ในการต่อสู้สองครั้ง สหายนักพรตตายไปแล้วสองคน

นักพรตที่เหลือรวมตัวทันทีขณะรักษาระยะห่างจากกู่ฉิงซานด้วยความระแวดระวัง

นักพรตคนหนึ่งตะโกนขึ้นว่า “วิชาดาบของเขาน่าสะพรึงกลัวเช่นกัน ดูท่าเฉิงเหล่าจะต้องมาด้วยตัวเองถึงจะสามารถจัดการได้”

ตอนนี้ มีเสียงอึกทึกอยู่ใต้ท้องนภา

ทุกคนมองลงไปจนเห็นว่าชายชราคนหนึ่งมาถึงในลานแล้ว

“เฉิงเหล่านี่”

“ดีเลย เฉิงเหล่าอยู่นี่แล้ว!”

“ทีนี้ก็หมดปัญหา”

นักพรตหลายคนเริ่มเปลี่ยนสีหน้าด้วยความยินดี

กู่ฉิงซานหันสายตาตามขณะมองลงไปจนเห็นชายชราผมขาวกับกล้องยาสูบแห้งยาวในมือ

คนคนนี้คือมือดีที่สุดหรือ

กู่ฉิงซานจ้องชายชรา

ชายชราหรี่ตาขณะมองกู่ฉิงซานด้วยความสงสัย

ชายชรากล่าวว่า “เจ้าหนู เจ้า…”

ใบหน้าของเขาพลันเปลี่ยนไป มือออกแรงบีบอย่างรวดเร็ว

เพียงพริบตา จิตดาบพุ่งออกจากดวงตาของกู่ฉิงซาน

เนตรสัจจะฟาดฟันวิญญาณ!

ทันใดนั้น ชายชราหายไปก่อนถูกลากเข้าสู่ความว่างเปล่าด้วยวิชาเนตรของกู่ฉิงซานก่อนถูกดาบฟาดฟันเป็นจำนวนมาก

ทุกสิ่งเกิดขึ้นเพียงแค่ช่วงประกายไฟ

“หืม ไม่ตายหรือ มีความสามารถเหมือนกันนี่” กู่ฉิงซานพึมพำ

ชายชราปรากฏขึ้นในจุดเดิมด้วยใบหน้าที่ตกตะลึง

ไม่มีบาดแผลบนตัวเขา

การที่สามารถรอดจากการโจมตีของกู่ฉิงซานจนไร้บาดแผลได้นั้น พละกำลังของชายชรานับว่าน่าทึ่งทีเดียว

“วิชาเนตรดาบหรือ เป็นวิชาที่หายากจริงๆ วิชาดาบยังไม่ถึงระดับนั้นแท้ๆ แต่กลับรู้วิธีลดพลังของดาบบินด้วย”

ชายชราเหาะขึ้นมาลอยอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับกู่ฉิงซาน

เมื่อเห็นกู่ฉิงซานกุมดาบยาวเอาไว้ ชายชรากลับหัวเราะออกมา

ชายชราเปลี่ยนเรื่อง “น่าเสียดาย พลังวิเศษของเจ้าไม่สามารถทำร้ายข้าได้ ข้าสามารถรวมพลังของผู้ฝึกยุทธระดับวงแหวนนภาห้าคนที่อยู่ที่นี่เพื่อเพิ่มพละกำลังให้กับตัวเองจนถึงระดับสามพันโลกได้ชั่วคราว”

กู่ฉิงซานถามว่า “ถ้าเจ้าไปถึงระดับสามพันโลกจริง ทำไมถึงไม่ฆ่าข้าล่ะ”

ระดับสามพันโลกคือระดับเดียวกับเซี่ยกูหง กู่ฉิงซานในตอนนี้อยู่เพียงระดับแสวงโลกาเท่านั้น ห่างจากระดับสามพันโลกถึงสองระดับใหญ่ เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายแม้แต่นิดเดียว

ชายชรากล่าวตามตรงว่า “มันไม่สำคัญว่าข้าจะบอกเจ้าหรือไม่ นี่คือพลังป้องกันของข้า มีกฎอันเข้มงวดในการหยิบยืมพลังของห้าคน: ข้าทำได้เพียงป้องกัน ไม่สามารถโจมตีได้”

“หรือก็คือ ข้าทำอะไรเจ้าไม่ได้และเจ้าก็ทำอะไรข้าไม่ได้สินะ” กู่ฉิงซานกล่าว

“ใช่แล้วล่ะ ดังนั้นเจ้าต้องเลือก” ชายชรากล่าว

“เลือกอะไร”

“ความเป็นหรือความตายของแม่นางจื้อลัวยังไงล่ะ”

กู่ฉิงซานเงียบ จิตสังหารแผ่ออกมาจากร่างกายของเขา

ดาบบินเจ็ดร้อยเล่มปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าตรงด้านหลังของเขาขณะส่งเสียงหึ่งออกมา

“นี่เจ้าขู่ข้าหรือ” กู่ฉิงซานถามเสียงต่ำ

“เปล่า ข้าแค่พูดความจริง”

ชายชรานิ่งแล้วกล่าวต่อว่า “ถึงแม้ยอดเขาโลกอิสรภาพจะแข็งแรงและจื้อลัวจะมีการป้องกันมากมาย แต่สักวัน ภูเขาจะถูกทำลายโดยพวกข้าและนางจะถูกพวกข้าฆ่า”

สักวัน

ดูท่าตอนนี้จื้อลัวจะปลอดภัย

กู่ฉิงซานผ่อนคลายเล็กน้อย

“ข้าคิดว่าเจ้าจะไม่ฆ่าคนที่อยู่ที่นี่เสียอีก” เขากล่าว

ชายชรากล่าวว่า “นางมีพละกำลังอ่อนแอแต่กลับมีภูเขาเป็นของตัวเองอยู่ที่นี่ นางตระเตรียมการป้องกันมากมายเอาไว้ในภูเขา นางสามารถหาทางเอาชนะอุปสรรคต่างๆ ได้ ข้าคำนวณคร่าวๆ ดู ผลงานที่นางสร้างขึ้นมาใกล้หมดแล้ว”

“แสดงว่าเจ้าก็จะสามารถฆ่านางได้อย่างไร้ยางอายใช่หรือไม่” กู่ฉิงซานถาม

“ใช่ นี่ก็เรื่องหนึ่ง แต่ที่สำคัญกว่านั้น เจ้าห่วงนางจากก้นบึ้งของหัวใจหรือเปล่า ถ้าเจ้าไม่ไป เช่นนั้นพวกข้าสัญญาว่าจะไม่ฆ่านาง”

ชายชราหรี่ตาก่อนยิ้มออกมาราวกับหมาป่าเจ้าเล่ห์ผู้โหดเหี้ยม

“ข้าอยากฆ่าเจ้าเสียแต่ตอนนี้เลย” กู่ฉิงซานกระซิบ

ชายชราส่ายหน้าก่อนจงใจถอนหายใจออกมา “เจ้าฆ่าข้าไม่ได้หรอก พลังวิเศษของเจ้าสามารถใช้ได้อย่างมากครึ่งชั่วโมง ในระหว่างนี้ เจ้าก็จะไม่สามารถก้าวข้ามภัยพิบัติเพื่อออกไปจากที่นี่ได้ อีกทั้งยังไม่สามารถรอให้พลังวิเศษสิ้นสุดลงได้ด้วย”

“เจ้าหนุ่ม ทีนี้เจ้าควรตัดสินใจได้แล้ว”

“ตราบที่เจ้าอยู่ที่นี่เพื่อเต็มใจช่วยนาง ข้าสัญญาว่านับจากนี้ไป เจ้าสามารถใช้ชีวิตอยู่กับนางราวกับภูตได้”

“แต่ถ้าเจ้าวางแผนที่จะก้าวข้ามภัยพิบัติเพื่อออกไป เช่นนั้นเจ้าก็รอนางตายด้วยมือของพวกข้าได้เลย”

กู่ฉิงซานตั้งใจฟัง ไม่พูดอะไรออกมาสักพักใหญ่

ชายชรากล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “นางเคยช่วยเจ้าก้าวข้ามภัยพิบัติไฟมาแล้วครั้งหนึ่ง ข้าเดาว่าความสัมพันธ์ของพวกเจ้าคงดีทีเดียว ถ้างั้น เจ้าอยากให้นางตายหรืออยากอยู่กับนางไปตลอดกาลล่ะ”

ทันใดนั้น กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ถ้านางไม่มีความดี เจ้าก็ตัดสินใจที่จะฆ่านาง ตรงกันข้าม ถ้านางมีความดี เจ้าก็ไม่อยากฆ่านาง แสดงว่าความดีของนางเป็นประโยชน์กับเจ้า เจ้าก็เลยกระตือรือร้นที่จะได้ความดีนั่นมาใช่ไหมล่ะ”

ชายชราจ้องเขา

กู่ฉิงซานกล่าวอีกว่า “เจ้ากระตือรือร้นที่จะได้ความดี นั่นแสดงให้เห็นว่าความดีคือสิ่งที่ดีในโลกใบนี้”

“แน่นอนว่าหากข้าอยู่ที่นี่ เจ้าก็สามารถได้รับความดีใหม่เช่นกัน”

“ดังนั้นเจ้าก็เลยอยากให้ข้าอยู่ด้วยวิธีการอันน่ารังเกียจ นั่นก็เพราะความละโมบในความดีของข้า”

ชายชราเงียบไปสักพัก

ไม่ใกล้จากด้านหลังของเขา พวกนักพรตเผยความประหลาดใจออกมา

“เจ้าเด็กนี่ เจ้าเด็กนี่เป็นสัตว์ประหลาด” นักพรตคนหนึ่งพึมพำ

ชายชราสงบสติขณะมองตรงไปในดวงตาของกู่ฉิงซานแล้วกล่าวว่า “ไม่ว่าจะเป็นคนแบบไหน เจ้าก็เป็นแค่คนนอก ที่นี่ เจ้ามีแค่ต้องเลือกทางเดียว จะอยู่เพื่อช่วยนางหรือจะใช้ชีวิตเพียงลำพัง”

กู่ฉิงซานอดที่จะถอนหายใจไม่ได้

เขาไม่ได้วางแผนจะไปหาจื้อลัวอยู่แล้ว

เวลามีจำกัด ไม่เพียงแค่ต้องเผชิญหน้ากับนักพรตเหล่านี้เท่านั้น แต่ยังต้องรีบเอาตัวรอดจากภัยพิบัติไฟอีกด้วย

“เปิดค่ายกล!”

กู่ฉิงซานถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา

ดาบบินเจ็ดร้อยเล่มกระจายออกจากด้านหลังของเขาขณะเคลื่อนที่ไปมาจนเกิดเป็นค่ายกลดาบที่คุ้มกันอย่างแน่นหนา

ดาบบินเหล่านี้เชื่อมต่อกับจิตของเขา

กู่ฉิงซานถือดาบเสียงคลื่นเอาไว้ ทั่วทั้งร่างตกอยู่ในภวังค์

เขาเพิ่งเริ่มก้าวข้ามภัยพิบัติต่อหน้าทุกคน!

พวกนักพรตมองหน้ากัน

“กลายเป็นหมาป่าใจร้ายไปเสียแล้ว ไม่สงสัยเลยว่าทำไมความคืบหน้าในการฝึกฝนถึงได้ไวปานนี้” ใครบางคนกล่าว

“หืม แม่นางจื้อลัวที่น่าสงสารทำหลายสิ่งเพื่อเขา ใครจะไปคิดล่ะว่าหมอนี่ไม่สนใจนางแม้แต่นิดเดียว” ผู้ฝึกยุทธสาวคนหนึ่งกล่าว

นางอดรนทนไม่ไหวอีกต่อไปก่อนซัดวิชาใส่กู่ฉิงซาน

ทันทีที่วิชาเข้าสู่ระยะของค่ายกลดาบ มันถูกปิดกั้นโดยดาบบินทันที

“ตัง!”

มีเสียงเด่นชัดดังขึ้น

ดาบบินเปิดออกด้วยอาการสั่นไหว วิชาดังกล่าวสลายหายไป

กู่ฉิงซานลืมตาอันคมปลาบขึ้นมา

เขาคล้ายกับกลัวและยินดีเล็กน้อย เขากล่าวกับผู้ฝึกยุทธสาวด้วยความยินดีว่า “ขอบคุณ”

หลังจากพูดจบ เขาหลับตาลงอีกครั้งและเริ่มก้าวข้ามภัยพิบัติ

ผู้ฝึกยุทธสาวตกตะลึง

ขอบคุณข้าหรือ

ทำไมถึงต้องขอบคุณข้าล่ะ

ตอนนี้ มีเพียงเสียงของชายชราดังขึ้น

“ทุกคนหยุดโจมตีใส่เขา เพราะดาบบินนั่นเชื่อมต่อกับจิต เขาจะตื่นทันทีที่มีการเคลื่อนไหว”

ทันใดนั้น ทุกคนก็เข้าใจ

พูดตามตรง การก้าวข้ามภัยพิบัติไฟเปรียบเสมือนกับการเจอภาพมายาอันสิ้นหวังนับไม่ถ้วน

เมื่อนักพรตเข้าสู่ภาพมายา เขาจะตื่นตัวกับการเคลื่อนไหวของดาบบินที่อยู่ภายนอก สุดท้ายจะเข้าใจทันทีว่าตัวเองอยู่ในภาพมายา

นี่เท่ากับเป็นการช่วยให้เขาเป็นอิสระจากภาพมายา!

“เจ้าหนูนี่ ในเวลาแบบนี้ก็ยังอยากใช้พวกเราเพื่อเป็นอิสระจากภาพมายาของไฟงั้นหรือ!” ใครบางคนอดที่จะพูดแบบนั้นออกมาไม่ได้

“เพราะอย่างนั้นข้าถึงได้บอกไงว่าทุกคนอย่าลงมือ ตอนนี้พวกเราทำได้เพียงหวังว่าเขาจะตายอยู่ในภาพมายา!” ชายชราตะโกน

ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ

ในเวลาแบบนี้ การที่คิดใช้ศัตรูนับว่าเป็นอะไรที่เหลือเชื่อนัก

ช่างเป็นคนที่น่ากลัวอะไรอย่างนี้

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ

ร่างของกู่ฉิงซานค่อยๆ หายไปจากโลกใบนี้

เขาถึงกับรอดจากภัยพิบัติไฟมาได้เพราะเหตุนี้

พวกนักพรตมองมาที่เขา เขามองไปที่อีกฝ่าย ต่างฝ่ายต่างเห็นแววตาแห่งความเกลียดชังอันแรงกล้า

“ช่างเป็นผู้ใช้วิชาดาบที่เลือดเย็นอะไรอย่างนี้” ใครบางคนถอนหายใจ

“ข้าเกรงว่ามีเพียงคนเหี้ยมโหดเท่านั้นที่สามารถก้าวข้ามภัยพิบัติไฟได้” ใครบางคนกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด

ชายชราและนักพรตกลุ่มใหญ่มีใบหน้าเศร้าหมอง พวกเขารวมตัวกันสนทนาถึงเรื่องราวต่างๆ

ท้ายที่สุด พวกเขาก็ตัดสินใจได้

กลุ่มคนเหาะไปยังยอดเขาหมิงเช่อ สถานที่ที่จื้อลัวอยู่

เวลาผ่านไป

มีเสียงคำรามบนยอดเขาหมิงเช่อ

พวกนักพรตเปิดฉากโจมตีอย่างต่อเนื่องใส่ภูเขาลูกนี้

ต้องใช้เวลาหลายสิบวันจึงจะทำลายภูเขาลูกนี้ได้ทั้งหมด แต่พวกนักพรตไม่ได้วางแผนจะทำเช่นนั้น

หลังจากตัดสินใจที่จะสังหารจื้อลัว พวกเขาจะยึดครองภูเขาลูกนั้น

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง

ทันใดนั้น มีความรู้สึกแปลกประหลาดระหว่างสวรรค์กับปฐพี

พวกนักพรตหยุดมือคนแล้วคนเล่า

ทุกคนหน้าเปลี่ยนสีขณะมองชายชรา

“สวรรค์และปฐพีรับรู้แล้ว อีกสักพัก จะมีนักพรตที่จะก้าวข้ามภัยพิบัติไฟ วันนี้เป็นวันที่ดีจริงๆ ” ชายชรายิ้ม

“ใช่แล้ว ดูท่าวันนี้จะถูกกำหนดให้พวกเราได้รับความดี”

“ใช่แล้ว”

“เจ้านั่นคือสัตว์ประหลาดที่สวมหนังมนุษย์ อย่าไปสนใจ ขอแค่คนที่มาในคราวนี้เป็นคนปกติ พวกเราจะต้องได้ตัวเขามาอย่างแน่นอน”

“ถูกต้องที่สุด”

พวกนักพรตเห็นด้วยพร้อมยิ้มออกมา

“ไปกันเถอะ ภูเขาลูกนี้ค่อยมาจัดการทีหลัง” เฉิงเหล่าโบกมือ

ภายใต้การนำของเขา พวกนักพรตกลับคนแล้วคนเล่า

พวกเขามาถึงที่ลานอีกครั้งขณะรอการมาถึงของผู้มาใหม่อย่างเงียบงัน

หนึ่งอึดใจ

สองอึดใจ

สามอึดใจ

ม่านเปลวเพลิงปรากฏขึ้น

เห็นได้ชัดว่าร่างนั้นถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิง

ชายชราส่งสัญญาณ

พวกนักพรตทุกคนเริ่มงานเลี้ยงและสนุกสนานกัน

นักพรตคนหนึ่งเดินไปหาม่านเปลวเพลิงแล้วรอจนกระทั่งร่างดังกล่าวปรากฏขึ้น จากนั้นเขาเปิดปากพูดขึ้นทันทีว่า “ฮ่าๆๆ วันนี้มีสหายเต๋าใหม่มาที่นี่ด้วย ทุกคนยินดี…”

ทันใดนั้น เสียงของเขาติดขัด

ร่างดังกล่าวปรากฏขึ้นมาอย่างสมบูรณ์

กู่ฉิงซาน

ยังเป็นกู่ฉิงซาน

“ทำไมถึงเป็นเจ้า!” นักพรตคนนั้นอดที่จะถามเสียงหลงไม่ได้

กู่ฉิงซานตอบว่า “ใช่ ยังเป็นข้า”

เขายังยืนนิ่ง ดาบบินกระจายตัวมาห้อมล้อมทั่วลานอย่างแน่นหนา

นักพรตทุกคนที่แสร้งทำตัวสนุกสนานต่างตกตะลึง

ทุกคนรู้อย่างหนึ่ง

ชั่วชีวิตของนักพรตคนหนึ่งจะต้องเจอกับภัยพิบัติไฟสามครั้ง มีระดับเบิกเนตรมิติ ระดับแสวงโลกาและระดับวงแหวนนภา

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป กลิ่นอายของคนคนนี้ไปอยู่ระดับวงแหวนนภาแล้ว

หรือก็คือ เขามาที่นี่เพื่อพัฒนาสู่ระดับสามพันโลก!

นี่ช่างเป็นสิ่งที่เหลือเชื่ออะไรอย่างนี้

“ทำไมกัน” ชายชราถามอย่างขมขื่น

“ก็แค่กินยาเข้าไปน่ะ ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้าเคยได้ยินชื่อยาเม็ดพัฒนาหรือไม่” กู่ฉิงซานตอบราวกับกำลังพูดคุยเรื่องเล็กน้อย

ยาเม็ดพัฒนา!

สมบัติในตำนาน

เขาถึงกับมีของดีแบบนั้นอยู่กับตัว

พวกนักพรตพูดไม่ออกสักพัก ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร

กู่ฉิงซานมองชายชรา จากนั้น เขาสัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังวิญญาณชายชรา

ใช่

พลังวิเศษของชายชราจบลงแล้ว

ทีนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป…

เขากุมดาบเสียงคลื่นเอาไว้

ขณะมองกู่ฉิงซาน ชายชราคล้ายกับประหลาดใจ

หากอยากกระตุ้นพลังวิเศษอีกครั้ง เขายังต้องพักอีกสักหน่อย

ตอนนี้ อีกฝ่ายยืนอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง ระดับต่างกันเพียงแค่ระดับเดียวแล้ว

ด้วยวิชาดาบของอีกฝ่ายกับพลังวิญญาณโอ่อ่าที่อยู่ระดับวงแหวนนภา พลังที่เกื้อหนุนวิชาดาบทำให้ไปถึงระดับที่น่าสะพรึงกลัว

ต่อให้ทำให้ตัวเองไปถึงระดับสามพันโลกอีกครั้ง เป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายจะทะลวงการป้องกันเพื่อเข้ามาสังหารด้วยตัวเองได้!

ยิ่งกว่านั้น พลังเหนือธรรมชาติของเขาทำได้แค่ป้องกัน ไม่ใช่โจมตี

ชายชราเข้าใจเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว จิตสังหารบนใบหน้าหายไปทีละนิด

เขายิ้มอย่างอ่อนโยน พยักหน้าแล้วคำนับ “สหายเต๋าคนนี้ โลกอิสรภาพเปรียบเสมือนบ้าน เจ้าจะได้รับการต้อนรับเมื่อมาที่นี่อีกครั้ง”