ตอนที่ 446 สุนัขกัดกัน
“เจ้าฉลาดเสียจริง ! ” อันหลิงเกอเอ่ยชม น้ำเสียงแฝงบางอย่างเอาไว้
หลิงอวี่หนิงยิ้มออกมาเล็กน้อย “พระชายาชมเกินไปแล้วเจ้าค่ะ นี่เป็นหน้าที่ของเชี่ยเซินอยู่แล้ว เชี่ยเซินมิกล้ารับคำชมจากพระชายาหรอกเจ้าค่ะ ! ”
อันหลิงเกอสะบัดผ้าเช็ดหน้าไปมา “ข้าชมเจ้าก็แสดงว่าเจ้าเหมาะสมต่อคำชม ต่อไปเจ้าควรใช้จิตใจที่ดีเพื่อรับใช้ท่านอ๋อง” น้ำเสียงของนางทำให้คนมองมิออกว่าพูดจริงหรือไม่
“พระชายา แต่นาง…” อวี๋หมิงหลันเห็นอีกฝ่ายรอดตัวไปได้ก็เอ่ยด้วยความโกรธ แต่แววตาดุดันของอันหลิงเกอที่จ้องมองมาทำให้นางตกใจจนพูดมิออก
“นี่ก็เย็นมากแล้ว ข้ารู้สึกเพลีย พวกเจ้ากลับไปที่เรือนตนเองเถิด ! ” อันหลิงเกอแตะเบา ๆ ที่ขมับแสดงท่าทางเหนื่อยล้าเต็มทน
“เจ้าค่ะ เชี่ยเซินขอลา ! ”
รอจนพวกนางแยกย้ายไปหมดแล้วอันหลิงเกอจึงเอ่ย “เรื่องในวันนี้เจ้าสองคนเห็นเป็นเยี่ยงไร ? ”
ปี้จูและหมิงซินสบตากัน หลังรับถ้วยชาของอันหลิงเกอแล้วจึงตอบว่า “หลิงเช่อเฟยเป็นคนฉลาดและมีแผนการล้ำลึก แต่วันนี้นางสื่อว่าอยากเอาใจท่าน ดูแล้วคงอยากให้ท่านเป็นที่พึ่งของนางเจ้าค่ะ”
จากนั้นหมิงซินเอ่ยต่อ “เรื่องวันนี้เห็นได้ชัดว่าอวี๋กู่เหนียงตั้งใจกลั่นแกล้งเช่อเฟยก่อน แต่หลิงเช่อเฟยมิได้เปิดโปงต่อหน้าจึงเห็นได้ชัดว่ามีความคิดล้ำลึก ส่วนอวี๋กู่เหนียง…”
“อวี๋หมิงหลันดูเหมือนคนจิตใจบริสุทธิ์ วันนี้เห็นได้ชัดว่านางสู้หลิงอวี่หนิงมิได้ เพียงแต่ต่อไปก็มิแน่”
“พระชายากล่าวถูกต้องเจ้าค่ะ” ปี้จูตอบ “เพียงแต่คำพูดของอวี๋กู่เหนียงวันนี้มิเหมือนตัวนางเลย มิรู้ว่านางวางแผนอันใดอยู่กันแน่เจ้าค่ะ”
อันหลิงเกอหัวเราะออกมาเสียงเย็น “นางวางแผนใดก็ช่างเพราะอย่างไรก็ทำอันใดมิได้อยู่ดี ! ”
ภายในสวน ตอนนี้อวี๋หมิงหลันกำลังเดินนำอยู่ด้านหน้า หลิงอวี่หนิงเห็นดังนั้นจึงรีบก้าวเร็ว ๆ ตามขึ้นไป “อวี๋กู่เหนียงโปรดหยุดก่อน ข้ามีเรื่องจักพูดด้วย”
“หืม ? เช่อเฟยมีอันใดหรือ ? ” อวี๋หมิงหลันเอ่ยอย่างมิใส่ใจ
“เหตุใดท่านต้องสับเปลี่ยนปิ่นของข้าด้วย” หลิงอวี่หนิงก้าวไปหา “วันนี้ระหว่างทางท่านตั้งใจเข้าใกล้ข้า ท่านคิดว่าข้ามิรู้จริงหรือ ? ”
อวี๋หมิงหลันทำมิรู้มิชี้ “ท่านกล่าวเรื่องอันใด ? ข้ามิรู้เรื่องเลย” จากนั้นหางตาของนางก็เหลือบไปเห็นทัวป๋าถิงฟางเดินมาทางประตู ในใจก็บังเกิดแผนการบางอย่างขึ้น
นางกระชากมือของหลิงอวี่หนิงที่ชะงักด้วยความงงงวย ก่อนได้ยินนางตะโกนขึ้นมา “เช่อเฟย ท่านจักทำอันใด ? ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ! ”
ส่วนหลิงอวี่หนิงตกใจมากจึงรีบสะบัดมือออก แต่เห็นอวี๋หมิงหลันแสร้งล้มไปชนกับภูเขาจำลอง ก่อนที่ศีรษะจักชนเข้ากับก้อนหินและมีเลือดไหลออกมา
เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าแล้ว หลิงอวี่หนิงคาดมิถึงว่าอวี๋หมิงหลันจักร้ายกาจเพียงนี้ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนกำลังตกใจดังขึ้นมา “เกิดอันใดขึ้น ! ”
ในเวลานี้อวี๋หมิงหลันแค่ต้องการทำทุกวิถีทางเพื่อให้เป็นจุดสนใจ นางมิสนแม้ต้องทำร้ายร่างกายของตนก็ตาม
หากมิเกิดอุบัติเหตุจนบาดเจ็บ นางก็ต้องออกจากจวนนี้ !
เดิมทีทัวป๋าถิงฟางเห็นทั้งสองกำลังยื้อยุดกันอยู่ นางรู้ดีว่ามีคนกำลังเชิญให้นางมาชมละครฉากใหญ่ ทัวป๋าถิงฟางจึงมิปฏิเสธเพราะอย่างไรก็เป็นละครที่ดีสำหรับนางอยู่แล้ว
อวี๋หมิงหลันจับบาดแผลเอาไว้พร้อมน้ำตาไหลริน “ทัวป๋าเช่อเฟยได้โปรดให้ความเป็นธรรมด้วย หลิงเช่อเฟยอยากเอาชีวิตข้า ! ”
อวี๋หมิงหลันรู้ว่าอันหลิงเกอมิมีทางช่วยตน ในเมื่อบังเอิญพบทัวป๋าถิงฟางแล้วจักปล่อยไปโดยง่ายได้เยี่ยงไร
ส่วนหลิงอวี่หนิงรีบคุกเข่าลงต่อหน้าทัวป๋าถิงฟางทันที “พี่สาวได้โปรดให้ความเป็นธรรมด้วย ข้ามิได้ทำ นางใส่ร้ายข้า ! ” นางกล่าวพลางชี้ไปที่อวี๋หมิงหลันอย่างเคียดแค้น
“นี่…” ทัวป๋าถิงฟางทำท่าทางลำบากใจ “เรื่องนี้ข้าก็มิอาจยื่นมือเข้ามายุ่งได้ ให้พระชายาตัดสินดีกว่า”
อันหลิงเกอเห็นกลุ่มคนที่เพิ่งจากไปมิถึงครึ่งชั่วยามหวนกลับมาอีกครั้ง ทั้งยังมีอีกคนถูกหามใส่เกี้ยวเข้ามา
เฮ้อ อันหลิงเกออดถอนหายใจออกมามิได้
อวี๋หมิงหลันรีบลงจากเกี้ยวด้วยความลำบากเพื่อคุกเข่าลงพื้น ก่อนเอ่ยออกมาอย่างน่าสงสาร “พระชายาช่วยด้วยเจ้าค่ะ ช่วยคืนความเป็นธรรมให้เชี่ยเซินด้วยเจ้าค่ะ ! ”
“เกิดอันใดขึ้น ? ยังมิรีบไปตามหมอมาอีก ! ” อันหลิงเกอแสร้งทำหน้าตื่นตกใจ
ส่วนหลิงอวี่หนิงก็รีบคุกเข่าลงเบื้องหน้าอันหลิงเกอ “เรียนพระชายา เมื่อครู่เชี่ยเซินกับพี่หมิงหลันกำลังเดินกลับเรือน ระหว่างทางพี่หมิงหลินมิทันระวังจึงสะดุดล้มแต่นางกลับบอกว่าเชี่ยเซินเป็นคนทำ เชี่ยเซินถูกใส่ร้ายเจ้าค่ะ ! ”
“ตอนนั้นรอบตัวข้ามิมีคนอื่นอีก หากมิใช่เช่อเฟยแล้ว ท่านจักบอกว่าข้าตั้งใจทำร้ายตนเองหรือไร” อวี๋หมิงหลันกล่าวออกมาด้วยความโกรธ
ทั้งคู่โต้แย้งกันไปมาจนอันหลิงเกอเริ่มปวดศีรษะจึงหันไปทางทัวป๋าถิงฟาง “เจ้ามากับพวกนางสองคน เช่นนั้นบอกมาว่าเกิดอันใดขึ้น”
“เจ้าค่ะ” ทัวป๋าถิงฟางมองหลิงอวี่หนิงอย่างลำบากใจ “เชี่ยเซินเห็น เห็นหลิงเช่อเฟยผลักอวี๋หมิงหลันกู่เหนียง จากนั้น…”
หลิงอวี่หนิงเบิกตาโพลงอย่างมิอยากเชื่อ “พระชายา มิใช่นะเจ้าคะ ที่จริง…”
ตอนนี้ความสัมพันธ์ของพวกนางสามคนถือว่าจบสิ้นแล้ว จิตใจของสตรียากแท้หยั่งถึง ต่างฝ่ายต่างมิอยากเห็นใครได้ดีกว่าตนอยู่แล้ว
“เอาล่ะ ! ” อันหลิงเกอยกมือแตะขมับ “ในเมื่อมีหลักฐานและพยานพร้อมเช่นนี้ หลิงอวี่หนิง เจ้าถูกกักบริเวณ 3 เดือน ! ”
หลิงอวี่หนิงเพิ่งโดนปล่อยตัวออกมาก็ต้องโดนกักขังอิสรภาพอีกครั้ง
“พระชายาเจ้าคะ ! ” อวี๋หมิงหลันคาดมิถึงว่าอันหลิงเกอจักปล่อยหลิงอวี่หนิงไปโดยง่ายเช่นนี้ ทำให้นางมิพอใจอย่างมาก
อันหลิงเกอหันไปมองอวี๋หมิงหลัน “พวกเจ้าทำตัวให้ดี ๆ และกลับไปได้แล้ว ปี้จู ประคองอวี๋กู่เหนียงไปด้วย”
“เจ้าค่ะ พระชายา” ปี้จูพยุงอวี๋หมิงหลันขึ้นเกี้ยวอย่างมิเต็มใจแล้วรีบส่งนางกลับทันที มิปล่อยให้ได้กล่าวสิ่งใดอีก
“พระชายา ! ” อันหลิงเกอเงยหน้าขึ้นก็เห็นซูเอ๋อยืนอยู่ที่ประตูจึงรีบลุกขึ้นต้อนรับ
จากนั้นทั้งสองก็จับมือเดินไปด้วยกันอย่างสนิทสนม “เหตุใดวันนี้ว่างมาหาข้าได้ ? ทั้งมิบอกล่วงหน้าอีก ข้าวุ่นวายไปหมดจนต้องขายหน้าเจ้าเลย”
ซูเอ๋อกุมมืออันหลิงเกอไว้ “ข้ามาก็เพราะเรื่องนี้ ที่จริงเมื่อครู่ข้าก็อยู่ในสวนด้วยและเห็นว่าที่จริงอวี๋กู่เหนียงผู้นั้นตั้งใจล้มไปเองเพื่อใส่ร้ายหลิงเช่อเฟย”
“เจ้าอยู่ด้วยหรือ ? ” อันหลิงเกอถอนหายใจออกมา “ข้าเองก็สงสัยว่าอวี๋หมิงหลันทำร้ายตนเอง เพียงแต่มีทัวป๋าถิงฟางช่วยอยู่ ข้าจึงจำใจสั่งลงโทษหลิงอวี่หนิง ข้าเป็นถึงพระชายาเอก ข้าเองก็…”
ซูเอ๋อถอนหายใจออกมายามมองอันหลิงเกอ “เจ้าโง่หรือไร ? พวกนางทะเลาะกันก็ปล่อยพวกนางไปสิ เป็นการช่วยตัดปัญหาให้เจ้าด้วย พวกเราแค่นั่งมองสุนัขกัดกันก็พอแล้ว ! ”
“เช่นนั้น” อันหลิงเกอชะงักไปเพียงครู่เดียวแววตาก็เปล่งประกายขึ้น
“เช่นนั้นข้าจักช่วยเติมเชื้อไฟให้อีกหน่อย ! ”
ซูเอ๋อพยักหน้า “เรียนรู้เร็วดีนี่ ! ”
หลังซูเอ๋อกลับแล้วอันหลิงเกอก็พาหมิงซินไปส่งของให้อวี๋หมิงหลัน
“เจ้ามิต้องขยับหรอก” อันหลิงเกอกดอวี๋หมิงหลันไว้มิให้ลุกมาคำนับตน “ในเมื่อเจ้าเรียกข้าว่าพี่ เช่นนั้นก็มิต้องมากพิธี”
อวี๋หมิงหลันก้มหน้ามิพูดมิจา มีเพียงน้ำตาเอ่อคลอพร้อมไหลรินออกมาทุกเมื่อ อันหลิงเกอจึงถอนหายใจ “หมิงหลัน เจ้าโทษที่ข้ามิลงโทษหลิงอวี่หนิงสถานหนักใช่หรือไม่ ? ”
“เชี่ยเซินมิกล้าเจ้าค่ะ” อวี๋หมิงหลันกัดริมฝีปากล่างก่อนเอ่ยขึ้นมา