กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 584
กู้ชูหน่วนโยนมันลงกับพื้นทันที “หากเจ้าไม่พาพวกข้าไป เช่นนั้นต่อไปก็ไม่ต้องมาพันอยู่ที่ข้อมือของข้าอีก ไปเป็นงูจรจัดเถอะ”

“เช่นนั้นท่านต้องให้หมูย่างข้าอีกยี่สิบตัว ที่นี่หนาวเหน็บเหลือเกิน ยิ่งไปข้างหน้ายิ่งหนาวเย็น ข้าแทบจะเลื้อยไม่ไหวแล้ว”

“ขอเพียงเจ้าสามารถช่วยข้าตามหาไข่มุกมังกรเม็ดที่หกได้ อย่าว่าแต่ยี่สิบตัวเลย สองร้อยตัวก็ไม่ใช่ปัญหา แต่หากค้นหาไข่มุกมังกรเม็ดที่หกไม่เจอ เจ้าจะไม่ได้กินแม้แต่ตัวเดียวเลย”

“ใจดีเช่นนี้เลยหรือ?”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ทำทีท่าไม่เชื่อ

นายท่านนับวันยิ่งรู้จักหลอกลวงมันมากขึ้นเรื่อยๆ

แต่เมื่อนึกถึงความสำคัญของไข่มุกมังกร ต่อให้เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จะไม่อยากทำมากเพียงใด มันก็กลายร่างอย่างรวดเร็ว

จากขนาดร่างเท่าตะเกียบก็เปลี่ยนเป็นสิบเมตร ยี่สิบเมตร ห้าสิบเมตร หนึ่งร้อยกว่าเมตร……

หัวของมัน ก็เปลี่ยนจากหนึ่งเป็นสามหัว หกหัว และสุดท้ายก็กลายเป็นเก้าหัวขนาดใหญ่

“อ๋า……ผีหลอก……”

ทหารองครักษ์ที่นำทางทั้งสองคนสีหน้าซีดเซียวและวิ่งหนีลงเขาไป

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์สะบัดหางและจับรัดพวกนางเอาไว้

“อะไรกัน ข้าเป็นถึงราชาแห่งงู บนโลกนี้ไม่มีงูชนิดไหนที่ไม่เชื่อฟังคำสั่งของข้า”

กู้ชูหน่วนกระโดดขึ้นไปบนหลังของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์และพูดปลอบ “ไม่ต้องกังวลไป นี่เป็นอสุรกายตัวโปรดของข้า มันไม่กินคน ปลอดภัยมาก เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไปกันเถอะ”

ยังไม่ทันที่ทหารองครักษ์จะหายตื่นตระหนก ลำตัวของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็เคลื่อนที่เลื้อยออกไปอย่างรวดเร็ว คดเคี้ยวและลัดเลาะไปบนยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ

“อา…..อา……อา…..”

ทหารองครักษ์ทั้งสองกอดกันแน่นและไม่กล้าจะลืมตาขึ้นมา พวกนางเกิดความหวาดกลัวอย่างมาก

กู้ชูหน่วนจับพวกนางไว้ เพื่อส่งสัญญาณให้พวกนางสงบสติลง

“ภูเขาหิมะใหญ่เช่นนี้ หากไม่มีพวกเจ้าคอยนำทาง เช่นนั้นต้องหลงทางเอาได้ง่ายๆ”

“ทางๆ……ทางซ้าย ตรงๆ……ตรงไปก็ถึงแล้ว”

“ซู่ๆ……”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เผยความไม่พึงพอใจออกมา

ทหารองครักษ์สองคนนั้น ปัสสาวะเล็ดจนหลังของมันเปียกไปหมด

“เปียกก็ล้างเสียหน่อยก็ได้แล้ว จะบ่นอะไรมากมาย”

“ซู่……”

งูยักษ์เลื้อยไปอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาก็มุ่งหน้าไปไม่รู้กี่เมตร

กู้ชูหน่วนจดจำลักษณะภูมิศาสตร์อย่างดีเอาไว้ในใจ

และในใจก็นึกถึงสถานการณ์ที่เหวินเส่าอี๋ต้องเผชิญ

หากจะพูดไปแล้ว เหวินเส่าอี๋เป็นคนของเผ่าเพลิงฟ้า แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แววตาที่หมดหวังของเหวินเส่าอี๋ก่อนที่นางจะออกเดินทางนั้นยังคงวกวนอยู่ในหัวของนาง

จักรพรรดินีของรัฐชาววะมีรูปร่างอวบอั๋นและแววตาที่ชั่วร้าย นางมองไปที่เหวินเส่าอี๋ด้วยเจตนาที่มุ่งร้ายและหวังจะครอบครอง

ดูเหมือนว่าเฝ้าจับจ้องเหวินเส่าอี๋มาแสนนาน

เมื่อตกไปอยู่ในเงื้อมมือของจักรพรรดินี ไม่แน่ว่าชีวิตนี้ของเหวินเส่าอี๋คงต้องพังทลายอย่างแน่นอน

นางครุ่นคิดว่าควรจะกลับไปรับเหวินเส่าอี๋ออกมาดีหรือไม่

หากกลับไปตอนนี้ เช่นนั้นก็ต้องเสียเวลาไปมาก

ประชาชนของเผ่าหยกไม่มีเวลาที่ต้องมารออีกแล้ว

แต่หากไม่กลับไป……

กู้ชูหน่วนคิดไปคิดมาเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็หยุดลงและทำเสียงฝ่อตะโกนออกมา “นายท่าน ที่นี่คือทางเข้าของขั้วโลกเหนือแล้ว”

เมื่อทหารองครักษ์ลงจากหลังงูก็ผละออกไปอาเจียนทันที

กู้ชูหน่วนเงยหน้ามอง ที่นี่นอกจากภูเขาสูงตระหง่านที่ปกคลุมด้วยหิมะแล้ว ก็มีเพียงธารน้ำแข็ง

อาจเป็นเพราะนางอยู่ในตำแหน่งที่ค่อนข้างสูงและอุณหภูมิของที่นี่ก็ต่ำกว่าข้างล่างค่อนข้างมาก นางมีวิชาปกป้องร่างกาย แต่ก็ยังรู้สึกหนาวเหน็บจนตัวสั่น

บริเวณทางเข้าเป็นธารน้ำแข็งที่แคบมาก และสามารถเดินเข้าไปได้เพียงคนเดียว ภายในมีอะไรนั้น ก็ไม่สามารถมองเห็นจากภายนอก

“แม่……แม่นาง……ที่นี่ก็คือบริเวณทางเข้าขั้วโลกเหนือแล้ว ท่านรีบดูให้เสร็จแล้วรีบกลับ……กลับไปพร้อมกับพวกข้าเถอะ”

ทหารองครักษ์ทั้งสองหนาวสั่น แม้แต่จะพูดก็แทบพูดไม่ออก รวมไปถึงพวกนางก็เวียนศีรษะอย่างมาก จนพวกนางแทบยืนไม่ได้

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์พูดอย่างเย่อหยิ่ง “ที่นี่ไม่มีธุระของพวกเจ้าสองคนแล้ว พวกเจ้าสามารถพักผ่อนได้ ส่วนข้าจะเข้าไปหาหมูมาย่างกินกับนายท่านเอง”

ทันใดนั้นกู้ชูหน่วนก็พูดขึ้นมา “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ พาข้ากลับไป”

“ซู่……”

ร่างที่มหึมาของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ตกตะลึงและสั่นเกร็ง

“กลับ……กลับไป?”

คิดผิดหรือไม่ มันอุตส่าห์มาถึงที่นี่อย่างยากลำบาก จะให้กลับไปตอนนี้นะหรือ?

ไม่ตามหาไข่มุกมังกรเม็ดที่หกแล้วหรือ?

ไม่ช่วยชีวิตเผ่าหยกแล้วหรือ?

ไม่ให้มันกินหมูย่างแล้วหรือ?

“บอกให้เจ้ากลับไปก็กลับไปสิ เหตุใดถึงพูดมากเช่นนี้”

เมื่อพูดจบ กู้ชูหน่วนก็ลากทหารองครักษ์ทั้งสองคนเพื่อมายังข้างลำตัวของงู

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ยังคงสับสนมึนงง “นายท่าน ท่านไปๆ มาๆ เช่นนี้ หากไม่ให้รางวัลเลยคงจะไม่ได้กระมัง”

“ไปกันเถอะ เลื้อยไปเลย”

“หัวใจของผู้หญิงเหมือนกับงมเข็มในมหาสมุทร คำนี้ไม่ผิดเลยสักนิดเดียว”

เมื่อไม่มีรางวัล จึงทำให้ความเร็วของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ลดลงอย่างมาก

กู้ชูหน่วนโมโหจนแทบอดไม่ได้ที่จะจับมันไปต้มกิน

อสุรกายตัวโปรดของคนอื่นต่างเชื่อฟังคำสั่ง

แต่เหตุใดอสุรกายตัวโปรดของนางถึงต้องให้เนื้อสัตว์มาพูดเพื่อต่อรองทุกครั้งด้วยนะ?

หลังจากการเดินทางไปกลับ พวกเขาได้กลับถึงรัฐชาววะในคืนวันที่สอง

ทหารองครักษ์สงบสติลงกว่าครั้งแรกมาก หลังจากที่ลงจากหลังงูไป ขาทั้งสองข้างยังคงรู้สึกอ่อนล้า

ทหารองครักษ์ที่เฝ้าประตูบอกพวกนางว่า

หลังจากกลับไปเมื่อคืน คุณชายเหวินหรือพระสวามีของจักรพรรดินีก็ได้ประอักเลือดจำนวนมาก และเป็นลมหมดสติไปยังไม่ฟื้น

รวมไปถึงการจัดงานแต่งงานที่กะทันหันและฉุกละหุกเกินไป จึงทำให้ไม่สามารถจัดงานราชพิธีอภิเษกสมรสได้

ฉะนั้นจึงจัดให้มีงานราชพิธีอภิเษกสมรสขึ้นในวันนี้ และคืนนี้จะเข้าเรือนหอ

กู้ชูหน่วนถอนหายใจยาว

ทหารองครักษ์ทั้งสองพูดขึ้นอย่างนอบน้อม “แม่นางได้โปรดรอประเดี๋ยว ข้อน้อยจะเข้าไปรายงานเดี๋ยวนี้”

“รายงานอะไร ต่างก็เป็นคนกันเอง วันนี้เป็นวันสำคัญของน้องชายข้า ข้าจะเข้าไปดื่มเหล้าฉลองพิธีแต่งงานเสียหน่อย”

“แต่ว่า…..แต่ว่าท่านบอกเองว่าท่านจะไม่มาร่วมในพิธีอภิเษกสมรสไม่ใช่หรือ?”

“วันนี้กับวันนั้นไม่เหมือนกัน”

กู้ชูหน่วนก้าวไปข้างหน้าและไม่สนใจต่อการขัดขวางของคนเหล่านั้น

กำแพงของวังสูงมาก และสำหรับกู้ชูหน่วนแล้ว นางยังต้องก้มตัวเพื่อก้าวไปข้างหน้า

“พวกเจ้าไม่ต้องติดตามข้าไป ข้าเดินเล่นไปเรื่อยๆ ก็ได้ วังหลวงของรัฐชาววะไม่เลวเลย ทิวทัศน์สวยงามผู้คนก็มีไมตรี”

“แม่นาง เอ่อ……เกรงว่าจะไม่ดีกระมัง”

“เช่นนั้นเจ้าพาข้าไปพบฝ่าบาท ข้าอยากจะถามฝ่าบาทว่าข้าเป็นถึงพี่สาวของพระสวามีของพระองค์ ข้าไม่สามารถเดินเล่นภายในวังหลวงนี้หรือ”

“เอ่อ…….ฝ่าบาทได้เคยออกคำสั่งไว้ว่าคืนนี้ฝ่าบาทจะเข้าเรือนหอกับพระสวามีและห้ามใครก็ตามเข้าไปรบกวน”

“เช่นนั้นก็พาข้าไปหามกุฎราชกุมารี”

“เอ่อ……”

“ข้าเป็นนักโทษหรือ?” กู้ชูหน่วนพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น แสดงถึงศักดิ์ศรีและความสง่างามที่มีมาช้านาน

“ไม่กล้าเจ้าค่ะ ข้าน้อยจะรีบไปรายงานมกุฎราชกุมารีเจ้าค่ะ”

ทหารองครักษ์เดินก้าวออกไปและกู้ชูหน่วนก็หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

วังหลวงของรัฐชาววะนั้นถือเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับนางมาก

แต่นางก็ยังพอคาดเดาทิศทางได้ แต่สิ่งที่แย่ก็คือ ทางเดินในตำหนักช่างเตี้ยเสียเหลือเกิน นางต้องก้มตัวลงจึงทำให้การก้าวเท้าเป็นไปอย่างยากลำบาก

รวมไปถึงร่างกายที่ใหญ่ของนาง เป้าหมายที่ใหญ่จึงทำให้ตกเป็นที่สังเกตได้ง่าย

“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ มีวิธีทำให้ตัวข้าเล็กลงหรือไม่”

“มีสิ ชาติหน้าไปเป็นลูกของข้าก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ”

“……”

กู้ชูหน่วนกลอกตาใส่มัน เพื่อให้มันสำนึกเสียหน่อย

ไกลสุดลูกหูลูกตามีพระตำหนักตั้งตระหง่านอยู่แห่งหนึ่งท่ามกลางตำหนักทั้งหลายในวังหลวง ซึ่งดูเด่นสะดุดตามาก

ขนาดของตำหนักนี้ ไม่เหมือนกับขนาดของตำหนักของรัฐชาววะของพวกเขา แต่กลับมีขนาดเท่ากับรัฐเยี่ยของพวกนาง

กู้ชูหน่วนเดินเข้าไปเรื่อยๆ และไม่นานก็มาถึงตำหนักแห่งนี้

เมื่อยกกระเบื้องขึ้น นางก็เห็นเหวินเส่าอี๋ถูกมัดแขนขาเอาไว้ ซึ่งถูกมัดไว้ด้วยโซ่เหล็กดำขนาดใหญ่อยู่ทั้งสี่มุมของเตียง

จักรพรรดินีลูบไล้มือและปากบ่นพึมพำ สายตามองไปที่เหวินเส่าอี๋อย่างเจ้าเล่ห์