ลม ไฟ น้ำและดิน

ลมและไฟผ่านไปแล้ว ยังเหลือภัยพิบัติอีกสองอย่าง

กู่ฉิงซานกลับสู่โลกที่ประกอบด้วยน้ำทั้งหมดอีกครั้ง

ไม่เหมือนกับคราวที่แล้ว ในภัยพิบัติน้ำคราวนี้ กู่ฉิงซานต้องเผชิญหน้ากับตัวเองในหกโลกคู่ขนาน

เขาเห็นกู่ฉิงซานในโลกคู่ขนานแรกมาถึงก่อนขอทดสอบกู่ฉิงซาน

ผ่านไปสักพัก

กู่ฉิงซานคนนั้นนั่งยองกับพื้นขณะมองอักขระค่ายกลบนน้ำอย่างละเอียดก่อนกล่าวด้วยความทึ่งว่า “ข้าไม่คาดคิดเลยว่าค่ายกลจะมีผลที่แสนวิเศษขนาดนี้ เจ้าไปเรียนรู้มาจากไหนกัน”

กู่ฉิงซานตอบว่า “จากอารยธรรมการฝึกฝนที่สามารถคงอยู่ได้เพียงท้องนภา ไม่อาจลงมาสู่ผืนดินได้”

“อารยธรรมของพวกเขาต้องทรงพลังมากแน่ๆ”

“ใช่แล้ว แถมยังเป็นพวกเห็นแก่ตัวมากอีกด้วย…มา วางมือบนแผ่นหยกนี่ เรียนรู้ก่อนแล้วค่อยไป”

กู่ฉิงซานอีกคนปรากฏตัวขึ้น

“ในฐานะคนที่ก้าวข้ามภัยพิบัติ บัญญัติฝั่งเจ้าคืออะไร” เขาถาม

“ราชามารแห่งอารัมภบท”

“ฟังดูไม่ดีเลยนะ บัญญัติของข้ามีชื่อว่าที่พักพิง”

“ข้ารู้จักบัญญัตินี้ ดูเหมือนเจ้าจะดูดีขึ้นมากเลยนะ”

“เป็นธรรมดา มันไม่หนักหนาเท่ากับเจ้าหรอก แต่ก็ยังมีหลายอย่างที่ทำได้ไม่ถูกต้องนัก”

“ไม่มีอะไรราบรื่นตลอดหรอก…เจ้าแต่งงานหรือยัง”

“ยังหรอก ข้าไม่กล้าจะสร้างปมขึ้นมา กลัวว่าจะมีสิ่งผิดปกติกับปมที่สร้างขึ้น”

“เกิดอะไรขึ้น”

“เออ ใครบางคนจะมาบุกชิงตัวตอนงานแต่งแน่ๆ ดังนั้นข้าก็เลยไม่กล้าแต่งงานน่ะ”

“ว่าไงนะ! ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าเจ้าจะไร้ประโยชน์เพียงนี้…ทำไมไม่ฆ่าพวกมันซะเลยล่ะ ขนาดผู้หญิงของตัวเองเจ้าก็ยังปกป้องเอาไว้ไม่ได้งั้นหรือ”

“เฮ้อ ขนาดตัวข้าเองยังปกป้องไม่ได้เลย ผู้หญิงพวกนั้นล้วนมาที่นี่เพื่อชิงตัวข้า”

“หมายถึงแบบนี้นี่เอง…”

“การทดสอบที่ข้าจะให้เจ้าคือการสร้างกลไกหลัก”

“เรื่องนี้ข้าก็ทำได้อยู่ แต่เกรงว่าคงจะเทียบกับเจ้าไม่ได้”

“ไม่เป็นไร ข้าจะรั้งตัวเจ้าไว้ที่นี่ให้มันได้อะไรล่ะ แค่พยายามสุดความสามารถ หลังจากนั้นข้าจะให้ผ่านเอง”

“ขอบใจ…จะว่าไปแล้ว ทำไมเทคโนโลยีของเจ้าถึงได้พัฒนาดีขนาดนี้”

“เรื่องนั้นก็เพราะข้าใช้งานเทพธิดาแห่งความยุติธรรม พวกเราทะลวงไฟร์วอลล์ของยานอวกาศอาร์กติกก่อนขโมยผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมดมา”

“เจ้าได้จัดการเทพมารหรือยัง”

“เทพมารหรือ อะไรล่ะนั่น”

“ช่างเถอะ ถือว่าไม่ได้ถามก็แล้วกัน”

“ใช่แล้ว เจ้าคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาคนที่มาทดสอบข้า”

“แต่ก็ยังแย่กว่าเจ้านิดหน่อยล่ะนะ”

“บัญญัติของเจ้าคืออะไร”

“หมื่นสวรรค์สิ้นโลกออนไลน์ โหมดเล่นคนเดียว”

“…ไม่สงสัยเลยว่าทำไมแข็งแกร่ง เอาเถอะ ข้ามีบางสิ่งจะให้เจ้า”

“นี่คืออะไร”

“แผ่นหยกขนาดใหญ่ ประสบการณ์การฝึกฝนของข้าทั้งหมดอยู่ในนี้ ”

“ขอบใจ”

กู่ฉิงซานอดที่จะถอนหายใจไม่ได้ขณะตอบรับภัยพิบัติน้ำ

คาดไม่ถึง ในโลกคู่ขนานนับไม่ถ้วน ไม่มีกู่ฉิงซานคนไหนที่ดีกว่าตัวเขา

เขาแข็งแกร่งที่สุด

และแหล่งกำเนิดของทั้งหมดนี้มาพร้อมกับหน้าต่างระบบเทพสงคราม

กู่ฉิงซานสังเกตเห็นสถานการณ์นี้แล้ว

ในโลกคู่ขนานแต่ละแห่ง พวกเขาไม่ได้รับหน้าต่างระบบเทพสงคราม แต่ได้มีการโหลดบัญญัติอื่นแทน

ท้ายที่สุด ตัวตนจากโลกคู่ขนานทั้งหกก็จากไป

ภัยพิบัติน้ำสิ้นสุดลงแล้ว

ร่างของกู่ฉิงซานขยับ แรงมหาศาลผลักเข้ามาจนพาออกจากโลก

ต่อไปคือภัยพิบัติสุดท้าย

ภัยพิบัติดิน

นี่คือภัยพิบัติสุดท้ายเพื่อจะก้าวเข้าสู่ระดับสามพันโลกและยังเป็นภัยพิบัติที่พิเศษที่สุดในบรรดาสี่ภัยพิบัติใหญ่

แม้กระทั่งจุดกำเนิดก็เผยแถวตัวอักษรโลหิตขนาดเล็กออกมาบนหน้าต่างเพื่อเตือนกู่ฉิงซานว่าจะต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติอย่างเคร่งขรึม

“นายท่าน ท่านกำลังจะเข้าสู่ภัยพิบัติดิน”

“ขอเตือนอีกครั้ง ท่านกำลังจะเข้าสู่โลกวิเศษที่สุดของดิน”

“ภัยพิบัตินี้เป็นภัยพิบัติที่พิเศษยิ่ง โปรดอย่าชะล่าใจ เพราะบัญญัตินี้ไม่สามารถตระเตรียมความช่วยให้ได้ในระหว่างเกิดภัยพิบัตินี้”

กู่ฉิงซานกล่าวว่า “พูดเหมือนกับเจ้าช่วยข้าตอนก้าวข้ามภัยพิบัติอื่นอย่างนั้นแหละ”

หลังจากจุดกำเนิดเงียบไป ข้อความทั้งหมดบนจอก็หายตามไปด้วย

มันเพียงเตือนว่า

“นายท่าน โปรดตระหนักด้วยว่าในภัยพิบัติดิน ความสามารถทั้งหมดของท่านจะถูกผนึกด้วยโลกดินพิเศษ ทำให้ไม่สามารถใช้ความสามารถใดๆ ได้”

กู่ฉิงซานถามว่า “ความทรงจำของข้าจะถูกผนึกด้วยหรือเปล่า”

“ไม่ถูกผนึก แต่หลังจากเข้าโลกดินแล้ว รากฐานการฝึกฝนทั้งหมดของท่านจะหายไปในโลกดิน ของทุกชิ้นที่มีพลังจะไม่สามารถนำออกมาได้ ร่างกายจะเสื่อมสภาพจนกลับสู่การเป็นคนธรรมดา” จุดกำเนิดตอบ

“ตราบที่ยังมีความทรงจำ เช่นนั้นวิชาดาบกับประสบการณ์การต่อสู้ของข้าก็ยังอยู่ ข้ารู้ว่าจะจัดการกับมันยังไง” กู่ฉิงซานกล่าว

จุดกำเนิดกล่าวว่า “ก็จริง แต่จงระวังไว้ด้วย หากท่านตายในภัยพิบัติ ทุกสิ่งจะไม่สามารถแก้ไขได้”

“เข้าใจแล้ว”

ภายนอก กู่ฉิงซานสงบมาก แต่ความจริง ในใจเขาแอบกังวลเล็กน้อย

โลกดิน

ไม่ว่าจะมีพลังวิญญาณยิ่งใหญ่แค่ไหน ไม่ว่าจะเรียนรู้วิชาที่ยอดเยี่ยมมามากมายเพียงใด ไม่ว่าจะครอบครองพลังวิเศษที่ทำให้ร่างกายพิเศษหรือไม่ก็ไม่สามารถใช้ได้ผลในโลกดิน

โลกนี้โด่งดังมากจนเป็นข่าวลื่อในโลกแห่งการฝึกฝน

เพราะมันจำกัดพลังวิเศษทั้งหมด ผู้ฝึกยุทธ์จึงต้องดิ้นรนเอาตัวรอดในโลกดินในฐานะคนธรรมดา

กู่ฉิงซานรอสักพักด้วยลมหายใจแผ่วเบา

ความมืดรอบตัวของเขาค่อยๆ หายไป แสงสว่างนับไม่ถ้วนสาดมาที่ดวงตาของเขา

ท้องนภาสดใส

วินาทีต่อมา กู่ฉิงซานพบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่บนทรายนุ่ม

เขาเข้าสู่โลกดินแล้ว!

กู่ฉิงซานสูดหายใจเข้าลึกๆ

รอบข้างเต็มไปด้วยทะเลทรายไกลสุดลูกหูลูกตา

ในทะเลทราย มีถนนตรงจากสุดขอบโลกยันสุดขอบสายตาของกู่ฉิงซาน

ที่สุดขอบทางหลวงคล้ายกับมีสิ่งปลูกสร้างเลือนรางอยู่

บนลูกตาของกู่ฉิงซาน ข้อมูลทั้งหมดหายไป เหลือเพียงแถวตัวอักษรเท่านั้น

“อยู่รอดให้ได้เจ็ดวัน”

หลังจากอ่านจบ แถวตัวอักษรโลหิตขนาดเล็กหายไปเช่นกัน

ดวงตะวันร้อนแรงประดับท้องนภาจนทำให้เกิดอาการแสบร้อนที่ผิวหนังเล็กน้อย

กู่ฉิงซานพยายามปล่อยจิตเทพแต่กลับพบว่าจิตเทพของเขาใช้ได้แค่ในทะเลแห่งความตระหนักรู้ นอกเหนือจากนั้นไม่มีแม้แต่ร่องรอย

เขากวาดทั่วทะเลแห่งความตระหนักรู้

เขาเห็นว่าทุกสิ่งถูกผนึกเอาไว้ อยู่ในสภาพแตะต้องไม่ได้อย่างสมบูรณ์

ข่าวดีคือเวลาบนโลกดินช้ากว่าอย่างเห็นได้ชัด

เพื่อให้แน่ใจว่าจะอยู่ในสภาพวัตถุทั้งหมด กฎเกณฑ์ของโลกดินจึงผนึกสภาพของดาบพิภพโดยตรง

แบบนี้ กู่ฉิงซานจึงโล่งอกใจขึ้นมามาก

ข่าวร้ายคือ…

กู่ฉิงซานกระโดดออกไปอย่างรุนแรงด้วยหวังว่าจะทะยานขึ้นสูง แต่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น

เขากระโดดได้สูงเพียงครึ่งเมตร จากนั้นก็ตกลงมาบนพื้นอย่างแรง

โชคยังดี ทรายนุ่มจนไม่ทำให้เขารู้สึกถึงความเจ็บปวด

แต่ความรู้สึกร้อนผ่าวบนทรายค่อยๆ ทะลวงผ่านรองเท้าบูตก่อนซึมผ่านฝ่าเท้าของเขาทีละน้อย

เกราะศึกหมอกดำไม่สามารถเอาออกมาใช้ได้ ชุดกับรองเท้าบูตที่กู่ฉิงซานสวมอยู่นั้นเปลี่ยนแปลงจากชุดฝึกฝนพิเศษระดับสูงเป็นชุดธรรมดา

กู่ฉิงซานพึมพำออกมา “น่าทึ่งมาก พลังอะไรกันที่สามารถทำให้ทุกสิ่งกลายเป็นของธรรมดาไปได้”

เขาหยุดให้ความสนใจสิ่งเหล่านี้อย่างรวดเร็ว

เพราว่าร้อนเกินไป กู่ฉิงซานจึงเริ่มมีเหงื่อออกหลังจากยืนอยู่สักพัก

ถ้าเป็นสิ่งมีชีวิตธรรมดา ทะเลทรายย่อมเป็นสภาพแวดล้อมอันโหดร้าย

กู่ฉิงซานมองสิ่งปลูกสร้างที่สุดขอบทางหลวง

นั่นคือสถานที่เดียวสำหรับสิ่งมีชีวิต

เขาไม่เสียเวลาอีกต่อไปก่อนก้าวเท้าไปข้างหน้า เดินไปตามทางหลวงเพื่อมุ่งสู่สิ่งปลูกสร้างเหล่านั้น

ไม่มีหมู่เมฆบนท้องนภา

ดวงตะวันร้อนแรงสาดกระทบพื้นโดยตรง ทำให้อากาศบนถนนบิดเบี้ยว

โลกทั้งใบเหมือนกับหม้อไอน้ำ

กู่ฉิงซานถอดชุดออกนานแล้วขณะสวมหมวกกันแดดเรียบง่ายบนศีรษะ

นี่คือการเดินทางไกลที่ยาวนานและยากลำบากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มฝึกฝนมา

หยาดเหงื่อไหลผ่านแผ่นหลัง

ผิวหนังที่เผยออกมาแดงก่ำเพราะดวงตะวัน

หลังจากเดินมาได้ครึ่งชั่วโมง กู่ฉิงซานประหลาดใจที่พบว่าเขาเริ่มหอบ

นี่คือโลกวิเศษจริงๆ ดังนั้นสภาพร่างกายของเขาจึงกลายเป็นคนธรรมดา สมรรถภาพทางร่างกายจึงคล้ายกับของคนธรรมดา

แต่ตอนนี้ไม่มีทางอื่นแล้ว

เขาต้องรักษาจังหวะการหายใจเอาไว้ พยายามไม่เงยหน้าขึ้นแล้วก้าวไปข้างหน้าด้วยฝีเท้าที่มั่นคง

อีกหนึ่งชั่วโมงผ่านไป

เมื่อกู่ฉิงซานรู้สึกว่าร่างกายกำลังจะล้มลง ในที่สุดเขาก็มาถึงจุดหมาย

ถนนถูกแยกออกมาอยู่ข้างทางหลวง นำไปสู่เมืองทะเลทรายขนาดเล็ก

ไม่มีคนอยู่ในเมือง แต่กลับมีเสียงดนตรีแผ่วเบาแว่วมาเป็นครั้งคราว

ใช่แล้ว ไม่มีใครออกมาในวันที่ร้อนแบบนี้หรอก

ถึงแม้จะแทบหมดสติเพราะดวงตะวัน แต่กู่ฉิงซานยังรักษาความระแวดระวังพื้นฐานที่สุดเอาไว้

เขาหรี่ตามองไปที่เมือง

สิ่งปลูกสร้างจำนวนมากในเมืองมีร่องรอยที่คล้ายกับการต่อสู้อยู่มากมาย

ถนนเต็มไปด้วยกับดักและป้อมปราการแบบเรียบง่าย

บ้านบางหลังที่อยู่ใกล้ทางหลวงถูกเผาสิ้นจนกลายเป็นสีดำ ประตูยังคงเปิดอ้าอยู่ตลอด

แต่ถ้ามองลึกเข้าไปในเมือง สิ่งปลูกสร้างส่วนใหญ่ยังสมบูรณ์

ดูท่าอันตรายหลักจะมาจากถนน

กู่ฉิงซานไม่รออีกต่อไป

พละกำลังกายภาพของเขาถึงขีดจำกัด ต่อให้ระแวดระวังไป เขายังต้องหาสถานที่หลีกเลี่ยงดวงตะวันร้อนแรงอยู่ดี

เขาเดินตรงไปที่เมืองก่อนหยุดอยู่หน้าสิ่งปลูกสร้างแรกที่ถูกเผา

ขณะมองใกล้ๆ เขาเดินไปที่สิ่งปลูกสร้างอย่างไม่ลังเล

นี่คือสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ใกล้ทางหลวงที่สุด ประตูและหน้าต่างล้วนได้รับความเสียหาย ข้างในเละเทะไปหมด ชั้นเก็บของว่างเปล่าจำนวนหนึ่งหล่นอยู่บนพื้น ไม่มีอะไรอยู่ข้างใน

ดูท่าก่อนจะเกิดการเปลี่ยนแปลง มันเคยเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตมาก่อน

กู่ฉิงซานมองรอบข้างก่อนในใจจะผ่อนคลายลง

ไม่มีของที่เป็นประโยชน์อยู่ที่นี่

จากมุมมองของคนอื่น นี่ยังเป็นการพิสูจน์ว่าซูเปอร์มาร์เก็ตเคยถูกบุกมาหลายครั้ง

ดังนั้นถ้าพูดกันตามตรงแล้ว ที่นี่นับว่าปลอดภัย

ไม่มีแสงตะวันในห้อง ในที่สุดกู่ฉิงซานก็รู้สึกมีกำลังขึ้นมาอีกครั้ง

ขณะใช้ประโยชน์จากเรี่ยวแรงสุดท้ายที่เค้นออกมาจากร่างกาย กู่ฉิงซานเดินไปยังส่วนลึกของบ้าน เปิดประตูที่หักออกแล้วเดินเข้าไปข้างใน

ด้านหลังคือคลังเก็บของและห้องสินค้าของซูเปอร์มาร์เก็ต

ในทำนองเดียวกัน มีหลายสิ่งเคยถูกเคลื่อนย้ายจากที่นี่ ไม่มีอาหารหรือน้ำหลงเหลืออยู่

บนพื้น ขวดไวน์ว่างเปล่าเต็มไปด้วยฝุ่น ดูท่ามันจะถูกทิ้งไว้ที่นี่มาพักใหญ่แล้ว

อีกทั้งยังมีหนังสือพิมพ์ที่ถูกใช้ห่อบางอย่างอยู่ด้วย

กู่ฉิงซานเม้มริมฝีปากแห้งขณะก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยิบขวดไวน์ว่างเปล่าขึ้นมา

เขาถือขวดไวน์ไว้ในอ้อมแขนอย่างเคร่งขรึม

นี่คือสิ่งแรกที่สามารถใช้เป็นอาวุธได้

เขาหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาก่อนพบที่นั่งติดกำแพงอันร่มรื่น

ถึงแม้จะกระหายน้ำมาก แต่กู่ฉิงซานก็คาดการณ์ว่าเขาจะสามารถทนได้อีกสักพัก

ตอนนี้ที่ต้องทำก่อนคือฟื้นฟูพละกำลังร่างกาย

ตอนหยิบขวดไวน์ขึ้นมา เขาก็แทบจะไม่เหลือแรงแล้ว

สภาพแบบนั้นไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์อะไรได้หรอก

เวลาผ่านไปช้าๆ

ดวงตะวันคล้อยต่ำเล็กน้อย อุณหภูมิด้านนอกไม่สูงมากนัก

กู่ฉิงซานได้พักฟื้นมาแล้วครึ่งชั่วโมง

ในที่สุดพละกำลังกายภาพก็ฟื้นขึ้นมาเล็กน้อย

แต่เขากระหายน้ำ แถมไม่มีร่องรอยของน้ำลายอยู่ในปากเลย

นี่เป็นสัญญาณการขาดน้ำอย่างรุนแรงในร่างกาย

ในฐานะผู้ฝึกยุทธ ทำไมถึงต้องมาเผชิญกับสถานการณ์ที่น่าอับอายเช่นนี้ด้วย

ถ้าเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกยุทธคนอื่น เกรงว่าคงเริ่มหาแหล่งน้ำกันไปแล้ว

ทว่า กู่ฉิงซานมีประสบการณ์จากวันโลกาวินาศมานานแล้ว ทำให้ยังคงสงบและระแวดระวังอยู่

เขาโยนหนังสือพิมพ์เก่าลงกับพื้น

ข้อความที่นี่ยากจะเข้าใจ

แต่ภาพสงครามต่างๆ ในหนังสือพิมพ์ยังทำให้เขาคาดเดาเกี่ยวกับโลกนี้ได้

ในโลกที่ความสามารถมากมายไม่สามารถใช้ได้ เทคโนโลยีถูกพัฒนาจนถึงระดับหนึ่ง

เขาเห็นเครื่องบินโบราณและขีปนาวุธในภาพ ยังมีต้นแบบของจักรกลอีกด้วย

ในฐานะศัตรูของสิ่งเหล่านี้ มันคือตัวตนของมนุษย์อย่างหนึ่ง…หรือไม่ก็เป็นสัตว์ประหลาดที่ถูกสร้างจากการกลายพันธุ์ผิดปกติในร่างมนุษย์

ผลที่ได้ เป็นการยากมากที่จะรับมือได้ในฐานะคนธรรมดา

กู่ฉิงซานขยับร่างกายขณะครุ่นคิด

เขาตรวจสอบร่างกายในฐานะคนธรรมดาเพื่อให้แน่ใจว่าพละกำลังกายภาพจะสามารถควบคุมการตอบสนองมากมายของร่างกายได้

ผ่านไปสักพัก เสียงครืนของจักรกลดังมาจากด้านนอก

กู่ฉิงซานพิงกับกำแพงขณะชำเลืองมองนอกหน้าต่างอย่างรวดเร็ว

เขาเห็นรถขนส่งโบราณ

รถบรรทุก