เดิมทีเขาโฮ่วซานนั้นเป็นเพียงแค่นักบ่มเพาะอิสระปกติธรรมดาคนหนึ่ง

ทว่าเมื่อ20วันที่แล้ว โชคชะตาของเขาก็ได้เปลี่ยนไป ในระหว่างการต่อสู้กับอสูรดุร้ายนั้น จู่ๆคัมภีร์ลับระดับเซนต์ก็ได้ตกลงมาจากอสูรดุร้ายตัวหนึ่ง–มันคือคัมภีร์ทักษะหล่อหลอมเปลวไฟสามขีด

ท้ายที่สุดก็เห็นได้ชัดว่าเกิดความขัดแย้งภายในขึ้นระหว่างกลุ่มนักบ่มเพาะอิสระของเขา ทำให้เกิดการฆ่าฟันซึ่งกันและกัน

ท้ายที่สุดโฮ่วซานก็เอาชนะได้ คนอื่นๆก็ได้ตายไป

ทว่าเขาก็ไม่คาดคิดว่าคนเหล่านี้จะสติฟั่นเฟือน คิดว่าหากตนเองไม่ได้ครอบครองทักษะนี้ ก็จะไม่ให้เขาได้ครอบครองเช่นกัน ดังนั้นจึงได้กระจายข่าวเรื่องนี้ออกไปอย่างรวดเร็ว

ด้วยความเร็วในการกระจายข่าวนี้นั้น มันก็ไม่มีเวลาพอให้เขาได้กลับไปยังพื้นที่เขตปลอดภัย ถูกกลุ่มของผู้คนจำนวนมหาศาลที่เข้ามาล้อมรอบพื้นที่เทือกเขาแห่งนี้ไว้ ไม่มีทางให้เขากลับไปสู่พื้นที่เขตปลอดภัยได้เลย

โชคดีที่ว่าเขานั้นเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญด้านทักษะการพรางตัว เปลี่ยนรูปลักษณ์ของตนเองได้ ด้วยการที่เสแสร้งทำเป็นเดินผ่านกลุ่มของผู้คนนั้น จากนั้นเขาก็ได้แฝงตัวเข้ามาในกลุ่มนักบ่มเพาะอิสระที่กำลังตามหาทักษะหล่อหลอมเปลวไฟสามขีดเช่นกัน

เห็นได้ชัดว่าแผนการของเขาโฮ่วซานประสบความสำเร็จด้วยดี เขาได้ปะปนเข้ามาอยู่ในกลุ่มสำรวจเช่นนี้ คนอื่นๆก็ไม่คิดว่าเขานั้นคือผู้ที่ครองครองทักษะหล่อหลอมระดับเซนต์นั้นอยู่

ทว่ากลุ่มของผู้คนที่ได้ทำการสำรวจสถานที่ทุกหนแห่ง ไม่ว่าจะเป็นถ้ำ หุบเขา แม่น้ำและพื้นที่ที่ห่างไกลออกไปนั้น พวกเขาต่างก็ล้มเหลว เห็นได้ชัดว่าจะไม่ได้รับผลลัพธ์ใดๆกลับมา

“อีกไม่นาน ข้าก็จะออกไปได้”

โฮ่วซานยับยั้งความตื่นเต้นของตนเองไว้ในใจ หลังจากการอยู่ร่วมกับคนเหล่านี้มาเป็นระยะเวลา20วัน เขาก็สนิทสนมกับคนเหล่านี้อย่างมาก อีกทั้งภายใต้คำแนะนำของเขานั้น กลุ่มคนเหล่านี้ก็ได้เดินทางมาถึงพื้นที่เทือกเขารอบนอกอย่างช้าๆ

รอให้ถึงเวลา เขาจะหาข้ออ้างในการออกไปจากกลุ่มอย่างลับๆ จากนั้นเขาก็จะสามารถหลบหนีออกไปได้ หลบหนีออกไปจากวงล้อมเหล่านี้ ไม่ปรากฏให้ใครได้เห็นอีก

เชื่อว่าไม่มีใครที่จะนึกสงสัยในตัวของผู้คนปกติธรรมดาอย่างเขา

“รอก่อนเถอะเสี่ยวหลี่ รอให้ข้าได้เรียนรู้ทักษะหล่อหลอมเปลวไฟสามขีดนี่จนสำเร็จ เจ้าจะต้องรู้สึกเสียใจที่ได้ปฏิเสธความรักของข้า”

ในตอนนี้จู่ๆโฮ่วซานก็นึกถึงเทพธิดาที่ได้ปฏิเสธตนเอง ทันใดนั้นก็กัดฟันอย่างแน่น เขาจดจำได้อย่างดีถึงท่าทางของเทพธิดาคนนั้นที่ได้ปฏิเสธเขา สีหน้าที่เหยียดหยามที่มองมาที่เขา เหมือนกับกำลังสื่อความหมายว่าเขาเป็นคางคกที่อยากกินเนื้อห่านฟ้า

แน่นอนว่าก่อนหน้านี้เขาก็ไม่ได้มีความโดดเด่นอะไรจริงๆ ถึงขั้นที่เรียกได้ว่าอ่อนแอ ไม่ว่าใครก็สามารถรังแกเขาได้

ทว่านับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปมันจะแตกต่างอย่างสิ้นเชิง การที่เขาได้ครอบครองทักษะหล่อหลอมเปลวไฟสามขีดนี้ ในอนาคตจะต้องกลายเป็นยอดปรมาจารย์ด้านการหล่อหลอมอย่างแน่นอน อีกทั้งยังมีโอกาสที่จะกลายเป็นแขกผู้ทรงเกียรติของนิกายที่ยิ่งใหญ่จำนวนมาก เป็นที่เคารพนับถือของทุกๆคน

เหอะ วันนี้เจ้าอาจจะมองข้าด้วยสีหน้าที่เย็นชาและไม่แยแส ทว่าวันพรุ่งนี้ข้าจะทำให้เจ้ามองข้าด้วยสีหน้าที่อ้าปากค้าง

คิดได้เช่นนี้ น้ำลายของโฮ่วซานก็เกือบที่จะไหลออกมา คิดได้ว่าตนเองบ่มเพาะทักษะหล่อหลอมเปลวไฟสามขีดจนสำเร็จ กลายเป็นยอดปรมาจารย์ด้านการหล่อหลอม ผู้คนนับหมื่นเคารพนับถือ ก้าวเข้าสู่จุดที่รุ่งเรืองที่สุดของชีวิต

หลังจากที่เจ้าเทพธิดาเสี่ยวหลี่นั่นล่วงรู้ถึงเรื่องนี้ เธอจะต้องรู้สึกเสียใจ ร่ำไห้และอ้อนวอนขอกลับมาหาเขา กลับมาบอกว่าแท้ที่จริงนั้นเธอก็ชอบเขาเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ที่พูดคำเหล่านั้นออกมานั้นก็เพื่อที่จะทดสอบความจริงใจของเขา ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าผ่านการทดสอบแล้ว

สำหรับหญิงสาวที่ไร้ยางอายเช่นนี้ แน่นอนว่าเขาจะต้องเหยียบย่ำเท่านั้น ผู้ชายที่ยืนอยู่ในจุดสูงสุดของชีวิตอย่างเขา เป็นไปได้อย่างไรที่จะให้ความสนใจกับผู้หญิงคนนี้ ยังมีผู้หญิงอีกมากมายที่รอเขาอยู่

ไม่สิ เมื่อคิดดูดีๆ อย่างแรกไม่ต้องเหยียบย่ำเธอก่อน จะต้องตอบรับคำเรียกร้องของเธอ หลังจากที่รอให้ได้ใช้งานเธออย่างหนักทั้งวันทั้งคืน เล่นกับเธอจนพึงพอใจ จากนั้นก็ถึงเวลาเหยียบย่ำ ทำให้เธอได้รู้สึกถึงสิ่งที่เรียกว่าความเจ็บปวดของการถูกทอดทิ้ง

คิดได้เช่นนี้ โฮ่วซานก็เกือบที่จะฉีกยิ้มกว้างออกมา

“โฮ่วซาน เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ เจ้าไม่ได้ยินสิ่งที่ข้าพูดหรือ? นี่หูของเจ้ามีปัญหาหรือ?” ชายร่างใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆได้ตบไหล่ของโฮ่วซาน ซึ่งความเจ็บปวดก็ได้ทำให้เขาตื่นขึ้นมาจากภาพความฝันในทันที

บัดซบ เจ้าบัดซบนี่ รู้หรือไม่ว่าสิ่งใดที่เรียกว่าการเกรงอกเกรงใจ!

โฮ่วซานมีสีหน้าที่แดงขึ้นมาทันที เขารู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่างกายโดยการตบนี้ กระดูกเกือบที่จะหักออกมา

เขาล่วงรู้ว่าชายคนนี้คือหัวหน้าของกลุ่มนี้ พึ่งพาอาศัยการที่ตนเองมีพลังอำนาจที่แข็งแกร่ง ตบผู้คนในทุกหนแห่ง

ก่อนหน้านี้เขาก็เข้ามาในกลุ่มนี้ในฐานะน้องเล็ก ถูกเจ้าบัดซบนี่ใช้งานในทุกหนแห่ง อีกทั้งยังถูกตบในทุกที่ที่ไป เป็นเหมือนกับลูกบอลยางก็ว่าได้

หากเป็นไปได้ โฮ่วซานปรารถนาที่จะตบเจ้าชายร่างใหญ่นี่จนกระเด็นออกไป อีกทั้งยังต้องการที่จะตำหนิต่อว่าต่อหน้าทุกๆคน เจ้าบัดซบนี่ล่วงรู้หรือไม่ว่าตนเองแข็งแกร่งแค่ไหน ทำไมไม่รู้จักยั้งมือ?

โฮ่วซานแอบตัดสินใจอย่างลับๆ รอให้เขาได้กลายเป็นยอดปรมาจารย์ด้านการหล่อหลอม ในอนาคตเขาจะต้องสังหารเจ้าชายร่างใหญ่นี่เป็นคนแรก

ทว่าตอนนี้ควรที่จะเสแสร้งทำเป็นไม่รู้สึกรู้สาอะไร

เขาได้ยิ้มออกมาอย่างประจบประแจงทันที “หัวหน้า ขออภัยด้วย ข้าปวดฉี่อย่างกะทันหัน ข้าขอออกไปฉี่ได้หรือไม่?”

“อะไรนะ? ก่อนหน้านี้ในช่วงพักทำไมเจ้าถึงไม่ไป หาข้ออ้างในการอู้อย่างนั้นหรือ เอาล่ะ เจ้าไปเถอะ แต่ก็รีบกลับมา พวกเราจะรอไปพร้อมกัน”

ชายร่างใหญ่พูดไปด่าไป รู้สึกไม่สบอารมณ์กับคำขอของโฮ่วซาน คิดว่าเจ้านี่ไม่มีความเคารพต่อหัวหน้าชั่วคราวคนนี้มากนัก

กลับมาตูดข้าสิ ข้าจะหายไป!

โฮ่วซานปรารถนาที่จะถ่มน้ำลายใส่ใบหน้าของเขาทันที ทว่าเมื่อคิดว่าตนเองจะต้องหลบหนีออกไปนั้น เขาก็ไม่ต้องการที่จะโต้ตอบอะไรกับนักกล้ามคนนี้

และก็จริงๆ ด้วยความเกี่ยวข้องกับความปกติธรรมดาเกินไปของเขา คนอื่นๆก็ไม่ได้รู้ว่าโฮ่วซานได้แอบหลบหนีออกไป แม้แต่บางคนก็ถึงขั้นไม่รู้มาก่อนว่ากลุ่มของพวกเขาเคยมีโฮ่วซานอยู่เช่นกัน

วิซ!

หลังจากไม่กี่นาที โฮ่วซานก็ได้แยกตัวออกจากกลุ่มนี้ในทันที หลบหนีออกไปเหมือนกับม้าพยศก็ว่าได้ หลบหนีออกไปสู่ข้างนอกพื้นที่เทือกเขานี้อย่างรวดเร็ว ก้าวยาวอย่างต่อเนื่อง ไม่มีหยุด

อย่างรวดเร็ว เขาก็ได้มาถึงบริเวณขอบนอกของพื้นที่เทือกเขาแห่งนี้ อีกทั้งยังสามารถมองเห็นทุ่งหญ้าที่อยู่ห่างออกไป เขียวชอุ่มและเต็มไปด้วยพลังชีวิต มีออร่าของความสดชื่นที่แผ่อยู่รอบๆ

โฮ่วซานรู้สึกว่าตนเองใกล้ที่จะเป็นอิสระมากขึ้นเรื่อยๆ หัวใจของเขาเต้นรัวอย่างมีความสุข นี่มันเป็นเหมือนกับการที่นกจะออกโบยบินไปบนท้องฟ้าที่ไร้ขอบเขตก็ว่าได้ ความรู้สึกของอิสรภาพนั้นช่างยอดเยี่ยมจริงๆ

“สหาย โปรดรอก่อน”

ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งที่ดังขึ้นมา

ใครกัน?!

โฮ่วซานขนลุกตั้งขึ้นมา เดิมทีเขาอยู่ในสภาวะที่ถูกไล่ล่า ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา มักที่จะสังเกตมองรอบๆเผื่อว่าจะมีสัญญาณของปัญหาใดๆปรากฏขึ้นมา เกรงกลัวว่าจะถูกจับตัวได้

ทว่าผลลัพธ์นี่มันคืออะไรกัน ทำไมถึงมีใครที่เข้ามาใกล้ตนเองได้โดยที่ไร้เสียงและไร้ร่องรอยเช่นนี้ ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงออร่าของฝ่ายตรงข้าม ยิ่งไปกว่านั้นนี่คือมิตรหรือว่าศัตรูกัน?!

คอของเขาแข็งทื่อ เขาหันหน้าไปมองเหมือนกับเป็นหุ่นยนต์ก็ว่าได้ ต้องการที่จะมองว่าใครกันที่เรียกให้ตนเองหยุด

ทว่าทันทีที่โฮ่วซานหันหน้าไป ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความกลัว เพราะว่าอิฐสีแดงได้อัดเข้าไปที่หน้าผากของตนเอง โหดเหี้ยมอย่างมาก ส่งเสียงที่ดังสนั่นขึ้นมา อีกทั้งยังได้ยินเสียงแหลมที่ฉีกผ่านอากาศมาเช่นกัน

ตึบ!

เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อิฐนี้ได้อัดเข้าไปที่หน้าผากของเขาอย่างจัง จากนั้นวิสัยทัศน์ของเขาก็มืดมัว เหมือนกับได้ตกลงไปสู่หุบเหวลึกที่ไร้ที่สิ้นสุดก็ว่าได้

แม้แต่จะส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าสมเพชก็ไม่มีทางทำได้ หมดสติและล้มลงไป

ทว่าผู้ที่ลงมือนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น เขาก็คือเซี่ยปิงนั่นเอง เขาได้แกะรอยตามมาจนในที่สุดก็พบกับโฮ่วซาน

ท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้ลังเลแต่อย่างใด เริ่มลงมือทันที ใช้อิฐนี้ในการทุบเจ้านี่จนล้มลงไปกับพื้น

ปัง!

เซี่ยปิงปัดฝุ่นบนมือของเขา จากนั้นก็ได้ทำการสำรวจร่างกายของโฮ่วซานและพบกับคัมภีร์หยกในทันที

“พบแล้ว นี่หรือทักษะหล่อหลอมเปลวไฟสามขีด?!”

เซี่ยปิงล่วงรู้ทันทีว่าคัมภีร์หยกนี้ก็คือทักษะหล่อหลอมเปลวไฟสามขีด มรดกตกทอดของบรรพบุรุษเก่าแก่เปลวไฟสามขีดอยู่ข้างในนี้