ตอนที่ 188 ก้าวหน้า

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 188 ก้าวหน้า

 

เคร๊ง!! “โอ้ย เจ็บๆๆๆ” หลินหลินร้องครวญครางออกมา หลังจากโดนไก่ฟ้าหงอนทองเตะเข้าที่ลําตัวของนาง 

 

“โอ้ ยอดเลย ไม่เป็นรอยสักนิด”ไก่ฟ้าหงอนทองว่าพลางเพ่งมองร่างแมงมุมของหลินหลิน หลังจากกินมรกตดําลงไปจํานวนมาก หลินหลินก็นําแร่ดังกล่าวมาทําเกราะได้สําเร็จ แม้แต่กรงเล็บของไก่ฟ้าหงอนทองยังสร้างรอยขีดข่วนไม่ได้ แต่กําลังเตะของมันก็หนักจนหลินหลินรับแทบไม่ไหวเช่นกัน

 

“ไม่เอาแล้ว ท่านน้าเล่นแรงเกินไปแล้ว” หลินหลินว่าพลางลุกขึ้นมาตัวตรงหากเป็นอสูรตนอื่นที่มีระดับเท่าๆ กับหลินหลินมีหวังโดนกรงเล็บของน้าไก่ฟ้าเฉือนไปแล้วแน่ๆ

 

“เอาน่าๆ เพื่อเป็นการทดสอบยังไงล่ะ”ไก่ฟ้าหงอนทองว่าพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี แม้จะเป็นการเตะ แบบไม่เต็มแรง แต่การที่หลินหลินที่พึ่งอยู่ระดับหยกขาวกลับมาสามารถรับกรงเล็บของไก่ฟ้าหงอนทองที่ตอนนี้อยู่ระดับบรรพกาลได้นับว่าเป็นผลลับที่น่าพี่งพอใจอย่างมากแล้ว

 

“ว่าแต่ ขาของเจ้าทําให้คมกว่านี้ไม่ได้เหรอ”ไก่ฟ้าหงอนทองว่าพลางมองขาของหลินหลิน

 

“ไม่เอา แบบนั้นมันเดินลําบากนี่นา” หลินหลินโวยพลางทําหน้าบึง ท่าทางนางจะยังไม่หายโกรธที่น้าไก่ฟ้าเตะเสียนางจุกเลย

 

“อืม แบบนั้นอาวุธขอองเจ้าก็เหลือแต่ฟันสินะ”ไก่ฟ้าหงอนทองตอบพลางพยักหน้าช้าๆ

 

“ฟัน” หลินหลินเอียงคออย่างสงสัย ทําไมนางต้องใช้ฟันเป็นอาวุธด้วย

 

“ใช่ เวลาเจ้าต่อสู้เจ้าไม่ได้ใช้ฟันของเจ้างั้นหรือ”น้าไก่ฟ้า ถามอย่างประหลาดใจ ปกติการใช้เขี้ยวเล็บสมควรเป็นพื้นฐานการต่อสู้ของอสูรสิ

 

“ไม่อะ ข้าไม่ได้อยากกินพวกมันซะหน่อย” หลินหลินว่าพลางนึกถึงตอนที่พวกผานสิงบุกเข้ามาในเมืองร้อยแปดอสูร ส่วนใหญ่นางใช้ใยแมงมุมกับการพุ่งชนเท่านั้น

 

“อ่อเจ้ากินหินกินดินนี่นา”ไก่ฟ้าหงอนทองนิ่งคิดครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มทําความเข้าใจหลินหลินเสียใหม่ นางไม่ได้กินสิ่งมีชีวิตเป็นอาหาร นางเลยอาจจะไม่เคยคิดใช้ฟันกับการต่อสู้มาก่อน บางทีนางอาจจะคิดว่าฟันของนางเป็นของใช้บดหินบกแร่เท่านั้นก็ได้

 

“อืม…”ไก่ฟ้าหงอนทองคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจบินหายเข้าไปในป่าอยู่หลายอึดใจก่อนจะกลับมาพร้อมอสูรเม่นตนหนึ่ง

 

“ทะ ท่านราชามีอะหรือขอรับ” อสูรเม่นถามพลางมองวังที่มันได้เข้ามาอย่างกล้าๆกลัวๆ อสูรแม่นเป็นอสูรระดับตํานาน มีร่างกายเป็นหินและหนามแหลมที่ทําจากโลหะ

 

“เจ้าช่วยใช้พลังอสูรของเจ้าสร้างหุ่นกลขึ้นมาหน่อย เอารูปร่างเหมือนมนุษย์นะ”ไก่ฟ้าหงอนทองสั่งพลางโบกปีกให้หลินหลินเดินเข้ามาหาตนเอง

 

“ขะ ขอรับ” อสูรเม้นว่าพลางใช้พลังอสูรสร้างหุ่นโลหะขึ้นมาตนหนึ่ง หากดูจากภายนอกแล้วมันเหมือนคนสวมเกราะไม่มีผิด

 

“เอาล่ะ หลินหลินเจ้าลองกัดตรงคอสิ”ไก่ฟ้าหงอนทองยิ้มกว้างพลางสั่งให้หลินหลินเข้าจู่โจม

 

กร้วม! แม้จะงงๆ แต่หลินหลินก็ทําตามแต่โดยดี นางก้มลงกัดที่คอของหุ่นกล ทําเอาคอที่หล่อจากโลหะ ทั้งก้อนขาดวิ่นในพริบตา

 

“อย่างที่คิดเลย ฟันของเจ้าเป็นอาวุธที่ร้ายกาจมาก”ไก่ฟ้าหงอนทองยิ้มอย่างชื่นชม แม้แต่ตัวมันยังไม่เคยเห็นอสูรตนไหนเคี้ยวมรกตดําเล่นอย่างกับขนม ความคมของ เขี้ยวที่หลินหลินมีนั้นช่างน่ากลัวจริงๆ ในโลกนี้คงมีสิ่งของไม่กี่ชนิดที่หลินหลินกัดไม่ได้

 

“เจ้ามีโล่ที่แข็งแกร่งและอาวุธที่คมกริบ เหลือแต่เจ้าต้องใช้ให้เป็นเท่านั้น”ไก่ฟ้าหงอนทองว่าพลาง กางปีกทั้งสองข้างออกทําเอาพื้นที่โดยรอบมืดไปหมด

 

.

 

.

 

ทางด้านหงเยวนั้น นางกําลังตั้งใจอ่านตํารขาของน้ามัง กรอย่างขมัดขเม้น โดยมีราชินีมังกรช่วยเหลืออีกแรงเพราะ ไม่อยากให้ไข่ของตนอยู่โดยไม่มีใครเฝ้าระวังนานนัก

 

“ท่านราชินีมังกร”หงเยว่ว่าพลางเดินเข้าไปหาราชินีมังกรอย่างนอบน้อม

 

“มีอะไรหรือ”ราชินีมังกรถามพลางยิ้มหวาน พอพวกนางทั้งสองอยู่ในร่างมนุษย์นั่งอยู่ในห้องตําราแล้ว ช่างดูเหมือนภาพในโลกของมนุษย์ไม่มีผิด

 

“สมุนไพรพวกนี้หามาได้จริงๆเหรอเจ้าคะ” หงเยว่ถามพลางเอารายชื่อสมุนไพรที่จําเป็นในการปรุงยาให้ราชินีมังกรดู

 

“ได้สิ มังกรธรณีปลูกสมุนไพรหลายๆอย่างเอาไว้บนหลังของเขานั่นละ” ราชินีมังกรตอบพลางยิ้มหวานเช่นเดิม

 

“บนหลัง…แต่ตอนนี้ท่านมีรูปร่างเป็นมนุษย์ไม่ใช่หรือเจ้าคะ” หงเยว่ถามอย่างประหลาดใจ เพราะคราวก่อนที่นางมาร่างจริงของมังกรธรณีก็เปลี่ยนเป็นมนุษย์ไปแล้ว

 

“ตอนนี้เขาย้ายไปปลูกในมิติของเขานะ มันมีรูปร่างเหมือนโลกอีกใบเลย เขาบอกว่ามันก็เหมือนหลังของเขานั่นละ”ราชินีมังกรตอบราวกับเป็นเรื่องธรรมดา

 

“ปลูกสมุนไพรในมิติได้ด้วยงั้นเหรอ”หงเยว่เบิกตากว้างอย่างประหลาดใจ ปกติแล้วการเก็บสมุนไพรเอาไว้ในมิติส่วนตัวเป็นเรื่องที่คนธรรมดาสามัญทํากันหมด แต่การปลูกนั้น ทําได้ค่อยข้างยาก เพราะภายในมิติไม่มีแสงแดด แถมมิติทั่วๆไปไม่อาจเข้าไปจัดการอะไรได้อีกต่างหาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทําไม่ได้ ยิ่งมิติของหงเยว่เป็นมิติของนางพญาที่สามารถส่งเหล่าแมงมุมเข้าไปได้อีกต่างหาก

 

“ขะ ข้าขอไปถามเรื่องนั้นกับท่านมังกรธรณีได้หรือเปล่า เจ้าคะ” หงเยว่ถามพลางหยิบตําราขึ้นมา หากสามารถปลูกสมุนไพรในมิติได้ จํานวนแปลงเพาะปลูกก็จะมีมากมายมหาศาล แถมนางยังสามารถใช้แมงมุมอสูรช่วยกันดูแลได้อีก หากสามารถทําได้จริงนางอาจจะขอให้นายน้อยเรียกแมงมุมอสูรมาช่วยอีกดีหรือเปล่านะ

 

“สบายใช่ไหมละปิงปิง” จิ้งจอกเหมันต์ว่าพลางพากตัวนอนลงบนเตียงของนาง

 

“…” ปิงปิงไม่ได้ตอบอะไร นางเพียงเอาตัวแนบกับเตียงน้ำแข็งของจิ้งจอกเหมันต์อย่างพึงพอใจแทน

 

“อย่าเอาแต่นอนสิ เจ้าต้องซึมซับพลังธาตุน้ำแข็งจากแผ่นน้ำแข็งพันปีพวกนี้นะ”จิ้งจอกเหมันต์ว่าพลางมองท่าที่ของปิงปิงอย่างเอ็นดู นางนอนเอาแก้มแนบกับเตียงน้ำแข็งอย่างกับมันเป็นฟูกนอนนุ่มๆไม่มีผิด แถมท่าทางความเย็นเฉียบของน้ำแข็งพันปีก้อนนี้จะเป็นที่ชื่นชอบของปิงปิงอีกต่างหาก

 

อสูรแมงมุมแต่ละตนของไป๋จูเหวินนั้นมีอาวุธและความสามารถต่างกัน หลินหลินนั้นมีทั้งเกราะที่แข็งแกร่งและฟันที่คมกริบ หงเยว่นั้นนอกจากจะฉลาดแล้วยังมีพิษร้ายถึง ตายที่เป็นความสามารถติดตัวของแมงมุมแม่ม่ายดําอยู่แล้วอีกต่างหาก ส่วนปิงปิงนั้นเป็นแมงมุมน้ำแข็ง ตัวนางสามารถสร้างไอเย็นได้จากร่างกายอย่างอิสระ และแน่นอน นางสามารถใช้ใยแมงมุมได้เช่นเดียวกับแมงมุมตนอื่นๆ แถมใยแมงมุมของหลินหลินยังมีคุณสมบัติแช่แข็งสิ่งที่มันสัมผัสอีกต่างหาก ทําให้ยิ่งปิงปิงสามารถซึมซับไอเย็นได้มากเท่าไหร่ก็จะยิ่งสามารถใช้พลังได้ดีขึ้น

 

ทางด้านไป๋จูเหวินนั้น หลังจากไร้หนทางอื่นสุดท้ายไป๋จูเหวินก็ต้องลองมานั่งใช้เคล้ดวิชาโลหิตมังกรฝึกฝนต่ออย่างช่วยไม่ได้ แต่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น หลังจากไป๋จูเหวิน เริ่มนั่งลงฝึกฝนเพียง 3 วันพลังของไป๋จูเหวินก็เพิ่มขึ้นจนข้ามผ่านระดับชําระกระดูกขึ้นมาระดับชําระเส้นเอ็นจนได้

 

เพราะไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นไป๋จูเหวินจึงได้แต่นั่งฝึกฝนต่อไปพลางพยายามคิดว่าทําไมเพียงมันฝึกธรรมดาๆถึงสามารถเพิ่มพูนพลังได้เร็วนัก จนกระทั่งไป๋จูเหวินได้ตระหนักถึงบางอย่างที่มันไม่ใช่เรื่องธรรมดา

 

“เพราะพลังธาตุศักดิ์สิทธิ์งั้นเหรอ”ไป๋จูเหวินพึมพําพลางมองร่างกายของตนเอง ปกติไป๋จูเหวินจะรู้สึกเหมือนพลังวิญญาณของตนพัฒนาไปได้ช้ามาก แต่ในที่สุดมันก็ทราบสาเหตุ นั่นเพราะเวลามันใช้พลังอย่างเต็มที่มันจะใช้วิธีใช้ธาตุศักดิ์สิทธิ์รักษาตัวเองตลอดเวลาไปด้วย

 

นั่น คือสาเหตุที่ทําให้พลังวิญญาณของไป๋จูเหวินพัฒนาได้ช้า เพราะพลังธาตุศักดิ์สิทธิ์ดึงเอาพลังวิญญาณของมันไปรักษาร่างกายอยู่ตลอดเวลานั้นเอง แถมช่วง หลังๆไป๋จูเหวินแทบจะสู้อยู่ตลอดแถมยังบาดเจ็บหนักอยู่หลายครั้ง นั่นทําให้ร่างกายของไปจูเหวินใช้พลังวิญญาณในการรักษาเป็นจํานวนมากจนไม่อาจเอามาพัฒนาตนเองได้นั่นเอง

 

กลับกลายเป็นว่าเวลาไม่กี่วันที่ไป๋จูเหวินได้นั่งพักกับที่โดยไม่ต้องเดินทางหรือคุมงานของสมาคมแพทย์ทําให้ไป๋จูเหวินที่มีร่างกายที่ถูกฟูมฟักมาอย่างดีสามารถพัฒนาพลังได้อย่างต่อเนื่อง หรือก็คือร่างกายของมันต้องการพักผ่อนนั่นเอง