ตอนที่ 314 พิธีไหว้พระจันทร์
ตอนที่ 314 พิธีไหว้พระจันทร์

หลังกินอาหารค่ำเสร็จ คนที่ควรไปทำงานก็ไปทำงาน คนที่ควรพักก็ไปพัก ลุงจ้าวไปพักผ่อนแล้ว ส่วนจ้าวเหวินเทากำลังชงชานั่งคุยกับคุณพ่อจ้าวอยู่ในลานบ้าน

  

“เนื้อแกะนั่นแกเอากลับไปห่อเกี๊ยวกินเถอะ ตอนแรกคิดไว้ว่าจะซื้อกลับมาเยอะหน่อย แต่ลูกแกะตัวนั้นผอมมาก รวมกันก็ยังมีเนื้อไม่มาก ถูกคนแย่งจนหมดเกลี้ยงเลย” คุณพ่อจ้าวกล่าว

“พ่อ พ่อเก็บไว้กินเถอะ ถ้าผมอยากกินเนื้อแกะผมก็หาเองได้” จ้าวเหวินเทากล่าว

 

“นี่ก็ซื้อมาให้พวกแกนั่นแหละ ถ้าไม่ใช่เพราะซื้อให้พวกแกฉันก็คงไม่ซื้อหรอก” คุณพ่อจ้าวกล่าว

  

จ้าวเหวินเทาทราบดีว่าพ่อของเขาซื้อมาให้ลูกสะใภ้ จึงไม่ได้บอกปัดและตอบตกลง

“พ่อ ยังมีหมูให้กินอยู่ใช่ไหม?” จ้าวเหวินเทาถามถึงเรื่องอื่น

  

“มี ปีหน้าเนี่ย แกเลี้ยงเพิ่มสักสองตัวสิ ฉันได้ยินมาว่าเนื้อหมูจะเพิ่มราคาแล้ว ถึงเวลานั้นจะได้มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกหน่อย ฤดูร้อนบนเขาเต็มไปด้วยหญ้าหมู ใส่รำเล็กน้อย ก็ได้ไปหนึ่งมื้อแล้ว เปลืองอาหารไม่มากหรอก”

 

“ตกลงครับพ่อ ถ้าไม่ขุนสักหน่อยหมูก็คงไม่อ้วน พ่อไม่ต้องเสียดายอาหารหรอก ถึงเวลานั้นผมจะไปเอากากเต้าหู้มาสักหน่อย” จ้าวเหวินเทากล่าว

  

“รำนั่นจะให้หมูกินตามใจชอบได้เหรอ?” คุณพ่อจ้าวไม่เห็นด้วย “กากเต้าหู้นี่แหละดี ของแบบนี้หมูชอบกิน นี่ถ้าได้กากเหล้ามาสักหน่อยนะยิ่งดี แต่ของพวกนั้นยังต้องผ่านกระบวนการอีก”

 

“ได้สิ ถึงเวลานั้นเดี๋ยวผมทำไว้สักหน่อย” จ้าวเหวินเทานึกถึงโรงกลั่นเหล้าภายในอำเภอ

“อีกอย่าง แกะตัวนั้นที่แกแบ่งได้ ปีนี้คงมีลูกแกะคลอดออกมาอีก” คุณพ่อจ้าวพูดถึงก็รู้สึกมีความสุขมาก

ปีที่แล้วตอนที่แบ่งที่ดินทำงานกันเอง จ้าวเหวินเทาได้แกะมาหนึ่งตัว เป็นแกะตัวเล็ก คิดไม่ถึงเลยว่าฤดูใบไม้ผลิของปีนี้จะคลอดลูกแกะออกมา ทั้งยังเป็นตัวเมียด้วย จ้าวเหวินเทาไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้ กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช้ได้เลยนะ ตอนนั้นผมไม่เห็นด้วยซ้ำว่าเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย”

“แกมันโชคดี ลูกแกะตัวนั้นตอนที่แบ่งกันตัวมันผอมกะหร่องก่องเหมือนกับก้านกัญชง ปีนี้มันโตขึ้นมาเป็นแกะตัวใหญ่แล้ว!” คุณพ่อจ้าวพูดถึงสัตว์เหล่านี้ก็เกิดความพึงพอใจเป็นอย่างมาก “นี่ถ้าแกมีเวลาก็ทำคอกแกะไว้ให้ดี ๆ เพราะฉันกลัวว่ามันจะคลอดช่วงฤดูหนาว ถ้ามันคลอดช่วงฤดูหนาวขึ้นมา คอกแกะนั่นคงใช้ไม่ได้ ลูกแกะคงได้แข็งตายกันหมด ของที่อยู่ในบ้านก็เยอะแยะ ไม่มีปัญญายัดพวกมันเข้าไปอยู่ด้านในหรอก”

ในชนบทหากแกะคลอดลูกในช่วงฤดูหนาว ก็จะย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านที่คนอาศัยอยู่ ไม่เช่นนั้นลูกแกะอาจจะหนาวตายได้ แต่แค่คิดก็ทราบแล้วว่าฉากนั้นจะเป็นอย่างไร แกะไม่รู้จักการออกไปขับถ่ายข้างนอก และมันก็ไม่ได้อยู่แค่วันสองวัน แต่ต้องอยู่ตลอดฤดูหนาว จนกระทั่งฤดูใบไม้ผลิมาถึง เมื่ออากาศไม่สามารถทำให้ลูแกะแข็งตายจึงจะปล่อยออกไป ฤดูหนาวนี้มันต้องกิน ดื่มและขับถ่ายอยู่ในบ้านทั้งหมด กลิ่นนั้น…อย่าได้พูดถึงเชียว

ก่อนหน้านี้แกะจะรวมตัวอยู่ในทีมผลิต ทุกคนต่างก็ไม่ได้มีเป็นของตัวเอง ทีมผลิตจึงมีสถานที่ไว้ให้แกะคลอดลูกโดยเฉพาะ ซึ่งในนั้นมีเตาเผาอยู่ด้วย แต่เมื่อทำงานกันเอง แกะก็ถูกแบ่งไปตามบ้าน หากมันคลอดลูกออกมาก็ทำได้เพียงแค่ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้าน ถึงอย่างไรฤดูหนาวผู้คนก็รวมตัวอยู่ในบ้านอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสร้างห้องส่วนตัวให้แกะเลย เพราะเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล

  

แกะของจ้าวเหวินเทาก็ช่างคิดแทนเจ้าของเสียเหลือเกิน มันคลอดลูกแกะออกมาในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ดอกไม้ผลิบาน ไม่ต้องทำร้ายบ้านของเจ้าของมันแล้ว หลังจากนั้นก็ถูกย้ายเข้าไปอยู่ในฟาร์มกระต่าย ยิ่งไม่มีโอกาสทำลายบ้านของเจ้าของเข้าไปใหญ่

จ้าวเหวินเทาเคยเห็นฉากที่แกะในหมู่บ้านคลอดลูกแกะภายในบ้านมาแล้ว กลิ่นฉุนอบอวลไปทั่วบ้าน แถมพื้นบ้านปูด้วยซังข้าวโพด แม้แต่ที่จะวางเท้าก็ยังไม่มี เขาอยู่แค่ไม่กี่วินาทีก็ออกมาแล้วเพราะทนไม่ไหวจริง ๆ

ลูกแกะคิดแทนเจ้าของอย่างเขาขนาดนี้ จ้าวเหวินเทาก็ต้องทำห้องเรือนกระจกไว้ให้พวกมันคลอดลูกอยู่แล้ว อีกอย่าง หลังจากนี้ก็จะได้เป็นที่อาศัยให้แกะตัวอื่น ๆ ได้

 

“ก็ได้ พ่อ เดี๋ยวผมหาดูก่อนว่าจะติดที่ไหน จะได้ถือโอกาสติดเครื่องทำความร้อนไปด้วยเลย” แค่จ้าวเหวินเทาเอ่ยปากพูดก็เป็นเงินก้อนใหญ่แล้ว

คุณพ่อจ้าวถึงกับหมดคำพูด “ยังจะเครื่องทำความร้อนอีก แกเห็นมันเป็นคนหรือไง เรียกให้คนมาก่ออิฐดินสักหน่อย สร้างบ้านไว้ข้าง ๆ คอกแกะ ในนั้นติดเตาไว้สักเตา ถึงเวลานั้นฉันไปจุดเตาเช้าเย็นก็ได้แล้ว ฉาบด้วยดินเหนียวให้มากหน่อย ไม่ต้องใช้อิฐนะ ของแบบนั้นไม่ได้เก็บความร้อนเลย”

  

“ได้เลย!” จ้าวเหวินเทาเชื่อฟังเป็นอย่างมาก

สองพ่อลูกคุยเกี่ยวกับเรื่องฟาร์มกระต่ายต่ออีกครู่หนึ่งก็มืดค่ำแล้ว คุณพ่อจ้าวและคุณแม่จ้าวเร่งให้พวกเขารีบกลับ เพราะพาลูกมาด้วย จึงไม่อยากให้กลับดึกเกินไป เด็กยังมีดวงตาสะอาดบริสุทธิ์ หากเห็นของสกปรกจะทำอย่างไร

  

ดูเหมือนลูกลิงจะรู้ว่าใกล้กลับบ้านกันแล้ว มันก็รีบกลับมา จ้าวเหวินเทาเห็นมันเนื้อตัวสกปรกมอมแมม จึงอุ่นน้ำอุ่นก่อนกลับอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็ทำความสะอาดให้มัน และพ่นยาถ่ายพยาธิอีกนิดหน่อย ก่อนจะขับรถกลับบ้าน

  

การกินเกี๊ยวตอนเที่ยงทำให้อิ่มมาก ตอนค่ำกลับมาจึงทำโจ๊กนิด ๆ หน่อย ๆ จากนั้นก็เข้าสู่พิธีไหว้พระจันทร์ในทุก ๆ เดือนแปดของปี

ประเพณีนี้เป็นสิ่งที่คุณแม่จ้าวนำเข้ามา ตระกูลของคุณพ่อจ้าวจนมาก บรรพบุรุษยังหนีจากความอดอยากเพื่อขอข้าว มาถึงทางนี้ก็ย้ายบ้านอยู่บ่อย ๆ ได้กินอิ่มก็ถือว่าไม่เลวแล้ว ยังจะมีความพิถีพิถันอื่น ๆ ได้อย่างไรกัน แต่คุณแม่จ้าวนั้นไม่เหมือนกัน เพราะครอบครัวเป็นชาวนาร่ำรวย ชีวิตมีความมั่นคง มีพิธีสำหรับเทศกาลของปี ยกตัวอย่างเช่นเทศกาลไหว้พระจันทร์ก็ต้องไหว้พระจันทร์

  

ตอนที่ดวงจันทร์เคลื่อนขึ้นสู่กลางท้องฟ้า หน้าประตูบ้านก็จัดโต๊ะตัวเล็ก ๆ หนึ่งตัว วางแตงโมที่หั่นเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว ขนมไหว้พระจันทร์ ผลไม้ รวมถึงเหล้า และจุดธูปสามดอก จนกระทั่งถึงเวลาก็โขกศีรษะคำนับลงบนพื้น นี่เป็นขั้นตอนทั้งหมดของพิธี

แม้จะแยกบ้านและฉลองกันเอง แต่จ้าวเหวินเทายังสืบทอดความคุ้นชินของคุณแม่จ้าว ทั้งยังทำพิธีนี้อย่างจริงจัง

 

เสี่ยวไป๋หยางเล่นที่ฟาร์มกระต่ายมาทั้งวันแล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังกระปรี้กระเปร่า มองดูแตงโมพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวบนโต๊ะ ก็เกิดความคิดอยากจะเข้าไปคว้า

เย่ฉูฉู่รีบอุ้มเขาไว้ และชี้ให้เขาดูพระจันทร์

 

“เสี่ยวไป๋หยาง ดูนั่นสิอะไรเอ่ย พระจันทร์ พระจันทร์กลม ๆ เชียวนะ วันนี้เป็นเทศกาลไหว้พระจันทร์ เทศกาลไหว้พระจันทร์ พระจันทร์กลมที่สุดเลย”

 

จ้าวเหวินเทานั่งอยู่ข้าง ๆ กล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “เสี่ยวไป๋หยาง บนพระจันทร์ยังมีฉางเอ๋อร์ด้วยนะ ฉางเอ๋อร์มีรูปร่างหน้าตาสวยมาก รอให้ลูกโตค่อยขอมาเป็นภรรยานะ!”

เย่ฉูฉู่ร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก “คนที่คิดจะแต่งงานกับฉางเอ๋อร์คือตือโป๊ยก่ายนะคะ คุณเห็นลูกชายตัวเองเป็นตือโป๊ยก่ายรึไง!”

  

ตอนนี้ยังไม่มีละครเรื่องไซอิ๋ว แต่เรื่องของไซอิ๋วกลับเป็นเรื่องที่รู้กันทั่วบ้านทั่วเมือง หนังสือการ์ตูน หนังสือนิทานภาพ คณะละครชนบทในอำเภอก็แสดงเช่นกัน ดังนั้นสองสามีภรรยาจึงรู้จัก

  

จ้าวเหวินเทากล่าวเคล้ารอยยิ้ม “เป็นตือโป๊ยก่ายไม่ดีตรงไหน กินอิ่มก็นอน นอนอิ่มก็กิน มีเรื่องอะไรก็ไม่ต้องกังวล ดีจะตายไป! ถ้าลูกชายของผมเป็นเหมือนตือโป๊ยก่าย แบบนั้นก็ถือว่ามีความสุขแล้ว! ใช่ไหมเจ้าลูกชาย?”

 

เสี่ยวไป๋หยางทำได้แต่ยิ้มแหย ๆ

  

ถึงเวลานั้นลูกลิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็ร้องเจี๊ยก ๆ ขึ้นมา

  

เย่ฉูฉู่แย้มยิ้ม “ยังมีพี่ลิงอีกคนด้วยนะ”

  

“พี่ลิงมีชีวิตยากลำบากเชียวนะ!” จ้าวเหวินเทายิ้ม “วัน ๆ เอาแต่ยุ่งอยู่กับการช่วยอาจารย์ ทำไม่ดีก็ถูกคำสาป! มา ๆ พี่ลิง ลำบากแล้วนะ กินผลไม้สิ”

 

ในถาดมีแอปเปิล สาลี่อะไรเหล่านั้นวางไว้ส่วนหนึ่ง จ้าวเหวินเทาจึงหยิบให้ลูกลิงหนึ่งผล ลูกลิงกลับกินอิ่มแล้ว มันจึงไม่กินผลไม้ แต่ยื่นให้เสี่ยวไป๋หยางแทน เสี่ยวไป๋หยางใช้สองมือถือไว้และกัด ฟันหน้าเล็ก ๆ สองซี่นั้นใช้เวลาอยู่นานแต่ก็กัดไม่เข้า มีแค่น้ำลายที่ยืดออกมาคำแล้วคำเล่า สองสามีภรรยาได้เห็นก็ถึงกับหัวเราะร่า

 

ได้เวลาในการไหว้พระจันทร์แล้ว ทั้งสองจึงโขกศีรษะคำนับลงบนพื้น เก็บข้าวของเพื่อกลับห้องเข้านอน

 

เช้าวันรุ่งขึ้น จ้าวเหวินเทาตัดสินใจว่าจะอยู่บ้านหนึ่งวัน เพื่อเคาะเมล็ดทานตะวัน ผลลัพธ์ที่ได้พวกเด็กหนุ่มมาช่วยงานที่มาจากในเมืองก่อนหน้านี้มากันอีกแล้ว แม้ว่าจะมากันแค่ 5-6 คน แต่ก็เพียงพอที่จะช่วยเคาะเมล็ดทานตะวันแล้ว

“จ้าวเหวินเทา พวกเรามาช่วย นายต้องเตรียมอาหารดี ๆ ให้พวกเราด้วยนะ”

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

พี่เทาจะสร้างฟาร์มแกะเหรอคะ เห็นจะสร้างเรือนกระจก?

ไซอิ๋วนี่มีหลายเวอร์ชันมาก รู้จักไซอิ๋วเวอร์ชันละครทีวีปี 1996 ที่น่าจะเป็นเวอร์ชันที่ดังที่สุดแล้วล่ะค่ะ แล้วภาคนี้ก็อธิบายความสัมพันธ์ของฉางเอ๋อร์กับตือโป๊ยก่ายไว้ด้วย (แอบบอกอายุตัวเองซะแล้ว ใครทันไซอิ๋วเวอร์ชันนี้คือเพื่อนกันค่ะ)

ไหหม่า(海馬)