แดนนิรมิตเทพ บทที่ 477
กริ๊ง!
เสียงกริ่งที่ไม่มีใครสามารถได้ยิน แสงสีทองลอยออกมาจากยอดหัวของเฉินโม่ และลอยอยู่บนหัวของเฉินโม่ประมาณสามฟุต
เพียงแค่ความคิดของเฉินโม่มีการเคลื่อนไหว วินาทีถัดไปก็สามารถฆ่าเหรินเทียนหยู่ได้ในทันที
แต่ว่า เฉินโม่เปลี่ยนใจ เก็บกระบี่สับสวรรค์ สายตามองเหรินเทียนหยู่อย่างหยอกล้อ
ภายในสถานการณ์ ร่างกายของเหรินเทียนหยู่หยุดลงตรงหน้าของมู่หรงยานเอ๋อร์ประมาณหนึ่งเมตร ในแววตามีความตกใจ
“มู่หรงเค่อ นายมีลูกสาวที่ดีจริงๆ!”
มู่หรงเค่อใช้โอกาสนี้ ดึงตัวมู่หรงยานเอ๋อร์ไปหลบไว้ด้านหลัง มองเหรินเทียนหยู่ด้วยสีหน้าระมัดระวัง
“นายคิดจะทำอะไร!” มู่หรงเค่อสีหน้าร้อนรน
สายตาของเหรินเทียนหยู่ สำรวจมองมู่หรงยานเอ๋อร์ แล้วปรากฏแววตาลุกโชนอย่างไม่ปิดบัง
“ในตอนนั้นตระกูลมู่หรงของนายฆ่าครอบครัวฉันสิบกว่าชีวิต หากว่าตอนนี้ฆ่าพวกนายทิ้งซะอย่างนี้ ก็คงจะง่ายดายต่อพวกนายมากเกินไป”
เหรินเทียนหยู่ยิ้มอย่างหยอกล้อ “ถ้าหากว่าฉันยึดครองลูกสาวของนายต่อหน้านาย นายคงจะรู้สึกแย่มากเลยใช่มั้ยละ?”
มู่หรงยานเอ๋อร์ตกใจ อดไม่ได้ที่จะถอยหลังหนี ถลึงตาใส่เหรินเทียนหยู่ด้วยใบหน้าแดงก่ำ ในแววตา เต็มไปด้วยความโมโห
แม้ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ต้องตายแน่นอน มู่หรงเค่อก็ไม่หวาดกลัว แต่ตอนนี้ ในที่สุดเขาก็ไม่สามารถนิ่งเฉยได้อีก ตะคอกด่าว่า “แกกล้าเรอะ!”
เหรินเทียนหยู่เงยหน้าหัวเราะ “ทำไมฉันจะไม่กล้า!ฉันจะให้ตระกูลมู่หรงของนายได้รับความอับอายต่อหน้าผู้คนทั้งหมด จากนั้นก็ค่อยฆ่าพวกนายทิ้งให้หมด!”
มู่หรงเค่อตะคอกอย่างเคียดแค้นว่า “แกมันสัตว์เดรัจฉาน ตอนนั้นไม่ควรปล่อยให้แกหนีไปได้จริงๆเลย!”
เหรินเทียนหยู่ยิ้มเยาะ สีหน้าชั่วร้าย “นั่นคือพระเจ้าทนดูความเลวของตระกูลมู่หรงไม่ได้ ดังนั้นจึงไว้ชีวิตฉัน เพื่อให้ฉันมาทำลายล้างตระกูลมู่หรงของนาย”
“วันนี้ เป็นเวลาที่ตระกูลมู่หรงของนายต้องชดใช้ด้วยเลือด!”
เพี๊ยะ!
เหรินเทียนหยู่ตบมู่หรงเค่อกระเด็น ทันใดนั้น ร่างกายที่สวยงามของมู่หรงยานเอ๋อร์ก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเหรินเทียนหยู่
มองดูมู่หรงยานเอ๋อร์แล้วเหรินเทียนหยู่ก็เลียริมฝีปาก และหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน รอยแผลเป็นยาวบนใบหน้าทำให้ดูดุร้าย
มู่หรงยานเอ๋อร์ตกใจกลัวจนหน้าซีด และถอยหลังหนีไม่หยุด “นายอย่าเข้ามาใกล้นะ!”
มู่หรงเค่อตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากนั่งบนพื้น เช็ดเลือดที่มุมปากทิ้ง สายตาแดงเดือด “ไอ้เดรัจฉาน วันนี้ฉันจะตายไปพร้อมกับแก!”
“เสี่ยวตาว พร้อม!” มู่หรงเค่อตะโกนออกมา เสียงดังแกร๊กๆ ภายในห้องโถงมีเสียงงัดไกปืนดังขึ้น มือปืนเจ็ดแปดคนพุ่งออกมาจากกลุ่มผู้คน ล้อมเหรินเทียนหยู่ไว้ตรงกลาง ปากกระบอกปืนเล็งไปที่หัวของเหรินเทียนหยู่
“อ๊าก มีปืน!”
ภายในห้องโถงมีเสียงตกใจกรีดร้องดังขึ้น ทุกคนต่างก็ตกใจกลัวจนหนีกระเจิง มีบางคนถึงขั้นคลานลงพื้น สองมือกุมหัวไว้
ลุงสุ่ยจับหน้าอกไว้ เดินไปที่ข้างกายมู่หรงเค่ออย่างยากลำบาก แล้วส่ายหัวให้กับมู่หรงเค่ออย่างพ่ายแพ้ “ไม่มีประโยชน์ครับ เขาคือนักบู๊แดนในชั้นสูงสุด ปืนธรรมดาไม่สามารถทำร้ายเขาได้”
มู่หรงเค่อสีหน้าเศร้าใจ “ทำร้ายไม่ได้ก็ต้องลองสักตั้ง นี่คือหนทางสุดท้ายแล้วครับ!”
ลุงสุ่ยถอนหายใจ แล้วหลับตาลงอย่างจนใจ
มู่หรงเค่อตะโกนเสียงดัง “ยิง!”
ปังๆๆ!
มือปืนเจ็ดแปดคน ลั่นไกปืนพร้อมกัน เสียงดังทำเอาทุกคนกรีดร้องอย่างตกใจอีกครั้ง และคลานลงพื้นกันหมด
พวกอานเข่อเยว่และหนุ่มสาวทั้งหมดเองก็รีบร้อนคลานลงพื้นเช่นกัน ต่างก็ตกตะลึงหวาดกลัว
เหรินเทียนหยู่สีหน้าเรียบเฉย ฉีกยิ้มเยาะเย้ย เสียงปืนดังขึ้น เงาร่างของเขาได้หายไปจากที่
ลูกกระสุนไร้เป้าหมาย ยิงลงใส่ปืน สะเก็ดไฟกระจายไปทั่ว
“อ๊า!”
เสียงกรีดร้องดังขึ้น มือปืนทั้งหลายถูกเหรินเทียนหยู่ที่จู่ๆก็มาปรากฏตัวอยู่ด้านหลังปล่อยหมัดทำร้ายล้มลง