บทที่ 417 ท้าดวล

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 417 ท้าดวล
พอได้ยินคำพูดของหลิวชิงเหยา ซินเฉียงก็ตะลึงลานไปเลย เมื่อตั้งสติได้ ก็ปลื้มปีติอย่างสุดซึ้ง

ต่อให้เขาฝันก็ยังนึกไม่ถึง ว่าในหยุนชวน จะมีคนกล้าพูดจาแบบนี้กับนายท่านสามด้วย

ที่คาดไม่ถึงยิ่งไปกว่านั้นคือ คุณหนูใหญ่ที่น่ารักอ่อนหวานคนนี้ ยังมาแก้ต่างให้ตัวเองอีก

ทุกถ้อยคำช่างจับจิตจับใจสุดๆ เลย!

เขาซาบซึ้งน้ำตาปริ่ม เอ่ยว่า “ขอบคุณคุณหนูใหญ่มากครับ ที่เห็นใจ!”

“คุณหนูใหญ่ ผมซินเฉียงหวังดีกับตระกูลจ้าวจริงๆ ถึงปฏิเสธบริษัทไม่ดีบางแห่งไม่ให้เข้ามารุกล้ำ!”

“คุณหนูใหญ่หลักแหลมมาก!”

จ้าวเทียนจีหน้าขรึมลงในที่สุด

ไม่ว่าจะอย่างไร หลิวชิงเหยาก็คือลูกสาวบุญธรรมที่เพิ่งเข้ามาในตระกูลจ้าวคนหนึ่งเท่านั้น

หากพูดถึงลำดับอาวุโสและประสบการณ์แล้ว อย่างไรก็เกิดที่หลังเขา

กล้าดียังไงมาพูดกับเขาแบบนี้ ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้!

ฉินเทียนไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งอะไรระหว่างจ้าวเทียนจีกับหลิวชิงเหยา เพราะเขารู้ว่า สาเหตุที่หลิวชิงเหยาทำแบบนี้ ล้วนเป็นเพราะเขา

เขาถอนหายใจ พูดว่า: “นายท่านสาม เธออารมณ์ร้อนเพราะผม”

“คุณนั่งลง แล้วให้ผมอธิบายเถอะ”

จ้าวเทียนจีอยากเข้าใจในจุดนี้เช่นกัน ปกติอยู่ที่บ้าน หลิวชิงเหยาเคารพอาสามอย่างเขาคนนี้มาก

นอกจากเรื่องเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นแล้ว ไม่ว่าจะพูดถึงด้านอื่นด้านไหนของหลิวชิงเหยา ก็ทำให้คนชมชอบทั้งนั้น

จ้าวเทียนจีไม่มีลูกสาว พูดตามตรงแล้ว อาสามอย่างเขาคนนี้ ก็เอ็นดูหลิวชิงเหยาอยู่บ้างเหมือนกัน

สิ่งนี้ถึงได้ทำให้หลิวชิงเหยาย่ามใจและเหลิง

เขาเค้นเสียงในลำคอ เอ่ยเสียงเข้มว่า: “ชิงเหยา คุณฉินเป็นผู้มีพระคุณของตระกูลจ้าวเรา”

“ความแค้นเรื่องพ่อเธอ พี่ใหญ่ของอาพูดไปแล้ว ที่นี่มีสิ่งผิดปกติ จำเป็นต้องตรวจสอบความจริง”

“เหนือสิ่งอื่นใด อาไม่อนุญาตให้เธอเข้ามายุ่มย่าม!”

เขาวางอำนาจความอาวุโส หลิวชิงเหยาตื่นกลัว ทั้งพอได้ยินคำว่า “ความแค้นเรื่องพ่อ” เธอก็กัดฟันกรอด แล้วน้ำตาก็ปริ่มผ่าหน่วย

“โอ๋ๆ ไม่ร้องๆ”

“ยังมีผมอยู่นะ” จี้ซิงรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา เช็ดน้ำตาให้หลิวชิงเหยา

ทำเอาฉินเทียนอยากจะกลอกตามองบนเสียจริงๆ

ตอนพบกันครั้งแรก นายน้อยตระกูลจี้คนนี้ถือตนเหนือใคร อยากจะท้าดวลกับเขา เขาเองก็ยอมรับว่า จี้ซิงคือคู่ต่อสู้ที่หาตัวจับยากคนหนึ่ง

เพิ่งผ่านไปไม่กี่วัน จู่ๆ ภาพจำก็เปลี่ยนแนวมาเป็นแบบนี้เลยเหรอ?

นายน้อยผู้เย็นชาล่ะ? คาแรคเตอร์หายไปไหนแล้ว?

ไร้ศักดิ์ศรีเกินไปแล้ว!

เขาข่มอารมณ์โกรธเอาไว้: “ชิงเหยา เรื่องพ่อเธอ ฉันไม่อยากพูดเยอะ มีเพียงคำเดียวเท่านั้น”

“นั่นก็คือ ฉันฉินเทียน ไม่เคยทำเรื่องขัดต่อพ่อเธอและขัดต่อเป่ยเจียงเลย”

“ต่อไปเธอจะเข้าใจเอง”

“แต่ไม่ว่ายังไง นี่เป็นความแค้นระหว่างฉันกับเธอ คนอื่นไม่เกี่ยว”

“วันนี้ฉันมาที่นี่ เพราะบริษัทของภรรยาฉัน”

“พูดตามตรง ที่ฉันมาเยี่ยมสมาคมของพวกเธอได้ ถือเป็นการให้เกียรติพวกเธอแล้ว”

“ถ้าฉันไม่พอใจ คงไม่ทักทาย แล้วเปิดศึกไปเลยก็ได้ ถึงตอนนั้น หากมีใครกล้าขัดขวาง พวกเธอก็รู้วิธีการของฉันดี”

พูดมาถึงตรงนี้ น้ำเสียงก็เย็นเฉียบ แผ่ไอสังหารออกมา โดยไม่รู้ตัว

อุณภูมิทั่วห้องลดลง

สำหรับคำพูดของเขาแล้ว ไม่มีใครข้องใจแน่นอน

ในพิธีแต่งงานวันนั้น หลิวชิงเหยา จี้ซิงและคนอื่นๆ ต่างเห็นกับตาแล้วว่าฉินเทียนน่ากลัว และโหดเหี้ยมไร้ปราณีขนาดไหน

จ้าวเทียนจีรีบร้อนเอ่ยว่า: “คุณฉินใจเย็นครับ!”

“ผมจะจัดการให้เรียบร้อยแน่นอน”

“ชิงเหยา เรื่องที่นี่ปล่อยเป็นหน้าที่ของอาเอง เธอกับนายน้อยจี้กลับบ้านไปก่อน”

หลิวชิงเหยาดูเหมือนขยาดกลัวฉินเทียนนิดๆ เธอลังเลครู่หนึ่ง แล้วมองจี้ซิงอย่างน่าสงสาร พร้อมบุ้ยปากเอ่ยว่า: “เขาใจร้ายกับฉัน”

“เขาใจร้ายกับฉันไม่พอ ยังข่มขู่ฉันอีก”

“คุณว่า เขาฆ่าพ่อฉันยังไม่สาแก่ใจ ยังจะฆ่าฉันด้วยอีกคนหรือเปล่าคะ?”

“จี้ซิง คุณจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ?”

เมื่อท่าทางออเซาะน่าสงสารแบบนี้ หัวใจของจี้ซิงก็อ่อนยวบ

ความกล้ามาจุติ!

เขาตบหน้าอก แล้วพูดว่า: “ไม่ต้องห่วง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมเอง!”

มองฉินเทียน เขายิ้มเหี้ยมพูดว่า: “ไอ้แซ่ฉิน ระหว่างเรา ต้องดวลกันสักตั้ง”

“แกคิดว่า วันนี้แกยังจะหนีรอดไปได้อยู่เหรอ?”

“เรามาสู้กันสักยก ถ้าแกชนะ วันนี้ ฉันกับชิงเหยาจะทำเหมือนว่าไม่ได้มาที่นี่”

“แต่ถ้าแกแพ้ ก็ขอโทษด้วย ที่หัวของแก จะกลายมาเป็นแหวนแต่งงานที่ฉันใช้สู่ขอชิงเหยา”

ไอ้ชิบ….

ฉินเทียนหน้าเขียวปั๊ด

ใช้หัวของข้าเป็นแหวนสู่ขอแต่งงานของเอ็ง? ช่างพูดออกมาได้นะ

สีหน้าเขาเข้มขรึม แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า: “งั้นชาตินี้แกก็อย่าคิดว่าจะได้แต่งงานกับเธอเลย!”

“ทำไม?” จี้ซิงตามไม่ทันเล็กน้อย

ฉินเทียนเหยียดยิ้มเอ่ยว่า: “เพราะชาตินี้ แกไม่มีวันชนะฉันได้”

“ฉันก็อยากจะลองดู!”

จี้ซิงสีตาขรึมลง วินาทีนี้ เมื่อสะลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไป เขาคือตัวกระตุ้นสายวรยุทธโดยแท้

สมกับเป็นพวกบ้าบู๊ของตระกูลจี้ เวลานี้ท่าทีเปลี่ยนผัน ทั้งร่างเสมือนดาบคมออกจากฝักเล่มหนึ่ง

แตกต่างจากภาพลักษณ์ไร้เกียรติเมื่อครู่ โดยสิ้นเชิง

ซูซูมองฉินเทียนด้วยความกังวล

จ้าวเทียนจีสีหน้าเปลี่ยนไป แล้วรีบเอ่ยเสียงเบาว่า: “คุณฉินครับ อย่าสู่จะดีกว่า”

“ยังไงซะ เขาก็เป็นนายน้อยตระกูลจี้——”

ความหมายคือ หากฉินเทียนแพ้ ก็เท่ากับหาเรื่องใส่ตัว หากชนะ นั่นก็เท่ากับต่อต้านตระกูลจี้

ตระกูลจี้ ไม่ใช่ตระกูลที่ตระกูลจ้าวจะเทียบได้เลย

ฉินเทียนหัวเราะขึ้นมาทันที

การได้เจอคู่ต่อสู้ที่เก่งพอตัวไม่ใช่เรื่องง่าย เขาเองก็คันไม้คันมือแล้วเหมือนกัน

เขาตบซูซูเบาๆ ปลอบใจหน้าเปื้อนยิ้มว่า: “ไม่ต้องกลัว”

“เชื่อในความสามารถของสามีเธอสิ”

เขายืดอกขึ้น

จี้ซิงขบฟันพูดว่า: “ข้างๆ มียิมอยู่ห้องหนึ่ง กว้างมาก”

ฉินเทียนพยักหน้า: “ไปสิ”

ทั้งสองเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณการต่อสู้ สาวเท้าเดินออกจากห้องทำงาน เข้าไปที่ห้องยิมรวมห้องหนึ่ง ที่เชื่อมต่อกับห้องอีกหลายห้อง

จ้าวเทียนจีเฝ้ารอด้วยจิตใจกระวนกระวาย อยากจะเข้าไปดูการท้าดวล

ใครจะรู้ หลังจากทั้งคู่เข้าไป จี้ซิงอาจล็อกประตูเลยก็ได้

ไม่ให้เห็น?

ทุกคนได้แต่รออยู่ด้านนอกอย่างร้อนรนว้าวุ่น

ซูซูเหลือบมองหลิวชิงเหยา ชั่งใจครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อยว่า: “ฉันรู้ ว่าฉินเทียนเขาใช้ชีวิตผลัดถิ่นฐานไปเรื่อยๆ”

“เรื่องที่พวกเขาระหกระเหินไปเรื่อยๆ ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน”

“แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ถ้าพ่อเธอตายเพราะเขาจริงๆ อย่างนั้น ฉันขอโทษเธอแทนเขาด้วยแแล้วกันนะ”

เมื่อเห็นท่าทีของหลิวชิงเหยา ก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี

เพราะว่า ความเจ็บปวดที่ต้องสูญเสียพ่อ เธอเองก็เคยผ่านความทุกข์ทน อย่างแสนสาหัสมาก่อน

หลิวชิงเหยาตาแดงก่ำ กัดฟันกรอด พร้อมเอ่ยเสียงต่ำว่า: “นั่นเป็นเรื่องของฉันกับเขา เธอไม่ต้องมาขอโทษ!”

ซูซูยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ก็มีเสียงดังปัง ออกมาจากในห้อง

ทุกคนตกใจเตลิด

แม้จะมองไม่เห็น แต่ก็เงี่ยหูผึ่งกันถ้วนหน้า

ภายในห้อง สีหน้าจี้ซิงขึงขัง จิตวิญญาณการต่อสู้ท่วมท้น กลิ่นอายทั่วร่างหนาแน่น ไม่มีช่องโหว่ใดๆ ให้ผ่านแม้แต่น้อย

จู่โจมฉินเทียน อย่างสงบนิ่งดุจสาวพหรมจารี ปราดเปรียวว่องไวดุจกระต่าย

มวยทงปี้ มวยหย่งชุน จี๊ทคุนโด ปาจิฉวน จินกางฉวน หมัดตั๊กแตน……

ในบรรดากระบวนหมัด มีทั้งสับขาหลอก ตวัดขา เตะขา ยี่สิบสี่กระบวนขาของเส้าหลิน….

กล่าวได้ว่า กระบวนท่าในศิลปะการต่อสู้ทั่วไปในทุกวันนี้ เขาใช้มันทุกท่าแล้ว

เชี่ยวชาญทักษะได้มากมายขนาดนี้ หาได้ยากมาก ที่น่าชื่นชมยิ่งกว่าคือ เขาฝึกฝนแต่ละรูปแบบได้จนถึงขั้นสูง

ไม่ใช่แค่นั้น บางครั้งเขายังโจมตีด้วยกระบวนท่าที่ดัดแปลงเองได้อีกด้วย

สิ่งนี่ถึงกับทำให้ฉินเทียนได้เปิดโลกทัศน์

สมกับที่บ้าพลัง ก่อนหน้านี้ เขาประเมินนายน้อยคนนี้ต่ำไปจริงๆ

บทที่ 416 แกถูกไล่ออก

บทที่ 418 การสู่ขอล้มเหลว