ตอนที่ 12 ที่มาส์กหน้า

The rise of the white lotus

ตอนที่12 ที่มาส์กหน้า

 

” นี่มันน่าหงุดหงิดจริง ” เล็กซี่คิดหาวิธีจัดการกับ ทานากะ เร็น อย่างโมโห เนื่องจากเธอรับปากกับอีธานด้วยความมั่นใจไว้แล้ว อนิจจา เธอรู้สึกกดดันด้วยเหตุผลบางประการ

 

“คุณควรพักผ่อนนะชู ~!” ชูรูหันมาสนใจเล็กซี่ โดยรู้สึกถึงความหงุดหงิดและความเครียดจากเธอ

 

เล็กซี่เปิดตาข้างหนึ่งของเธอขึ้น จากนั้นก็เหลือบมองไปที่ชูรู ที่จ้องมองเธอด้วยความกังวล ด้วยเหตุผลบางอย่าง เล็กซี่รู้สึกว่าเหมือนภาระของเธอถูกแบ่งเบาลงด้วยใครอีกคน

 

ต้องยอมรับว่าการมีชูรูอยู่ข้างกายนั้น ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เธอคิดในตอนแรก เมื่อมองย้อนกลับไป เล็กซี่ชอบทำงานคนเดียวเพราะกลัวว่าถ้าเธอเชื่อใจใคร อาจทำให้งานของเธอยุ่งเหยิง ดังนั้นเล็กซี่จึงห่างเหินกับทุกคน เว้นแต่ มอริสหลิวที่เป็นคู่หมั้น

 

อย่างไรก็ตามอดีตควรอยู่แค่ในอดีต และตอนนี้การที่เธอกลับมามีชีวิต และเจ้าเกี๊ยว น่ารักเพิ่มขึ้นมา มันก็ไม่เลวเลย

 

“เฮ้ เกี๊ยวน้อย เธออยากจะไป … ” เล็กซี่กำลังจะขอให้ชูรูไปชอปปิ้งกับเธอ และอาจจะไปสปาเพื่อผ่อนคลายสักหน่อย แต่ก็หยุดกลางคันเมื่อเธอคิดว่ามันดูไม่ถูกต้อง

 

“อะไรเหรอ ชู ~?!” ชูรูเอียงศีรษะด้วยความงงงวย

 

“ ฉันหมายความว่า…เธออยากทำเล็บไหม ” เล็กซี่กระแอมในลำคอแล้วกล่าวต่อ

 

“ฉันไม่มีเล็บนะ ชู ~” ชูรูบอกอย่างไร้เดียงสา เล็กซี่คิ้วกระตุกเมื่อได้ยินคำตอบที่ชัดเจนของเธอ แน่นอนว่าชูรูนั้นคล้ายกับของตุ๊กตายัดนุ่นราคาถูก ที่ไม่มีคุณสมบัติอื่นใดนอกจากใบหน้าน่ารักเท่านั้น

 

“ อ่า อือ…” เล็กซี่พึมพำ น่าแปลกทีเธอก็รู้สึกสงสารเจ้าเกี๊ยวน้อย ที่ไม่อาจสัมผัสสิทธิพิเศษเหล่านี้ในฐานะมนุษย์ได้ แต่พอนั่งคิดไปสักพัก เธอมองไปที่ใบหน้าน่ารักนั่น ก็มีความคิดผุดขึ้นมาในใจของเธอ

 

—-

 

” หืม? ” เล็กซี่คาดหวังปฏิกิริยาของชูรู ขณะนี้เนื่องจากเธอไม่สามารถพาชูรุไปสปา หรือแม้แต่ชอปปิ้งเสื้อให้เธอได้ เล็กซี่จึงตัดสินใจที่จะทำทุกอย่างด้วยตัวเอง เธอประหลาดใจมาก แม้ว่าคนอื่นจะมองไม่เห็นชูรุ แต่เธอดันสามารถใช้สิ่งของบางอย่างที่เล็กซี่มอบให้เธอได้ ดังนั้น เล็กซี่จึงซื้อมาส์กหน้าให้ตัวเอง และชูรู ซึ่งเป็นวิธีที่ประหยัดทั้งเงินและเวลาอย่างมาก

 

” ผ่อนคลายจังเลยนะชู~!” ชูรุแทบจะละลายไปกับความรู้สึกที่ได้สัมผัสกับแผ่นมาส์กบนใบหน้า  เล็กซี่ยิ้มด้วยความพึงพอใจเมื่อเห็นเจ้าเกี๊ยวกำลังตื่นเต้น

 

แน่นอนว่าเล็กซี่รักชูรุมากขึ้นเรื่อย ๆ จนตอนนี้เธอถือว่าชูรุเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของเธอ และอาจจะเป็นเหมือนน้องสาวที่เธอไม่เคยมี

 

“เอาล่ะ! อาวุธที่ดีที่สุดของฉันก็คือความสวยยังไงล่ะ!” เล็กซี่กล่าวอย่างไร้ยางอาย แล้วเธอก็นำมาส์กมาพอกหน้า อย่างไรก็ตามแม้ว่าเล็กซี่จะไม่ได้เข้าทำสปาในคลินิกราคาแพง แต่เธอก็พอใจเมื่อได้ทำสิ่งแปลกใหม่กับชูรุ

—–

 

“ชู – ฉันว่าฉันสวยขึ้นกว่าเดิมนะ ~!” ชูรูอุทานออกมา ขณะที่เล็กซี่กำลังเดินทางไปที่ร้านอาหารเล็ก ๆ ที่เธอเคยทานอาหารกับอีธานลู่ เนื่องจากเล็กซี่อยากทานบะหมี่ดันดันอีกครั้ง

 

ตั้งแต่อีธานพาเธอมาวันนั้น เธอก็ลองให้พ่อครัวลองทำบะหมี่ให้เธอกินดู แต่ไม่ว่ายังไง รสชาติที่กินเข้าไปมันก็ไม่เหมือนอยู่ดี ดังนั้น ไม่ว่าเธอจะต้องปิดปิดตัวตนด้วยหน้ากากและแว่นตาใหญ่แค่ไหน เธอก็ยอม

 

‘ ฉันรู้ คราวหน้าฉันจะทำให้เธอสวยขึ้นกว่านี้อีกดีไหม? ‘ เล็กซี่ตอบกลับในใจ

 

“จริงเหรอๆ?!” เมื่อได้ยินคำตอบของเธอดวงตาของชูรูก็ฉายแววคาดหวัง เธอกล่าวต่อ

” ทำไมคุณถึงได้ดีแบบนี้ล่ะ ชู ~?”

 

‘ ไม่รู้สิ ‘ เธอตอบตามจริง เล็กซี่เข้าไปในร้านอาหารที่เรียบง่าย ตามปกติสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย แต่ก็ยังมีพื้นที่เพียงพอสำหรับลูกค้าเพียงไม่กี่คนที่จะนั่ง และเพลิดเพลินกับบรรยากาศราวกับบ้านของตัวเอง

 

หลังจากที่ เล็กซี่นั่งลงในมุมหนึ่งของร้าน เธอสั่งอาหารอย่างไม่รีรอ ในไม่ช้ากลิ่นหอมน่าหลงใหลและอบอุ่นที่พระเจ้าสร้างขึ้นก็ถูกเสิร์ฟตรงหน้าของเธอ  เล็กซี่ยิ้มเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด

 

เมื่อรู้ว่าไม่มีใครจำเธอได้และอีธานลู่ก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ เล็กซี่จึงกินบะหมี่ในชามของเธออย่างเอร็ดอร่อย แต่ยังคงดูเรียบร้อยไว้

 

โดยไม่รู้เลยว่าขณะที่เธอกำลังสนใจอยู่กับอาหารตรงหน้า กลับมีใครคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้านด้วยใบหน้าราวกับถูกแกะสลักอย่างสมบูรณ์ ทันทีที่อีธานก้าวเท้าเข้ามาในร้านอาหาร สายตาของเขาก็ถูกดึงดูดโดยหญิงสาวคนหนึ่ง เธอยิ้มแย้มอยู่ที่มุมหนึ่งของร้าน ริมฝีปากของเขาเหมือนถูกทำให้ยกขึ้น