กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 581
กู้ชูหน่วนยังไม่ทันหยิบกระต่ายย่างลงมา เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็อ้าปากกว้างกัดกร้วมเข้าไปในกระเพาะ

มีเสียงดังกร้วมขึ้นมาอีกครั้ง กระต่ายป่าอีกตัวถูกมันค่อยๆ เคี้ยวจนหมด

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ทำเสียงพอใจและสะบัดหางเล็กๆ ของมันอย่างมีความสุข

จากนั้นมันก็หันกลับไปมองกู้ชูหน่วนอย่างน่าเวทนา

“แค่กระต่ายย่างสองตัวไม่ช่วยให้อิ่มท้องเลย”

กู้ชูหน่วนรื้อในวงแหวนอวกาศและนำเนื้อทั้งหมดออกมา

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ดีใจและก้มหน้าก้มตากิน

ในวงแหวนอวกาศมีอาหารไม่มากนัก นอกจากนี้เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ยังเป็นราชาพุงโตที่มีเท่าไรก็กินหมดเท่านั้น เหมือนอ้อยเข้าปากช้าง

กู้ชูหน่วนเหลือหมั่นโถวอยู่เพียงไม่กี่ลูก นางค่อยๆ เคี้ยวทีละคำๆ

โครก…

เสียงท้องของเหวินเส่าอี๋ร้องขึ้นมาอย่างผิดเวลา

กู้ชูหน่วนเอียงศีรษะมอง “หิวเหรอ เรียกว่าท่านพี่สิ แล้วข้าจะให้หมั่นโถวลูกนี้แก่ท่าน”

เหวินเส่าอี๋หันหน้าหนีและหลับตาพักเหนื่อย

“อืม… ห๊อมหอม โดยเฉพาะหมั่นโถวไส้เนื้อ อา… อร่อยจริงๆ เลย”

“นายท่าน เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็อยากกินเหมือนกัน” เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ขยับตัวเข้าไปใกล้กู้ชูหน่วนและเลียมุมปากอย่างตะกละตะกลาม

“ไปไกลๆ เลย อาหารเยอะขนาดนั้นยังอุดปากเจ้าไม่ได้อีกรึ”

“อุดไม่ได้แล้ว เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ชอบกินเนื้อ”

“ถ้าอุดไม่ได้ข้าจะเอากลับมาให้หมด”

“ไม่ๆๆ ตอนนี้อุดได้แล้ว แหะๆ” เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ตวัดหางกวาดของกินทั้งหมดออกไป

คิดในใจว่ามันต้องกินอาหารเหล่านี้ให้หมดก่อน จากนั้นค่อยไปขอนายท่านใหม่

กู้ชูหน่วนหยิบหมั่นโถวไส้เนื้อขึ้นมาแกว่งตรงหน้าเหวินเส่าอี๋ “ไม่ได้กินอะไรมาสามวันสามคืน ท่านแน่ใจนะว่าไม่หิว”

เหวินเส่าอี๋ “…..”

“นี่เป็นอาหารชิ้นเดียวที่เหลืออยู่ในวงแหวนอวกาศของข้า ถ้าไม่กินตอนนี้ ไม่รู้ว่ามื้อต่อไปจะได้ไปกินที่ไหน”

เหวินเส่าอี๋ “…..”

“ท่านหยิ่งทะนงจนต่อให้ต้องตายก็ไม่คิดจะกินอาหารของข้างั้นสิ? ก็ได้ ถึงอย่างไรคนที่หิวก็คือท่าน ไม่ใช่ข้า… เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เจ้ากินเยอะไปแล้ว เราจะพักผ่อนสักพักแล้วมุ่งตรงไปที่รัฐชาววะ* เข้าสู่ขั้วโลกเหนืออย่างเป็นทางการ”

“ฟ่อๆ… นายท่าน ข้ากินหมดแล้ว ยังมีเนื้อเหลืออีกหรือไม่”

“หมดแล้ว”

“ให้เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กินไส้เนื้อในมือท่านได้หรือไม่”

กู้ชูหน่วนกลอกตา

มันคิดจะให้เหวินเส่าอี๋อดตายจริงๆ รึ

แม้ว่านางจะไม่ชอบเหวินเส่าอี๋ แต่นางก็ไม่อยากทำให้เขาอดตาย

ทันใดนั้นจุดสีแดงเป็นจุดๆ ก็ปรากฏขึ้นในหิมะซึ่งอยู่ไกลออกไป

จุดสีแดงแผ่แสงสีเหลืองทองออกมาเป็นระยะกว้าง โอบล้อมพวกนางไว้จากทุกสารทิศ ในคืนเดือนมืดสนิทเช่นนี้ยิ่งเห็นได้ชัด

“ไปดูสิว่าจุดแสงเหล่านั้นคืออะไร” กู้ชูหน่วนสั่ง

ขณะที่เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กำลังจะไปดู เสียงที่อ่อนแรงของเหวินเส่าอี๋ก็เอ่ยขึ้นมาว่า “พวกชาววะจุดคบเพลิง”

“ไกลขนาดนี้ท่านรู้ได้ยังไง”

“…..”

ขณะที่กู้ชูหน่วนกำลังคิดจะหนีไป เสียงที่ไพเราะน่าฟังของเหวินเส่าอี๋ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง

“หนีไม่ได้แล้ว พวกเราถูกล้อมไว้ พวกนั้นมีอะไรไม่มากเท่ามีกำลังคน”

ขณะที่พูดอยู่นั้น ชาววะก็ถือคบเพลิงเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังพวกเขาอย่างหนาแน่น

แม้ว่าจะเตรียมใจไว้ก่อนแล้วแต่กู้ชูหน่วนก็ยังอดตกใจไม่ได้

คนพวกนี้เป็นคนแคระ…

ทุกคนตัวสูงแค่หัวเข่าของนางเท่านั้น

ผู้คนหนาแน่นที่โอบล้อมพวกนางไว้ดูไม่ต่างอะไรกับมด

“พวกเจ้าเป็นใคร เหตุใดจึงมาบุกรุกบ้านเมืองของพวกเราโดยพลการ” สตรีรูปร่างกำยำล่ำสันตรงหน้าตะโกนถามเสียงดัง นางถือค้อนเหล็กขนาดใหญ่เอาไว้ และที่ด้านหลังยังมีนักธนูยืนอยู่เป็นแถวๆ

เสียงของคนผู้นั้นดังมากจนฟังดูเหมือนเสียงของแม่ทัพ แต่สำหรับกู้ชูหน่วนเสียงนั้นเบามาก ถ้าไม่ตั้งใจฟังคงไม่ได้ยินว่านางพูดว่าอะไร

ยิ่งไปกว่านั้นคนเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นผู้หญิงทั้งหมด

กู้ชูหน่วนประสานมือทำความเคารพและเอ่ยอย่างสุภาพ “ข้าแค่อยากจะเข้าไปที่ขั้วโลกเหนือ ไม่ได้มีเจตนาจะทำให้พวกท่านไม่พอใจ หากข้าเผลอหยาบคายไปโปรดให้อภัยข้าด้วย”

“ขั้วโลกเหนือ? แต่ที่นั่นคือดินแดนปีศาจ เจ้าจะไปทำสิ่งใดที่นั่น แท้จริงแล้วคิดจะทำลายรัฐชาววะของพวกเราใช่หรือไม่”

“ดินแดนปีศาจ? ทำลายรัฐชาววะ? จะอธิบายอย่างไรดี”

“ในเมื่อเจ้ารู้จักขั้วโลกเหนือ เจ้าจะไม่รู้เชียวหรือว่าที่นั่นคือดินแดนปีศาจ เป็นที่ที่สิ่งมีชีวิตใดๆ เข้าไปแล้วไม่มีทางรอดออกมา” แม่ทัพฮวาผู้เป็นผู้นำหลีกเลี่ยงที่จะเอ่ยถึงเรื่องที่รัฐชาววะถูกทำลาย

“มนุษย์ผู้โง่เขลา คิดจะไปขั้วโลกเหนือโดยที่ไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง”

กู้ชูหน่วนเลิกคิ้ว “ฟังจากที่ท่านพูด ดูเหมือนท่านจะบอกว่าตัวเองไม่ใช่มนุษย์”

“สามหาว เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงพูดแบบนี้กับแม่ทัพอย่างข้า ทุกคน มาเอาตัวพวกนางไป”

หลังจากสิ้นเสียง เหล่าคนแคระก็กรูกันเข้ามา บ้างก็กอดขาบ้างก็ดึงแขน

กู้ชูหน่วนคิดว่าพวกนี้มีวรยุทธสูงส่ง แต่ไม่คิดว่านอกจากคนแคระเหล่านี้จะไม่มีวรยุทธ พวกนางยังอ่อนแอเป็นอย่างมาก นางเพียงแค่สะบัดนิดเดียว คนแคระสองสามคนก็กระเด็นออกไปอย่างแรงและกระอักเลือดทันที ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ยังไม่รู้

“เจ้า… เจ้ามันผู้หญิงอำมหิต คิดไม่ถึงว่าจะกล้าฆ่าประชาชนของเรา พวกเราจะสู้กับเจ้า”

คนแคระเข้ามาโอบล้อมทีละคนๆ อย่างหนาแน่น

กู้ชูหน่วนจ้องมองมือตัวเองอย่างเหม่อลอย

นางยังไม่ได้ออกแรงเลยสักนิดแต่คนเหล่านี้กลับเจ็บปวดขนาดนั้น หรือว่าพวกนั้นจงใจหลอกนาง

หลังจากโยนพวกนั้นทิ้งไปเบาๆ หลายครั้งติดต่อกัน พวกนั้นก็ล้มลงไปกับพื้นและกระอักเลือดด้วยอาการบาดเจ็บสาหัสเหมือนกันทุกคน

สิ่งนี้ทำให้กู้ชูหน่วนละอายที่จะออกแรงโยนพวกนางทิ้งไปอีก

ทว่าคนแคระเหล่านั้นไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรและกัดต้นขานางอย่างแรง

นางก็เจ็บเหมือนกัน

กู้ชูหน่วนเอ่ยอย่างโมโหว่า “พวกเจ้าปล่อยมือและเลิกกัดเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ปล่อย ระวังอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”

“ข้ารู้ว่าเจ้าแข็งแกร่ง พวกข้ายังรู้ด้วยว่าพวกข้าเอาชนะเจ้าไม่ได้ ถ้าเจ้ามีฝีมือก็ฆ่าพวกเราทั้งหมดเลยซี”

ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตรงนั้นมีคนแคระจำนวนมากกำลังถือคบไฟกรูมาทางนี้ มากมายนับพันนับหมื่น ไม่สิ ประมาณแสนคนเห็นจะได้

บ้าน่ะ…

ในที่สุดนางก็เข้าใจว่าเหตุใดเหวินเส่าอี๋จึงบอกว่าการบุกรัฐชาววะไม่ใช่เรื่องง่าย

ไม่ใช่ว่าเอาชนะพวกนางไม่ได้ แต่การนองเลือดจะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น และฝ่ามือที่ใช้เข้าสู้ก็จะถูกปกคลุมไปด้วยเลือด

นายท่าน เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์มาช่วยแล้ว ฟ่อ…”

“หยุด เจ้าหยุดอยู่ตรงนั้นแหละ อย่าขยับ”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์มีพลังแข็งแกร่งมาก ต่อให้นางไม่ต้องออกแรง คนเหล่านี้ก็จะล้มลงไปทีละคนและกลายเป็นยิ่งกว่าเศษเต้าหู้

ถ้าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไม่เคลื่อนไหว ที่นี่จะไม่มีการนองเลือด

“ฆ่าๆๆๆๆ… ฆ่าๆๆๆๆ….”

เหล่าคนแคระชูคบไฟและมีดขนาดใหญ่ พูดเป็นเสียงเดียวกันจนน่าหนวกหู

กู้ชูหน่วนโมโหจนเดือดพล่าน

นางเจ็บขาจะตายอยู่แล้ว สลัดอย่างไรก็สลัดไม่หลุด ทุกอย่างดูเหมือนกลลวงไม่มีผิด

เมื่อหันไปมองเหวินเส่าอี๋อีกครั้งก็เห็นว่าเขากำลังเอนกายพิงต้นไม้อย่างอ่อนแรง ปล่อยให้คนแคระโอบล้อมไว้และมองดูนางถูกรังแกด้วยวิธีต่างๆ ด้วยแววตาที่เย็นชา

กู้ชูหน่วนชูมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือศีรษะและตะโกนเสียงดัง “ข้ายอมแพ้ ข้ายอมแพ้แล้ว พวกท่านอยากให้ทำอย่างไรก็ว่ามาได้เลย”

แม่ทัพฮวาโบกมือเป็นสัญญาณให้คนแคระทั้งหมดล่าถอย ทว่ายังคงโอบล้อมและจ้องมองนางอย่างระมัดระวัง

แม่ทัพฮวาพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา “คิดว่าจะเป็นยอดฝีมือที่ไหน ที่แท้ก็ไม่เท่าไหร่ เมื่อเทียบกับผู้ที่บุกมาที่รัฐชาววะก่อนหน้านี้ ยังห่างไกลกันนัก”

“…..”

ไม่เท่าไหร่งั้นหรือ

เฮอะ…

นางยังไม่ได้ออกแรงเลยสักนิดต่างหาก ขอให้รู้เอาไว้

ไม่รู้ว่าคนพวกนี้ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนและรอดมาจนถึงตอนนี้ได้อย่างไร

倭人 ชาววะคือคำเรียกชาวญี่ปุ่นในประเทศจีนสมัยโบราณ แปลว่าพวกเตี้ยแคระ