บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 417

ไดอาน่านึกว่าตัวเองหูฝาด เธอยังคงอยู่ในอาการตกตะลึง เธอส่ายหัวไปมาอย่างไม่เชื่อและไม่สามารถยอมรับในเรื่องที่ได้ยินนี้ได้

“เป็นไปได้ไงกัน? ไม่มีทาง! ผู้หญิงคนนั้นมาเป็นลูกสาวของคุณผู้หญิงได้ยังไง? ผู้หญิงคนนั้นไม่คู่ควร เธอไม่สมควรกับตำแหน่งทายาทมอนต์โกเมอรีเลย ผู้หญิงคนนั้นเป็นแค่คนสารเลว”

“หุบปากของเธอเดี๋ยวนี้!” เอโลอิสโกรธจัด “เธอเป็นใครถึงได้มาสาปแช่งลูกสาวของฉันแบบนี้? ถ้าลูกสาวของฉันไม่คู่ควร แล้วลูกสาวของเธอคู่ควรหรือไง? เธอกล้าทำสิ่งที่น่ารังเกียจและไร้ยางอายแบบนี้มันต่ำเสียยิ่งกว่าความต่ำทั้งหมดที่ฉันเคยพบเจอมาในชีวิตเสียอีก นี่ยังมีหน้าที่จะมาวิพากษ์วิจารณ์ลูกสาวของฉันอีกเหรอ? ไดอาน่า เธอเป็นคนที่ไม่มีจิตใต้สำนึกและเป็นคนที่ไม่รู้ถูกรู้ผิด คนอย่างเธอไม่สมควรที่จะถูกเรียกว่ามนุษย์ด้วยซ้ำ!”

เอโลอิสตำหนิเธออย่างตรงไปตรงมาด้วยความโกรธ เมื่อเธอนึกภาพไปถึงความลำบากที่มาเดลีนต้องต่อสู้และดิ้นรนเอาตัวรอดมา หัวใจเอโลอิสก็เจ็บปวดเกินคำบรรยาย

“เอโลอิสเป็นอะไรไป?” เมื่อเห็นว่าเอโลอิสร่างกายเริ่มแกว่งไปมาคล้ายกับว่าเธอกำลังจะเป็นลม ฌอนรีบพยุงเธอไว้อย่างกังวลใจ

เอโลอิสร้องไห้ออกมาพร้อมกับเอามือกุมไว้ที่หน้าอกของตัวเอง “ฮือ ฌอน ฉันเจ็บไปถึงหัวใจ มันเจ็บมากเหลือเกินมากเกินกว่าที่ฉันจะยอมรับไหว ลูกสาวของเราควรจะเติบโตมาในสภาพที่สมบูรณ์เพรียบพร้อม แต่ใครจะไปคิดกันว่าเธอจะถูกฆ่าตายแบบนั้นจริง ๆ…”

ขณะที่เธอพูด ดวงตาสีแดงและน้ำตาของเธอก็จ้องไปที่ไดอาน่าอย่างโกรธเคืองมาก

“ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาอยู่ที่บ้านมอนต์โกเมอรีตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ ตอบฉันหน่อยว่าฉันเคยปฏิบัติต่อเธอไม่ดียังไง? ฉันหวังดีกับเธอมาตลอดแม้กระทั่งช่วยเหลือเธอในการแต่งงาน ฉันพร้อมที่จะช่วยเหลือเธอเสมอ แต่ผลที่ได้รับคือ? ฉันคิดไม่ถึงว่าเธอจะรู้สึกซาบซึ้งใจกับความดีที่พวกเราเคยมอบให้เธอด้วยการตอบแทนน้ำใจของพวกเราด้วยความอกตัญญู!

“บริทนีย์เป็นเด็กดี ถึงแม้ว่าในตอนนั้นพวกเราจะรู้ว่าเธอไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของพวกเรา ถึงต่อให้เป็นแบบนั้นพวกเราก็ไม่เคยทำให้เธอต้องรู้สึกไม่ใช่ส่วนหนึ่งในครอบครัวของเราเลยสักนิด แล้วเธอล่ะ? เธอปฏิบัติกับลูกสาวของฉันยังไง? ถ้าไม่ได้เป็นเพราะความโลภของเธอในตอนนั้น เอวลีน ของฉันจะไม่มีทางตายไปแบบนี้อย่างแน่นอน!”

“คุณผู้หญิง ฉันไม่เคยคิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ ฉันส่งมอบมาเดลีนให้กับน้องสาวของฉันในตอนนั้นและให้เธอดูแลมาเดลีนอย่างดี” ไดอาน่ากำลังปัดความผิด แล้วพูดด้วยเสียงที่ไม่พอใจออกมา “แต่คุณผู้หญิง มันก็ยังเป็นความจริงที่ว่าลูกสาวของคุณได้ฆ่าลูกสาวของฉันไป แม้ว่าเธอจะเสียชีวิตไป การตายของเธอก็ยังคงทิ้งไว้ซึ่งความผิดที่ไม่สามารถให้อภัยได้อยู่ดี นั่นเป็นสิ่งที่เธอสมควรที่จะได้รับผลกรรมตอบสนองแล้ว บริทนีย์ลูกสาวของฉันไร้เดียงสาและเป็นคนที่น่าสงสารที่สุดในเรื่องนี้!”

“เธอ…”

และเมื่อได้ยินคำพูดของไดอาน่าที่ดูไม่สำนึกยังคงตั้งหน้าที่จะยืนยันแบบนั้น เอโลอิสและฌอนต่างพากันโกรธเคือง

เรื่องนี้มันไร้สาระบ้าบอไปกันใหญ่แล้ว!

เห็นได้ชัดว่าเธอได้ทำสิ่งที่ไม่น่าให้อภัยลงไปและความน่ารังเกียจแบบนั้น แต่เธอก็ยังเลือกที่จะยืนกรานผลักความผิดไปให้คนอื่น

“ไดอาน่า ฟังฉันให้ดี! ลูกสาวของฉันไม่เคยทำร้ายใคร เธอเป็นผู้บริสุทธิ์! บริทนีย์ถูกคนอื่นฆาตกรรม! แต่ในทางตรงกันข้าม เธอฆ่าลูกสาวฉัน! ลูกสาวของฉันถูก คนโง่เง่า ร้ายกาจและไม่มีเหตุผลแบบเธอฆ่า!”

เอโลอิสระเบิดอารมณ์ออกมา ความรู้สึกและความกดดันทั้งหมดที่มีอยู่ในใจของเธอได้ถูกตะโกนออกไปในคราวเดียวกัน

“เธอเอาแต่พูดว่าจะล้างแค้นให้ลูกสาวของตัวเอง เธอฟังให้ดีนะ ฉันเองก็อยากได้ความยุติธรรมให้ลูกสาวของฉันเหมือนกัน! เธอจะต้องรับผิดชอบในเรื่องบ้าบอทั้งหมดที่เธอเคยทำเอาไว้!”

ในขณะที่เอโลอิสเปิดปากเตือนว่าเธอกำลังจะทำอะไรพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ไดอาน่า ไดอาน่าไม่รอช้าที่จะลุกขึ้นและวิ่งหนีออกไป

ฌอนไม่รอช้าที่จะรีบโทรหาตำรวจสายด่วนทันที

ใช้เวลาเพียงไม่นาน ตำรวจได้มาถึง ฌอนเป็นคนเล่าเรื่องทุกอย่างให้พวกเขาฟังและในที่สุดไดอาน่าถูกพาตัวไปยังสถานีตำรวจ

ในขณะที่เธอถูกพาตัวไป เธอยังยืนกรานว่าเธอไม่ได้ทำอะไรผิดและยังคงพูดแบบเดิมอยู่ซ้ำ ๆว่า บริทนีย์ ลูกสาวของเธอน่าสงสารที่สุด เธอไม่รู้สึกด้วยซ้ำว่าได้ทำลายครอบครัวที่สมบูรณ์แบบไปด้วยความโลภของเธอ

ถึงแม้ว่าบรรยากาศจะเงียบลงหลังจากที่ไดอาน่าถูกพาตัวไปแล้ว แต่ร่องรอยของความเศร้าและความอึมครึมของบรรยาศยังถูกทิ้งไว้

มาเดลีนพูดกับเจเรมี่ออกไปสองสามคำก่อนที่เธอจะเดินไปยังห้องนอนของเอโลอิส

เมื่อเธอยืนอยู่ที่หน้าประตู เธอได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญแทบขาดใจดังมาจากอีกฝั่งหนึ่งของประตู

ความเจ็บปวดเลือนลางเกิดขึ้นอีกครั้งจากหนามในใจเธอ

หลังจากที่พยายามรวบรวมอารมณ์ของตัวเองให้คงที่แล้ว มาเดลีนยกมือขึ้นเคาะประตู “คุณนาย มอนต์โกเมอรี ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”

เมื่อได้ยินเสียงที่ดังมาจากอีกฟากหนึ่งของประตู เอโลอิสรีบหยิบทิชชู่มาเช็ดน้ำตาออกไปแบบรีบ ๆ และพยายามยิ้มออกมาก่อนจะพูดว่า “เข้ามาสิ วีล่า”

มาเดลีนเดินเข้าไปในห้องด้วยความสงบ เธอเห็นดวงตาสีแดงเหมือนกำลังกลั้นน้ำตาเอาไว้ เธอนึกย้อนไปในสิ่งที่เอโลอิสพูดกับไดอาน่าเมื่อครู่ มีร่องรอยของความทุกข์ใจปรากฏขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจในดวงตาของเธอ

“คุณนายมอนต์โกเมอรี อย่าโกรธมากเลย ลูกสาวของคุณอยู่ที่นี่และกำลังมองดูคุณอยู่ ฉันเชื่อว่าเธอเองคงไม่อยากเห็นว่านายท่ายและคุณนายมอนต์โกเมอรีเสียใจแบบนี้อย่างแน่นอน”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นคำปลอบโยนที่ดูเหมือนจะเป็นผลของมาเดลีน ทำให้เเอโลอิสหลั่งน้ำตามากขึ้น

เธอมองไปที่ใบหน้าของมาเดลีนด้วยน้ำตาภายในดวงตาที่ส่องแสงประกาย ก่อนที่เธอจะยกมืออันสั่นเทาของตัวเองขึ้นมา เธอลูบใบหน้าที่บอบบางและนุ่มนวลที่อยู่ข้างหน้าเธออย่างอ่อนโยน