บทที่ 113 คลื่นไส้อยากจะอาเจียน

รักหวานอมเปรี้ยว

“ประธานเปปเปอร์โทรบอกฉัน ดังนั้นฉันก็เลยเข้ามาเยี่ยมท่าน” มายมิ้นท์ตอบกลับ

ท่านย่าแกล้งทำโมโห ฮึ แล้ว ฮึ อีก “ไอ้หนุ่มคนนั้น เขาไม่ใช่ไม่ให้บอกแกเหรอ?”

“ท่านย่า” มายมิ้นท์ไม่พอใจโบกมือของเธอโบกแล้วโบกอีก “ท่านไม่บอกฉัน ไม่ชอบฉันแล้วใช่หรือไม่ล่ะ?”

“ที่ไหน” ท่านย่ารักและเมตตาลูบผมของมายมิ้นท์ ลูบแล้วลูบอีก “ท่านย่าเพียงแค่ไม่อยากให้แกเป็นห่วง”

“แต่ท่านย่าไม่บอกฉัน จึงจะเรียกว่าให้ฉันเป็นห่วงล่ะ ถ้าหากท้ายสุดฉันจึงได้รู้ว่าท่านหกล้มแล้ว ย่อมเสียใจภายหลังทำไมไม่รู้เร็วกว่านี้จะได้เข้ามาเยี่ยมท่าน” มายมิ้นท์ลูบหลังมือของท่านย่าลูบแล้วลูบอีก “ท่านย่าวันหลังจะทำอย่างนี้ไม่ได้อีกนะ มีเรื่องอะไร จะต้องบอกกับฉันอย่างแน่นอน”

“ก็ใช่สิ ฉันก็รู้สึกว่ามายมิ้นท์พูดถูกเช่นกัน” ป้าแดงเสียบดอกไม้เสร็จ ก็เห็นด้วยพูดไปคำหนึ่งเช่นกัน

ท่านย่าดีใจหัวเราะจนปากล้วนหุบไม่ได้ “ได้ๆๆ วันหลังบอกกับแกเร็วหน่อย”

“นี่จึงจะถูกล่ะ” มายมิ้นท์ก็หัวเราะออกมาแล้วเช่นกัน

“ท่านย่า งั้นให้มายมิ้นท์อยู่เป็นเพื่อนท่าน ฉันไปหาหมอตรงนั้นสักหน่อย ถามดูว่าท่านมีตรงไหนที่จะต้องระวังบ้าง ” ป้าแดงเช็ดมือแล้วเช็ดมืออีกพูด

“ไปเถอะ” ท่านย่าพยักหน้า

ป้าแดงออกไป ท่านย่าจับมือของมายมิ้นท์ไว้ “มิ้นท์เอ่ย เล่าให้ฉันฟังว่าช่วงนี้ แกเป็นยังไงบ้างล่ะ?”

“ได้” มายมิ้นท์ขานรับเสียงหนึ่ง

จากนั้น เธอก็เลยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้บ้างอย่างง่ายๆ

ล้วนพูดไปในทางที่ดี สิ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับการพุ่งเป้ามาของตระกูลภักดีพิศุทธิ์ เธอล้วนไม่พูดสักนิด ก็คือไม่อยากให้ท่านย่าเป็นห่วง

ไม่รู้พูดไปนานขนาดไหน อยู่ดีๆนอกห้องผู้ป่วยส่งเสียงหัวเราะเข้ามาสองเสียง

แป๊บเดียวมายมิ้นท์ก็ฟังออกว่าเป็นพิสมัยกับส้มเปรี้ยว

ท่านย่าก็ฟังออกแล้วเช่นกัน ความเมตตาและอ่อนโยนที่อยู่บนใบหน้าชั่วพริบตาเดียวก็หายไปแล้ว กลายเป็นเย็นชา

ไม่นาน ประตูเปิดออกแล้ว พิสมัยกับส้มเปรี้ยวพูดไปหัวเราะไปเข้ามา

มายมิ้นท์ไม่สุขใจเลยขมวดคิ้วขึ้นมา

คนทั้งสองนี้เป็นอะไรกันแน่?

ท่านย่าป่วยแล้ว พวกเธอกลับดี ยังหัวเราะจนมีความสุขขนาดนี้

“คุณมายมิ้นท์เหรอ?” ส้มเปรี้ยวพบเห็นมายมิ้นท์ก่อนใคร สีหน้าที่อยู่บนใบหน้าแปลกใจอย่างมาก

พอพิศมัยได้ยินคำพูดนี้ หันหน้าไปมอง มองเห็นมายมิ้นท์ที่นั่งอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยของท่านย่า สีหน้าขึงลับลงทันที เสียงแหลมคมพูดว่า “คุณอยู่นี่ได้ยังไง ใครให้คุณมาล่ะ?”

มายมิ้นท์ยังไม่ทันได้ตอบกลับ ท่านย่าจับมือเธอไว้อย่างแน่น เอ่ยปากเสียงเย็นชาว่า “ฉันให้มิ้นท์มาล่ะ คุณมีความคิดเห็นไม่พอใจเหรอ?”

พิศมัยอึ้งชะงัก จากนั้นหัวเราะเยาะออกมาอีก “แม่ ดูคำพูดนี้ที่ท่านพูดสิ ที่ไหนฉันจะกล้ามีความคิดเห็นไม่พอใจอะไรล่ะ เพียงแค่เธอเป็นคนนอกคนหนึ่ง ท่านให้เธอเข้ามาไม่ดีมั้ง?”

ท่านย่า ฮึ เย็นชา “ใครบอกว่ามิ้นท์เป็นคนนอก ถึงแม้ว่าเธอถูกคนบางคนเบียดเสียดลงไปหย่าร้างกับเปปเปอร์แล้ว เธอก็ยังเป็นหลานสาวของฉันยายแก่คนนี้เช่นกัน”

“ท่านย่า……” มายมิ้นท์รู้สึกซาบซึ้งใจจ้องมองท่านย่าอยู่

ส้มเปรี้ยวที่อยู่ข้างๆก้มหัวลง ปิดคลุมความบิดเบี้ยวที่อยู่บนใบหน้า

อย่าคิดว่าเธอฟังไม่ออก คนบางคนที่ชี้ถึงอยู่ในปากของยายแก่คือเธอ

“ได้ๆๆ เป็นหลานสาวของท่าน เป็นหลานสาวของท่านก็ได้ล่ะ” พิศมัยทำใจดีสู้เสือพูด แต่ลับหลังกลับเหลือบมองมายมิ้นท์อย่างโหดร้ายหนึ่งที

ไม่รู้ว่ายายแก่คนนี้ตกลงชอบมายมิ้นท์อีนังเด็กคนนี้อะไรจริงๆ

อีนังเด็กคนนี้ล้วนออกจากตระกูลนวบดินทร์แล้วยังจะปกป้องขนาดนี้

“ท่านย่า เวลาสายแล้ว ฉันควรไปแล้ว” มายมิ้นท์จ้องมองนาฬิกาแล้วจ้องมองนาฬิกาอีก เอ่ยการบอกลาออกมา

เดิมทีเธอยังอยากจะอยู่เป็นเพื่อนท่านย่าไปอีกสักพัก

แต่ตอนนี้พิสมัยกับส้มเปรี้ยวคนที่เธอเกลียดที่สุดทั้งสองคนนี้อยู่ที่นี่ เธอก็ไม่อยากอยู่แล้ว

ท่านย่าจับมือของมายมิ้นท์ไว้ไม่ยอมปล่อย “อยู่อีกสักพัก อีกสักพักท่านย่ามีของจะให้แก”

“ของเหรอ?” แม้ว่ามายมิ้นท์สงสัยงงงวย แต่ก็ฉลาดไม่ได้ถามว่าเป็นของอะไรเช่นกัน

ส้มเปรี้ยวกลับกัดริมฝีปากขึ้นมา ในใจเต็มเปี่ยมด้วยความอิจฉาริษยา

ในช่วงเวลานี้ เธอมาเยี่ยมไม่น้อย ทั้งเอาใจยายแก่คนนี้ไม่น้อยเช่นกัน แต่ยายแก่คนนี้กลับไม่เย็นชาไม่ร้อนใจกับเธอเหมือนเดิม

แต่ตอนนี้พอเห็นมายมิ้นท์ ก็จะให้ของมายมิ้นท์ มีสิทธิ์อะไร!?

คนที่ไม่พอใจเหมือนกันยังมีพิสมัย พิสมัยทำตายี๋แล้วทำตายี๋อีก “แม่ ในเมื่อมีของดี ไม่ให้คนของพวกเราเอง ต้องเอาให้คนอื่นให้ได้ทำไมล่ะ”

“อีเหี้ยหน้าไม่อาย” ท่านย่าตีหน้าแก่ขรึมออกมา “ตาจ้องแต่กระเป๋าของคนอื่นจุดบกพร่องอย่างนี้แต่งเข้าตระกูลนวบดินทร์สิบกว่าปีมาแล้วล้วนแก้ไม่ได้ ยังมีอีก ของของฉันฉันอยากให้ใครก็ให้คนนั้น ยังไม่ถึงต้องให้คุณมาสงสัย ยิ่งกว่านั้นอีกนี่เดิมที ก็เป็นของของมิ้นท์อยู่แล้ว”

มายมิ้นท์ยักคิ้ว

พิศมัยไม่ใช่แม่ของเปปเปอร์เหรอ?

เปปเปอร์ปีนี้ล้วนอายุสามสิบแล้ว เป็นไปได้ยังไงที่พิศมัยจะเพิ่งแต่งเข้าตระกูลนวบดินทร์สิบกว่าปีล่ะ?

ถูกท่านย่าด่าแล้ว พิสมัยก็ไม่โมโหเช่นกัน เบ้ปากแล้วเบ้ปากอีกพูดว่า “ใครจะรู้ล่ะจะเป็นของเธอจริงหรือไม่ ไม่แน่ว่าเป็นแม่ท่านตั้งใจพูดอย่างนี้ล่ะ”

“คุณ……” ท่านย่าโมโหจนไอออกมา ใบหน้าแก่ๆล้วนไอจนแดงแล้ว

“ท่านย่า!” มายมิ้นท์เห็นสภาพ ก็ไม่สนที่จะไปคิดเรื่องของพิศมัยอีก สีหน้าตึงเครียดรีบเข้าไปลูบหน้าอกของท่านย่าเบาๆทำให้ท่านย่าหายใจสะดวก

พิศมัยตกใจจนมือไม่รู้จะวางที่ไหนดี “ฉัน……ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ”

เธอไม่รู้จริงๆว่าท่านย่าจะพูดไม่ได้ขนาดนี้

หวังว่าท่านย่าจะไม่เป็นอะไร ไม่งั้นเธอก็แย่แล้ว

อาจจะเป็นฟ้าที่ได้ยินเสียงในใจของเธอ ท่านย่าอยู่ภายใต้การปลอบโยนของมายมิ้นท์ ลมหายใจค่อยๆสงบลงแล้ว

มายมิ้นท์โล่งอกไปที พิสมัยก็โล่งอกไปทีเช่นกัน

มีเพียงส้มเปรี้ยวที่มีความผิดหวังเล็กน้อย

แท้ที่จริงเธอค่อนข้างอยากจะให้ท่านย่าเกิดเรื่องมาก

พอเป็นอย่างนี้มา ตระกูลนวบดินทร์ก็ไม่มีคนต่อต้านเธอแต่งงานกับเปปเปอร์แล้ว

“แม่ รีบมาชิมซุปไก่ที่ฉันตุ๋นให้กับท่าน” พิสมัยลูกตาหมุนหนึ่งที รีบเปลี่ยนหัวข้อ ไม่เอ่ยถึงเรื่องที่ตนเองทำให้ท่านย่าโมโห

ท่านย่าก็รู้จักความประพฤติและคุณธรรมของเธอเช่นกัน ฮึ เย็นชาเสียงหนึ่งขี้เกียจตอบกลับ

พิศมัยเอาถังฉนวนวางไว้บนหัวเตียง

พอเปิดออก กลิ่นซุปไก่หอมกรุ่นก็กระจายออกมาเลย

ไม่รู้เป็นยังไงมายมิ้นท์ได้กลิ่นหอมแบบนี้กลับคลื่นไส้เล็กน้อย ในกระเพาะพลิกค้นอยู่เรื่อยๆ อดไม่ไหวที่จะเอามือปิดปากไว้ อั๊วะ เสียงหนึ่ง สีหน้าล้วนมีความซีดเล็กน้อยแล้ว

ส้มเปรี้ยวเห็นเธอเป็นแบบนี้ ขมวดคิ้วหนึ่งทีก่อน จากนั้นอยู่ดีๆนึกอะไรออก ลูกตาหดทันที ไม่กล้าที่จะเชื่อจ้องมองท้องของเธออยู่

“มิ้นท์ แกเป็นยังไงล่ะ ไม่เป็นอะไรนะ?” ท่านย่าจ้องมองมายมิ้นท์อยู่ ถามอย่างเป็นห่วง

มายมิ้นท์สูดลมหายใจลึกๆหนึ่งที บีบบังคับความรู้สึกที่อยากจะอาเจียนลง ฝืนใจยิ้มอยู่ส่ายหัวต่อๆกัน “วางใจเถอะท่านย่า ฉันไม่เป็นไร”

“แต่ฉันเห็นสีหน้าแกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ป่วยแล้วใช่หรือไม่?”

“อาจจะเป็นระหว่างทางที่ฉันขับรถมา ได้รับลมหนาวเล็กน้อย ไม่เป็นไรล่ะ” มายมิ้นท์ตอบกลับ

ท่านย่าขมวดคิ้วอย่างไม่เห็นด้วย “ได้รับลมหนาวเป็นหวัดได้ง่ายมากนะ ยังคงเชิญหมอคนหนึ่งเข้ามาดูสักหน่อยเถอะ”

“อย่า!” มายมิ้นท์ยังไม่ทันได้ตอบกลับ โดยจิตใต้สำนึกส้มเปรี้ยวก็ร้องตะโกนออกมาแล้ว

คนทั้งหลายจ้องมองไปยังเธอ

บนใบหน้าเธอแว็บผ่านความสับสนวุ่นวายหนึ่งที รู้ว่าปฏิกิริยาของตนเองเมื่อกี้แรงเกินไป ทำให้พวกเธอเกิดหวาดระแวงขึ้นมา รีบก้มหัวลงอธิบายว่า “ขอโทษท่านย่า เมื่อกี้มียุ่งตัวหนึ่งจะกัดฉัน ดังนั้นฉันจะไล่ยุงล่ะ”

“ยุงเหรอ?” พิสมัยเงยหน้ามองแล้วมองอีก “ไม่มีนะ นี่ที่ไหนมียุงล่ะ?”

สีหน้าของส้มเปรี้ยวเกือบจะแตกระแหง แอบด่าอยู่ในใจ

อีโง่คนนี้

จะมาโค่นล้มเธอล่ะ!

“พอแล้ว อย่ามองไปทั่วอีกเลย น้ำซุปจะคว่ำแล้ว” ท่านย่าจ้องมองพิศมัย แม้แต่น้ำซุปถ้วยหนึ่งล้วนถือไม่นิ่ง ในใจรังเกียจเหลือเกิน

ส่วนมายมิ้นท์สงสัยจ้องมองส้มเปรี้ยวหลายที หลับตาครุ่นคิดขึ้นมา

เมื่อกี้ส้มเปรี้ยวไล่ยุงอยู่จริงๆไหม แต่ไม่ใช่ขัดขวางเธอไปหาหมอเหรอ?

คิดอยู่ มายมิ้นท์ตัดสินใจลองทดสอบหยั่งเชิงสักหน่อย ยิ้มพูดกับท่านย่าว่า “ท่านย่า หาหมอก็ไม่ต้องแล้ว ในบ้านมียาแก้หวัด ฉันกลับไปกินเม็ดหนึ่งก็พอแล้ว”

ส้มเปรี้ยวได้ยินคำพูดนี้ ทันใดนั้นโล่งอกมากๆทันที

ดีมากเลย เดิมทีเธอคิดอยู่ว่า ถ้าหากมายมิ้นท์เห็นด้วยให้หมอเข้ามาจริงๆ เธอก็จะหาโอกาสแอบออกไปหาหมอก่อน ทำการแลกเปลี่ยนกับหมอสักหน่อย

แต่ตอนนี้ไม่ต้องแล้ว

หางตามายมิ้นท์จ้องมองปฏิกิริยาของส้มเปรี้ยวอยู่ตลอด เห็นลักษณะท่าทีของส้มเปรี้ยวที่วางใจลง ทำตาหยีขึ้น

เหมือนอย่างที่คิดส้มเปรี้ยวกำลังขัดขวางเธอไปหาหมออยู่จริงๆ

ส้มเปรี้ยวทำไมต้องทำเช่นนี้ล่ะ? บนกายเธอมีความลับอะไรอยู่เหรอ?