสียงดัง

“องค์ชาย”

พระสนมฉินรีบวิ่งเข้าไปแล้วพยุงตัวองค์ชายน้อยขึ้น นางจ้องหน้ามู่เสวี่ยซินอย่างขมขื่นแล้วพูดว่า “ก่อนหน้านี้พระองค์มาเพื่อขอจัดงานสมรสและยังขอให้หม่อมฉันออกหน้ารับผิดว่าเป็นคนบังคับให้แต่งงาน พระองค์จะได้ไม่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนอกตัญญู แต่ว่าหม่อมฉันไม่อยากเห็นฝ่าบาทต้องเจอเรื่องน่าเศร้า ดังนั้นจึงต้องเปิดโปงเรื่องนี้”

“แต่ว่า…” น้ำตาไหลออกมาบนใบหน้าของพระสนมฉี “หม่อมฉันไม่คิดเลยว่าพระองค์จะสร้างข้อกล่าวหาแล้วใส่ร้ายหม่อมฉันแทน แค่เพราะว่าหม่อมฉันเปิดโปงใบหน้าที่แท้จริงของพระองค์ต่อหน้าทุกคนหรือเพคะ…

…พระองค์จะใส่ร้ายหม่อมฉันก็ไม่เป็นไรแต่เหตุใดต้องลงมือทำร้ายบุตรชายหม่อมฉันด้วย เขายังเป็นแค่เด็ก ไม่ว่าเขาจะทำผิดแค่ไหน พระองค์ทำร้ายเขาอย่างโหดร้ายแบบนี้ได้อย่างไร”

มู่เสวี่ยซินไม่เคยเจอคนหน้าไม่อายขนาดนี้มาก่อนจนนางตัวสั่นด้วยความโกรธ ใบหน้าเล็กสูงส่งของนางซีดเผือด

“ข้าไม่ได้ทำร้ายเขา เขาต่างหากที่ตีข้า!”

“องค์หญิงสี่” พระสนมฉินอุ้มองค์ชายน้อยแล้วยืนขึ้น ขณะที่ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเสียใจของนางจับจ้องไปที่มู่เสวี่ยซิน ไม่มีความโกรธปรากฏในดวงตาของนาง มีแต่ความไม่พอใจเท่านั้น “พระองค์กล่าวว่าไม่ได้ตีบุตรชายของหม่อมฉัน แล้วเหตุใดเขาถึงล้มล่ะเพคะ”