ฝ่ายบริหารจัดการนักเวท

“เอ๋ ทั้งหมดเลยงั้นรึ…” อีริคมองชายหนุ่มหน้าตาดีจากศีรษะจรดปลายเท้าหลายต่อหลายครั้ง ก่อนจะกล่าวด้วยความเหลือเชื่อ “เป็นไปได้อย่างไรกัน… ความสามารถในการให้เหตุผลและการคิดแบบอาร์คานาของเจ้าช่างคล้ายคลึงกับจอมเวทระดับกลาง นี่เจ้าเพิ่งเริ่มเรียนเมื่อสามเดือนก่อนจริงๆ หรือ”

“ข้าสาบานได้ขอรับ ท่านอีริค” ลูเซียนแย้มยิ้ม

“ข้าเชื่อเจ้า อีวานส์” อีริคยกมือขวาขึ้นลูบใบหน้า “ไม่มีทางที่ใครจะโกงการทดสอบนี้ได้ เว้นแต่ว่าจะมีอุปกรณ์เวทมนตร์ชั้นตำนาน เพราะฉะนั้น อีวานส์ ข้าขอประกาศว่าเจ้าผ่านการทดสอบแล้ว หลังจากที่หัวหน้าฝ่ายลงนามเสร็จ เจ้าจะได้รับคะแนนชื่อเสียงอาร์คานาหนึ่งคะแนน กรุณารอสักครู่”

ฝ่ายบริหารจัดการนักเวทมีหัวหน้าฝ่ายหนึ่งคนและรองหัวหน้าสามคน และหัวหน้าฝ่ายยังเป็นสมาชิกคณะกรรมการกิจการอีกด้วย

ขณะมองอีริคส่งผลการทดสอบไปให้กับหัวหน้าฝ่าย ลูเซียนก็ถามด้วยความคาดหวัง “ท่านอีริคขอรับ ท่านคิดว่าข้าจะได้รับผลเกี่ยวกับรายงานของข้าเมื่อไหร่หรือขอรับ”

แม้คนที่นิ่งสงบอย่างลูเซียนยังอดไม่ได้ที่จะตั้งตาคอย

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตารางธาตุมีบทบาทสำคัญมากในหน้าประวัติศาสตร์การพัฒนาวิทยาศาสตร์ มันเป็นสัญลักษณ์จุดจบแห่งการสำรวจธาตุต่างๆ อย่างไร้แบบแผนของมนุษยชาติ และมันยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับการศึกษาสำคัญอีกมากมายในเวลาต่อมา

นอกจากนี้ สิ่งที่ซ่อนอยู่หลังตารางธาตุยังเป็นขอบเขตสดใหม่เหนือจินตนาการแสนล้ำเลิศ การศึกษาลงลึกในเรื่องนี้อาจสั่นสะเทือนความรู้ด้านฟิสิกส์ของลูเซียนจากโลกเดิม และอาจโค่นล้มทฤษฎีหลักๆ ที่สภาเวทมนตร์สนับสนุนอยู่ในปัจจุบัน

ด้วยเหตุนี้ มันจึงไม่เหมาะที่จะเปรียบเทียบตารางธาตุกับศิลาฤกษ์และบัลลังค์ในโลกแห่งการศึกษาเวทธาตุ แต่แม้เรื่องตารางธาตุนี้จะสำคัญมาก ตอนที่เมนเดเลเยฟนำเสนอเป็นครั้งแรกในโลกเดิมของลูเซียน กลับไม่มีผู้ใดให้ความสนใจกับงานวิจัยของเขา และผู้คนยังกระทั่งแสดงความเห็นว่างานของเขาเป็นเรื่องที่สิ้นเปลืองเวลาอย่างยิ่ง แม้แต่อาจารย์ของเขายังคิดเช่นนั้น กระทั่งช่วงต้นศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ตอนที่ความสำคัญของงานเขาเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปแล้ว เมนเดเลเยฟก็ยังไม่สามารถชนะรางวัลโนเบลสาขาเคมีโดยที่ขาดไปเพียงหนึ่งคะแนนเสียง

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ลูเซียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่ากลัว เขารู้ดีว่างานเขียนของเขายังต้องมีงานวิจัยมาสนับสนุนเพิ่มเติมจากนักเวทท่านอื่นๆ

หากผู้ใดสนใจในงานวิจัยของเขา หรือทฤษฎีที่ลูเซียนนำมาจากโลกเดิมใช้ไม่ได้ผลกับโลกแห่งเวทมนตร์นี้ งานเขียนของเขาก็จะไม่มีทางประสบความสำเร็จ

แม้ว่าจะมีจอมเวทท่านใดมองเห็นความสำคัญจากการค้นพบของเขา การพิสูจน์ยืนยันก็ยังจำเป็นต้องใช้เวลา แต่ลูเซียนต้องการความสนใจจาก ‘เจตจำนงแห่งธาตุ’ เดี๋ยวนี้เลย มิเช่นนั้นเขาอาจถูกกลุ่มอันแข็งแกร่งบางกลุ่มอย่าง ‘หัตถ์ไร้ชีวา’ สังหารไปเสียก่อน

หนทางที่ดีที่สุดในการได้รับผลตอบรับโดยเร็วที่สุดก็คือการตีพิมพ์งานเขียนของเขากับวารสารที่ทรงอิทธิพล แต่ก่อนหน้านั้น งานเขียนของเขาจำเป็นต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการเสียก่อน

“ก็แล้วแต่…” อีริคตอบ “สำหรับรายงานการวิจัยอาร์คานา ข้าว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณสามวันถึงหนึ่งสัปดาห์ หรืออาจกระทั่งหนึ่งเดือน งานชิ้นก่อนของเจ้าเป็นข้อยกเว้น อีวานส์ แต่ไม่จำเป็นต้องวิตกกังวลไปหรือก เพราะงานของเจ้าจะเก็บรักษาไว้กับคณะกรรมการ และไม่มีใครสามารถนำผลการวิจัยของเจ้าไปได้”

“เป็นเช่นนี้นี่เอง…” ลูเซียนพยักหน้า ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ ลูเซียนเชื่อว่าเขาจะยังปลอดภัยดี และเจ้าผีดิบตนนั้นก็คงไม่โจมตีเขาง่ายๆ แม้ว่าเขาจะวางแผนยืมพลังจากทางสภาเวทมนตร์เพื่อหาตัวผู้ที่ส่งเจ้าสิ่งนี้มาจับตามองเขาเอาไว้จริงๆ แต่ลูเซียนก็ตัดสินใจระวังตัวกว่าเดิมเพราะว่าเขายังใหม่มากกับที่นี่

ไม่นานหลังจากนั้น เอกสารที่หัวหน้าฝ่ายลงนามมาแล้วก็ส่งกลับมา จากนั้นอีริคก็ปรับข้อมูลบนเหรียญตราอาร์คานาและเวทมนตร์ให้กับลูเซียน

“อีวานส์ เจ้าได้รับคะแนนชื่อเสียงอาร์คานาพื้นฐานแล้ว และเพราะจากวารสารฉบับล่าสุด มีบทความทั้งหมดเก้าบทความที่อ้างอิงถึงการทดลองและผลการวิจัยของเจ้า รวมถึงบทความจากท่านเฟอร์นันโด ดังนั้นรวมกันทั้งหมดแล้วเป็นคะแนนชื่อเสียงอาร์คานาเก้าคะแนน” อีริคมองเหรียญตราอาร์คานาของลูเซียนแล้วกล่าวต่อ “ตอนนี้เจ้ามีคะแนนชื่อเสียงทั้งหมดสิบเจ็ดคะแนน ยินดีด้วย อีวานส์ เจ้าถือเป็นจอมเวทระดับหนึ่งแล้ว”

อีริคจับมือกับลูเซียน ก่อนจะยื่นเหรียญตราอาร์คานาของลูเซียนคืนให้เขา

บนเหรียญตรามีดาวสีเงินอยู่หนึ่งดวง มันเปล่งประกายดูลึกลับ

จากนั้น อีริคก็มอบเหรียญตราเวทมนตร์คืนให้ลูเซียน “เพราะ ‘เจ้าแห่งวายุ’ อ้างอิงถึงบทความของเจ้า จอมเวทมากมายจึงสนใจเรียนเวทมนตร์บทใหม่ของเจ้า และเพราะมันเป็นเวทมนตร์ระดับฝึกหัด เจ้าจึงได้รับหนึ่งแต้มต่อหนึ่งการแลกเปลี่ยน รวมทั้งหมดแล้ว เจ้าได้รับเจ็ดร้อยหกสิบเก้าแต้มอาร์คานา ดีใจด้วยนะ อีวานส์”

ลูเซียนประหลาดใจอย่างยิ่งกับแต้มที่เขาได้รับ เขารู้ว่าจำนวนนี้หมายความว่าเกือบหนึ่งในสิบของนักเวททั้งหมดในเมืองอัลลินซื้อเวทมนตร์ของเขาไปใช้!

จอมมหาเวทเป็นผู้ทรงอิทธิพลอย่างแท้จริง ถ้าต้องทำงานเป็นอาจารย์อยู่ที่ดักลาสต่อไป ลูเซียนคงต้องใช้เวลาอย่างน้อยหกหรือเจ็ดปีกว่าจะได้รับแต้มมากมายถึงเพียงนี้

ทันทีที่ลูเซียนตื่นเต้นดีใจ เขาก็ตระหนักได้ว่า เมื่อเขาก้าวออกไปจากอาคารหลังนี้ เจ้าผีดิบตนนั้นก็คงกลับมาตามติดและจับตามองรอบๆ ตัวเขาต่อ เขาจึงสงบลงอย่างรวดเร็ว

หลังจากติดเหรียญตราที่ได้มาใหม่ ลูเซียนก็กลับมายังห้องโถงของฝ่าย

ซินดี้กับโดน่าแสดงความยินดีกับลูเซียนอย่างจริงจังและรู้สึกประหลาดใจที่เขากลายเป็นจอมเวทระดับหนึ่งอย่างรวดเร็วปานฉะนี้

หลังจากกินมื้อเที่ยงกับซินดี้และโดน่า ลูเซียนกลับไปที่สำนักดักลาสเพื่อรอคอยผลการพิจารณา

ณ ชั้นที่สิบสี่ ห้องคณะกรรมการกิจการ ในห้องรับรองพิเศษ

โรเจริโอถือแก้วไวน์ไว้ในมือซีดเซียวข้างหนึ่ง ขณะฟังรายงานจากปีศาจผีดิบร่างสูง

ปีศาจตนนี้สวมเสื้อคลุมมีหมวกสีดำ ซึ่งแตกต่างจากแบบโบราณ และยังมีลวดลายลึกลับมากมายบนนั้นอีกด้วย ดวงตาของมันที่ดูกึ่งๆ โปร่งแสงนั้นเปล่งประกายด้วยแสงสีแดงน่าหวาดเกรง และผิวหนังซูบตอบก็ดูซีดเซียวราวกับคนตาย

“อะดอล เจ้าจะบอกว่าลูเซียนเป็นเพียงนักเวทธรรมดาๆ ที่กำลังมุมานะศึกษาอยู่ และเขาก็ไม่เคยไปพบกับใครที่น่าสงสัยเลยเช่นนั้นหรือ” น้ำเสียงของโรเจริโอยามพูดกับปีศาจฟังดูค่อนข้างคล้ายให้ความเคารพ ราวกับว่าปีศาจตนนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาอัญเชิญมา แต่เป็นคู่หูของเขา

“ใช่แล้ว” หมวกคลุมศีรษะของอะดอลขยับเล็กน้อย “หัวข้องานวิจัยล่าสุดของเขาเป็นเรื่องเกี่ยวกับศาสตร์แห่งธาตุ และเขาก็เพิ่งผ่านการทดสอบพื้นฐานอาร์คานา ข้าไม่เห็นว่าจะมีใครอื่นที่แอบจับตามองหรือปกป้องเขาอยู่เลย เจ้าเชื่อถือความสามารถในการท่องไปมาระหว่างสองโลกของข้าได้ ท่านโรเจริโอ เว้นแต่นักเวทระดับตำนานหรือพระคาร์ดินัลระดับเก้า นอกนั้นมิมีผู้ใดมองเห็นถึงการมีอยู่ของข้าได้หรือก”

“อ้อ… มันชักจะซับซ้อนขึ้นเสียแล้วสิตอนนี้” มือซ้ายของโรเจริโอยกขึ้นมากุมรอบมือขวาที่ถือแก้วไวน์อยู่ “บางทีพวก ‘เจตจำนงแห่งธาตุ’ กำลังใช้ลูเซียน อีวานส์ เพื่อทำให้เราไขว้เขวอยู่ก็ได้ มิเช่นนั้นนักเวทคนใหม่จะอาจหาญใช้ชื่อเดิมในอัลลินได้อย่างไร… ดูเหมือนว่าตอนนี้เราจำเป็นต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้มีความคืบหน้าบ้างแล้ว…

ห้องทำงานของแลร์รี่

แลร์รี่ไม่ยอมหยุดทำงานของตนจนกระทั่งนกฮูกที่ชื่อแมทธิวบินมาเตือนเขาว่า ใกล้ถึงกำหนดส่งผลการพิจารณารายงานการวิจัยที่ส่งมาให้เขาเมื่อหลายวันก่อนแล้ว

ขณะที่เขาอ่านรายงานทั้งหลายอยู่นั้น แลร์รี่ก็พบกับชื่อคุ้นตา ลูเซียน อีวานส์ แต่หลังจากกลับไปอ่านซ้ำสอง เขาก็สังเกตเห็นว่าผู้เขียนนั้นแท้จริงแล้วชื่อลูเซียน อีวานส์ เอ็กซ์.

ในสายตาของแลร์รี่แล้ว แม้ว่าตารางธาตุที่ลูเซียน อีวานส์ เอ็กซ์. นำเสนอนั้นค่อนข้างชัดเจนดี แต่ก็ไม่มีอะไรมาพิสูจน์ว่าตารางนี้ถูกหรือผิด เว้นแต่ว่าจะมีการค้นพบธาตุใหม่ๆ ข้อถกเถียงและการสำรวจลำดับธาตุนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร และการคาดเดาก่อนหน้านี้ก็ถูกพิสูจน์ว่าไม่เป็นจริงทั้งหมดในภายหลัง

ในฐานะจอมเวทระดับห้าที่เชี่ยวชาญศาสตร์แห่งธาตุ เมื่อลูเซียนชี้ว่าการวัดตวงของธาตุบางธาตุอาจผิดพลาดได้อย่างอุกอาจ เพราะว่าพวกมันไม่เข้ากับตารางนี้ แลร์รี่จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย เนื่องจากตัวแลร์รี่เองเคยช่างน้ำหนักมาแล้วหลายต่อหลายครั้งและเขาก็ไม่พบว่ามีอะไรผิดพลาด

แลร์รี่กำลังจะตัดสินให้รายงานสอบตกไป แต่เมื่อคิดอีกที เขาก็พึมพำกับตนเองว่า “ข้าควรจะพิสูจน์มวลอะตอมที่เหลือด้วยเช่นกัน ตอนนี้ข้าต้องเตรียมรายงานสำหรับการประชุมในนครเรนทาโตเดือนหน้า… ข้าควรจดเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้วค่อยมาทำตอนกลับมาแล้ว…”

จากนั้นแลร์รี่ก็เริ่มเขียนความเห็นของตนลงบนรายงานของลูเซียน

ในเวลาเดียวกันนั้น ณ สถานที่อีกแห่งหนึ่ง ทิโมธี จอมเวทระดับสี่และนักเวทระดับห้า ผู้เป็นลูกศิษย์ของโอเวรี นักเวทระดับเจ็ด ก็กำลังเขียนความเห็นของเขาลงบนรายงานนี้เช่นนี้

สามวันหลังจากนั้น ลูเซียนขอลางานกับทางสำนักอีกครั้งและกลับมาที่ฝ่ายบริหารจัดการนักเวท วันนี้อีริคไม่มาทำงาน ลูเซียนจึงได้พบกับผู้หญิงร่างท้วมนามลูซี่ จอมเวทระดับสาม นักเวทระดับสี่

“ท่านหญิงลูซี่ขอรับ เมื่อหลายวันก่อนข้าได้ส่งงานเขียนไปรับการพิจารณา และข้าก็สงสัยว่าตอนนี้มีผลการพิจารณาตอบกลับมาหรือยังขอรับ”

แม้ว่าบนใบหน้าลูซี่จะไม่มีรอยยิ้มประดับอยู่ นางก็ไม่คิดจะทำอะไรให้ลูเซียนยุ่งยาก นางเพียงพยักหน้าแล้วหยิบแฟ้มออกมา “อันดับแรก รายงานนี้ผ่านการพิจารณาแล้ว ตามคำกล่าวของท่านแกสตันและท่านโอเวรีแล้ว รายงานนี้นำเสนอตารางธาตุเพื่อให้มีการสำรวจธาตุใหม่ๆ เพิ่มเติมในอนาคต และยังชี้ให้เห็นอย่างอุกอาจว่าการวัดตวงมวลอะตอมอาจมีข้อผิดพลาดบางประการ แต่ในขณะเดียวกัน มันกลับไม่มีหลักฐานแน่นอนที่จะสนับสนุนข้อสันนิษฐานของผู้เขียนว่าเป็นจริง ในเมื่องานชิ้นนี้ควรค่าแก่การนำไปอภิปรายต่อ เจ้าจะได้รับคะแนนชื่อเสียงหนึ่งคะแนนและคะแนนอาร์คานาหนึ่งคะแนน”

แม้ว่าลูเซียนจะเตรียมตัวมาค่อนข้างดี เขาก็ยังรู้สึกว่าผลการพิจารณานั้นน่าผิดหวังไม่น้อย หรือพูดให้ถูกคือ มันช่างน่าขัน เขาเชื่อว่างานเขียนชิ้นนี้จะเป็นสิ่งสำคัญใหญ่หลวงในประวัติศาสตร์เวทมนตร์และศาสตร์แห่งธาตุ แต่งานเขียนชิ้นนี้กลับทำให้เขาได้รับคะแนนชื่อเสียงแค่คะแนนเดียว

…………………….