ตอนที่ 470 คุณปู่ซูกลับประเทศ

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 470 คุณปู่ซูกลับประเทศ
ในขณะนั้น คุณปู่ซูที่กำลังนั่งคิดอยู่บนเครื่องบินว่าซูฉิงจะใช้ชีวิตเป็นยังไงบ้าง ฮ่อหยุนเฉิงจะดูแลเธอได้ดีหรือไม่

นอกสนามบิน ฮ่อหยุนเฉิงจอดรถของเขาไว้ในที่จอดรถและเดินเข้าไปในล็อบบี้ของสนามบินพร้อมกับซูฉิง

“เที่ยวบินอีกสิบกว่านาทีถึงจะถึง” ฮ่อหยุนเฉิงมองขึ้นไปที่หน้าจอของสนามบินและพูดว่า “เธอไปนั่งพักก่อนไหม อีกสักพักคุณปู่ถึงจะลงจากเครื่องบินนะ”

ฮ่อหยุนเฉิงรู้ว่าเมื่อคืนซูฉิงดีใจจนนอนไม่หลับ และง่วงอยู่ตลอดจึงอยากให้เธอไปพักสักหน่อย

เธอแทบรอไม่ไหวที่จะเจอคุณปู่ นาทีเดียวก็แทบรอไม่ได้ เธอเอาแต่จับตามองทางออก “ไม่ล่ะ ฉันอยากเจอคุณปู่เร็วๆ ไม่แน่เครื่องบินอาจลงจอดก่อนเวลาก็ได้นะ”

เป็นเวลากว่าสิบนาทีที่ซูฉิงจ้องไปที่ทางออกรอคุณปู่ของเธอออกมาอย่างตั้งใจ

“เที่ยวบินจากดูไบไปยังเมือง A ได้ลงจอดแล้ว ผู้โดยสารโปรดอยู่ในความเป็นระเบียบ” เสียงอัตโนมัติของผู้หญิงดังขึ้นตรงวิทยุที่สนามบิน ดวงตาของซูฉิงเป็นประกาย ก่อนที่จะก้าวขึ้นไปด้านหน้าอย่างเร่งรีบ

ทันทีที่ซูเหลียงอี้เดินออกมา เขาก็เห็นซูฉิงโบกมือให้เขา “หลานสาวที่รักของปู่…”

เมื่อเห็นคุณปู่ ซูฉิงก็ก้าวไปอย่างรวดเร็วและรับกระเป๋าเดินทางของเขามา “คุณปู่ เหนื่อยไหมคะ? ไปเที่ยวรอบโลกมาเป็นยังไงบ้างคะ?”

“ไม่เลวเลยนะ ทิวทัศน์ต่างประเทศมีลักษณะเฉพาะตัว ดีมากเลยล่ะ” คุณปู่ซูพูดพร้อมรอยยิ้มใจดี “เดี๋ยวพวกเธอแต่งงานแล้วไปฮันนีมูนก็ไปเที่ยวบ่อยๆ ล่ะ”

“ไอหยา คุณปู่…” เมื่อพูดถึงแต่งงาน ซูฉิงก็รู้สึกเขินอาย

ฮ่อหยุนเฉิงที่เห็นคุณปู่ซูก็เรียกคุณปู่อย่างสุภาพ ก่อนจะหยิบกระเป๋าเดินทางจากมือของซูฉิงไปอย่างใส่ใจ “ให้ฉันถือกระเป๋าเดินทางให้คุณปู่ดีกว่านะ”

เมื่อเห็นฮ่อหยุนเฉิงดีกับหลานสาวตัวเอง รอยยิ้มของเขาก็กว้างขึ้น

“ตอนนี้ฉันพอใจกับหยุนเฉิงมากขึ้นเรื่อยๆ เลยนะ นายดีกับฉิงฉิงของเราก็ดีแล้วล่ะ” คุณปู่ซูพูดอย่างจริงจัง ในวัยนี้เขารู้สึกว่าซูฉิงเจอคนที่ดีกับเธอจริงก็โชคดีที่สุดแล้ว

“แน่นอนครับ ผมจะทำให้ซูฉิงเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลกครับ” ดวงตาของฮ่อหยุนเฉิงลึกซึ้ง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ดี ดี!” ท่านผู้เฒ่าซูพยักหน้า ดวงตาเต็มไปด้วยความพึงพอใจต่อฮ่อหยุนเฉิง

คุณปู่ซูเยินยอฮ่อหยุนเฉิงอย่างเต็มที่จนซูฉิงรู้สึกอิจฉา เธอกอดแขนคุณปู่ซูและพูดอย่างออดอ้อน” คุณปู่ สรุปเราสองคนใครเป็นคนในสายเลือดกันแน่คะ?”

ต่อหน้าคุณปู่ ไม่ว่าซูฉิงจะอายุเท่าไหร่ ไม่ว่าตอนที่อยู่ข้างนอกจะเด็ดเดี่ยวแค่ไหน พออยู่บ้านเธอก็เป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ชอบออดอ้อนอยู่เสมอ

“ยังอิจฉาอยู่อีกเหรอ” คุณปู่ซูพูดติดตลกพร้อมรอยยิ้ม และตบมือของซูฉิงเบาๆ

คุณปู่ซูมองหลานสาวขี้อ้อนที่อยู่ข้างๆ ก็หันไปมองฮ่อหยุนเฉิงและกล่าวว่า “หยุนเฉิง หลานสาวฉันดูเหมือนจะรู้เรื่องนะ แต่ยังนิสัยเด็กอยู่เลย หวังว่าจำทพดีกับเธอ ดูแลไม่ให้เธอเสียใจนะ”

ฮ่อหยุนเฉิงเข้าใจที่ชายชราเป็นห่วง เขาจึงพยักหน้าจริงจัง และพูดอย่างเคร่งขรึม “คุณปู่ไม่ต้องกังวลนะครับ ผมจะดูแลซูฉิงเป็นอย่างดี ไม่ให้เธอต้องเสียใจแน่นอนครับ”

เขาโอบไหล่ของซูฉิงและยิ้มอย่างอ่อนโยน

“จริงสิ คุณปู่ครับ วันนี้คุณปู่ผมเตรียมงานเลี้ยงที่บ้านใหญ่ตระกูลฮ่อ เป็นการต้อนรับคุณปู่โดยเฉพาะเลย เราไปที่บ้านใหญ่ตระกูลฮ่อกันก่อนนะครับ” ฮ่อหยุนเฉิงวางกระเป๋าเดินทางไว้หลังรถและพูดด้วยท่าทีสบาย

ทันทีที่ท่านผู้เฒ่าฮ่อได้ยินว่าท่านผู้เฒ่าซูจะมาเมือง A เพื่อร่วมในพิธีหมั้นของซูฉิงและฮ่อหยุนเฉิง ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าดีใจมากแค่ไหน ทั้งยังตั้งตารออยู่ที่บ้านแล้วด้วย

ท่านผู้เฒ่าซูพยักหน้าและพูดว่า “ได้สิ ฉันเองก็ไม่ได้เจอปู่เธอนานแล้วเหมือนกัน ตอนนี้เขาสบายดีไหม?”

ตั้งแต่ไปเที่ยวรอบโลก ก็ไม่ได้ไปทานข้าวกับท่านผู้เฒ่าฮ่อนานเลย

“ดีนะครับ ร่างกายค่อนข้างแข็งแกร่ง แล้วก็อยากไปเที่ยวเหมือนคุณปู่ด้วยนะครับ” ฮ่อหยุนเฉิงหัวเราะและพูดว่า “เขาเห็นคุณปู่ไปเที่ยวก็อิจฉามากครับ”

แต่เพราะหัวใจท่านผู้เฒ่าฮ่อไม่ดี ร่างกายไม่เหมาะกับการนั่งเครื่องบิน การเดินทางจึงไม่เคยได้ไปไหน

ซูฉิงนั่งเบาะหลังเป็นเพื่อนคุณปู่ เมื่อเห็นว่าฮ่อหยุนเฉิงคุยกับคุณปู่กันอย่างสนุกสนาน เธอก็วางใจที่คนสองคนที่เธอรักมากที่สุดในชีวิตนั้นเข้ากันได้ดี

ทางเข้าบ้านใหญ่ตระกูลฮ่อ จากไกลๆ ท่านผู้เฒ่าซูก็เห็นท่านผู้เฒ่าฮ่อยืนรออยู่ตรงประตูบ้าน

“คุณปู่รออยู่ตรงประตูแล้วครับ” ฮ่อหยุนเฉิงพูดช้าๆ เมื่อเห็นฉากนี้ “เดาว่าคงรอมานานแล้วล่ะครับ”

เพื่อนเก่าสองคนที่ไม่เจอกันนาน ต่างก็ตั้งตารอที่จะได้เจอกัน

ทันทีที่รถเพิ่งจอด ท่านผู้เฒ่าฮ่อก็ทักทายด้วยรอยยิ้ม “เหล่าซู ในที่สุดนายก็กลับมา ไปเที่ยวรอบโลกซะนานเลย”

ท่านผู้เฒ่าฮ่อยื่นมือออกมาจับมือคุณปู่ซูไว้แน่น และพูดอย่างตื้นตัน “ไม่เจอกันนานเลยนะ”

“นานจริงๆ ฉันเอาของขวัญจากต่างประเทศมาให้นายด้วย” คุณปู่ซูให้ซูฉิงไปเอาของขวัญให้ “ข้างในมีของขวัญอีกหน่อยด้วยนะ ให้บ้านนายเลย”

หลังจากพูดคุยกันสักพัก ชายชราสองคนก็เดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นเคียงข้างกัน

ท่านผู้เฒ่าฮ่อหันกลับมามองและเห็นซูฉิงกับฮ่อหยุนเฉิงที่มองกันอย่างหวานชื่น ก็ยิ้มด้วยความโล่งใจ “ดูเด็กสองคนนี้สิว่ามีความสุขกันแค่ไหน เราสองคนก็สบายใจได้”

“ใช่แล้วล่ะ ฉิงฉิงกับฮ่อหยุนเฉิงกำลังจะหมั้นกันแล้ว เราจะได้เป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ” ท่านผู้เฒ่าซูก็ยิ้มอย่างเห็นด้วย “หยุนเฉิงเด็กคนนี้ไม่เลวเลย ดีกับฉิงฉิงมาก”

ฟังเรื่องตลกของทั้งสอง ซูฉิงก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย เธอก้มศีรษะและจับแขนของฮ่อหยุนเฉิงอย่างเสน่หา

เมื่อเห็นฉากนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าท่านผู้เฒ่าฮ่อก็ยิ่งแจ่มใสขึ้น “หลังหมั้นแล้วให้ฉิงฉิงรีบมีลูกจะดีที่สุดนะ เราจะได้ใช้ชีวิตสี่ชั่วอายุคนไง”

ชายชราทั้งสองคนนั้นแก่แล้ว และทั้งคู่ต่างก็อยากอุ้มหลานและอยู่กับครอบครัวอย่างมีความสุข

ท่านผู้เฒ่าซูตบไหล่ของซูฉิงเบาๆ “ฉิงฉิงได้ยินแล้วใช่ไหม หลานยังมีภาระให้รับผิดชอบนะ”

เขายิ้มและมองที่ซูฉิงและสนับสนุนให้ฮ่อหยุนเฉิงรีบทำให้เขาได้อุ้มหลานเร็วขึ้น “หยุนเฉิง ฉันกับปู่เธอรออยู่นะ รีบมีหลานให้อุ้มเร็วเข้าล่ะ”

ตรงไปตรงมาขนาดนี้ก็ทำซูฉิงรู้สึกเขินอาย เธอก้มศีรษะลงและหน้าแดง

“คุณปู่ทั้งสอง ซูฉิงเขาอายแล้วนะครับ เธอน่ะหน้าบาง พวกท่านก็อย่าไปล้อเธอเลยครับ” ฮ่อหยุนเฉิงจับมือซูฉิงไว้แน่นและช่วยเธอออกไป “คุณปู่ เราไปนั่งที่ห้องอาหารกันก่อนเถอะครับ”

เมื่อเห็นฮ่อหยุนเฉิงปกป้องหลานสาวตัวเองมาก รอยยิ้มโล่งใจก็เผยบนใบหน้าท่านผู้เฒ่าซู

ต่างคนต่างพากันเดินเข้าไปในห้องอาหารอย่างมีความสุข ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

“ใครมาน่ะ?” ซูฉิงที่ได้ยินเสียงเคาะประตูก็ถามฮ่อหยุนเฉิงด้วยความสงสัย วันนี้คุณปู่ฮ่อได้เชิญคนอื่นมาด้วยงั้นเหรอ?