บุตรอสูรบรรพกาล บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 192 การช่วยเหลือ
“ไม่ได้ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ อย่างมากข้าก็ให้เจ้าเตรียมยาแล้วให้คนของข้าไปส่งเท่านั้น” องค์ชายว่าพลางส่ายหน้าเบาๆ
“เป็นไปม่ได้หรอกขอรับ เลือดของข้าสามารถเก็บรักษาได้ไม่กี่วันเท่านั้น กว่าจะเดินทางไปถึงคงไม่เหลือฤทธิ์ยาอีกต่อไปแล้ว”ไป๋จูเหวินเองก็ยืนยันในสิ่งที่ตนจะทําเช่นกัน
“องค์ชาย เหล่าผู้ได้รับพิษปักเป้าเป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณระดับสูง ข้าคิดว่าการขอร้องครั้งนี้ไม่ได้แย่อะไรนะขอรับ” ชายผู้ติดตามองค์ชายกระซิบเบาๆพลางมองมาทางไป๋จูเหวิน
“นอกจากจะช่วยลดต้นทุนการรักษาแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างบารมีให้องค์ชายอีกนะขอรับ” ได้ยินเช่นนั้นองค์ชายก็มีท่าทีสนใจขึ้นมาเล็กน้อย
“ยังไง”องค์ชายถามพลางมองไปที่คนติดตามของตน
“หากท่านเดินทางไปที่เขตนักล่าอสูรด้วยตนเอง และพาเด็กหนุ่มคนนี้ไปรักษา ท่านจะกลายเป็นองค์ชายที่ดูแลทุกสุขของประชาชนยังไงละขอรับ”ได้ยินเช่นนั้นองค์ชายก็พยักหน้าช้าๆ ฟังดูแล้วก็ไม่เลวเลยทีเดียว
“ก็ได้ ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้ไถ่บาป” พูดจบองค์ชายก็สั่งให้คนรถเปลี่ยนเส้นทางไปยังเขตของกลุ่มนักล่าอสูรแทน
“เจ้านี่ แปลกคนจริงๆ” ระหว่างเดินทาง ชายที่ได้รับบาดเจ็บก็ส่ายหัวพลางมองไป๋จูเหวีที่นั่งอยู่กลางรถม้าด้วยท่าทีไม่เข้าใจ
“ข้าแปลกงั้นหรือ”ไป๋จูเหวินเลิกคิ้วอย่างสงสัย
“มีคนปกติที่ไหนจ่ายเงินเพิ่ม 2,000 ล้านเหรียญทองเพื่อให้ตัวเองมารักษาคนในอาณาจักรอื่นกันเล่า”สหายของชายที่ได้รับบาดเจ็บพูดออกมา ตัวมันยังไม่อยากเชื่อเลยว่าไป๋จูเหวินจะทําเช่นนี้ คราแรกมันแอบคิดว่าเป็นแผนของไป๋จูเหวินหรือไม่ แต่พอเห็นอสูรปักเป้ายังคงคอยตามไป๋จูเหวินไม่ห่างก้เข้าใจเรื่องหนึ่งขึ้นมา นั่นคือไป๋จูเหวินสามารถหนีได้ทุกเมื่อ แต่มันไม่ทําเพราะสาเหตุที่มันเคยพูดทั้งสิ้น
“ช่วยไม่ได้นี่นา ข้าว่าแบบนี้มันเร็วกว่า”ไป๋จูเหวินหัวเราะพลางมองคนทั้งสองอย่างอารมณ์ดี หากไป๋จูเหวินเลือกทางหลบหนีแล้วพยายามไปรักษาคนที่เขตกลุ่มนักล่าอสูรแบบนั้นการรักษาคงยากลําบากและลับๆล่อๆน่าดู สู้ไปอย่างเปิดเผยแบบนี้ดีกว่าเป็นไหนๆ แถมไป๋จูเหวินก็ไม่ได้สนใจเรื่องเงินมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“แต่จะว่าก็ว่าเถอะ ไอ้นั้นนะเกิดจากอสูรของเจ้าจริงๆใช่ไหม” ชายที่ได้รับบาดเจ็บว่าพลางมองออกไปนอกหน้าต่างรถ เบื้องหน้าของพวกมันคือเมืองที่กลุ่มนักล่าอสูรเข้าไปอาศัยนั่นเอง โดยสภาพเมืองในตอนนี้หากมองจากระยะไกลนั้นสามารถให้ความรู้สึกราวกับเมืองครึ่งเมืองตั้งอยู่บนขอบหน้าผาไม่มีผิด โดยการพองตัวของอสูรปักเป้าในครั้งก่อน ทําให้เมืองหายไปกว่าครึ่ง แถมยังสร้างหลุมขนาดใหญ่ราวกับมีอุกกาบาตตกใส่อีกต่างหาก
ขบวนรถม้าเดินทางเข้าไปในเมืองที่เหลือครึ่งเดียวอย่างช้าๆ แม้พวกมันจะเคยเห็นสภาพมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็อดตระหนกไม่ได้ เพราะสภาพแทบไม่ต่างจากเมืองที่พึ่งเจอสงครามมาเลย
“ลงมา”ผู้ติดตามขององค์ชายเดินมาที่รถของไป๋จูเหวินพลางสั่งให้มันลงจากรถเพื่อเดินทางต่อด้วยเท้า
“โอ้ยยย”
“ยา ใครก็ได้เอายามาที”
“บ้านข้า พาข้ากลับไปที่บ้าน”
เสียงของเหล่าชาวเมืองแว่วมาตลอดทางพร้อมกินคาวเลือดและกลิ่นยาต้ม ที่นี่เป็นเขตใกล้กับพื้นที่โดนระเบิด ทําให้มีผู้ป่วยนอนรักษาอาการอยู่ในอาคารตามทางเป็นจํานวนมาก ท่าทางอาณาจักรชูจะขาดแคลนยาและแพทย์จริงๆ
“เข้ามา”ผู้ติดตามขององค์ชายสั่งพลางพาไป๋จูเหวินเข้าไปในจวนแห่งหนึ่ง ที่นี่มีคนบาดเจ็บค่อนข้างน้อย ท่าทางจะเป็นคนสําคัญจริงๆ
“ก่อนอื่นก็รักษาพวกเขาก่อน” คนขององค์ชายพูดจบก็เปิดประตูเข้าไปในจวน ภายในมีห้องอยู่หลายห้องทําให้ไป๋จูเหวินถือวิสาสะตรวจสอบดูว่ามีผู้บาดเจ็บกี่คน
“เข้าใจแล้ว”ไป๋จูเหวินว่าพลางเดินไปที่ห้องๆหนึ่งเพื่อรักษาอาการคนแรก โดยในจวนแห่งนี้มีผู้ติดพิษจากอสูรปักเป้า 22 คน นั่นคือจํานวนสูงสุดของผู้โดนพิษปักเป้าแล้วยังรอดมาได้นับเดือน ทําให้ผู้ที่อยู่ในจวนส่วนใหญ่เป็นผู้มีพลังวิญญาณกล้าแข็งเท่านั้น
การรักษาผู้ติดพิษปักเป้านั้นใช้เวลาไม่นาน แต่ที่ไป๋จูเหวินเป็นห่วงจริงๆคือเหล่าชาวเมืองผู้ไม่รู้เรื่องต่างหาก
“พวกเขาไม่เป็นอะไรแล้ว”ไป๋จูเหวินว่าพลางเดินออกมาจากจวนซึ่งคนขององค์ชายก็ยืนรอมันอยู่ไม่ไปไหน
“ดี แล้วเจ้าจะทําอะไรต่อ” ผู้ติดตามถามพลางมองไปรอบๆ ภายในเมืองยังมีคนบาดเจ็บอีกจํานวนมาก ขนาดแพทย์จากเมืองอื่นๆเข้ามาช่วยแล้วยังดูแลไม่ทั่วถึงเลย หากเจ้าหนุ่มนี่สามารถช่วยได้จริงก็เท่ากับกําไรของพวกมัน เพราะถึงอย่างไรเรื่องจับกุมตัวเจ้าหนุ่มคนนี้เอาไว้ก็เป็นความต้องการส่วนตัวขององค์ชายอยู่แล้ว
“ถ้าเช่นนั้นขอข้าได้ช่วยเหลือพวกเขาก็แล้วกัน”ไป๋จูเหวินยิ้มพลางเดินไปที่บ้านหลังข้างๆ จํานวนผู้บาดเจ็บมากกว่าที่ไป๋จูเหวินคิดเสียอีก ท่าทางคงต้องใช้เวลาอีกหลายวันทีเดียว
“ท่านพ่อ” ภายในเมืองร้อยแปดอสูร หลังจากเกิดเรื่องการจับตัวของไป๋จูเหวิน เหล่าคนของกลุ่มนักล่าอสูรต่างก็กังวลกันอย่างมาก แต่เพราะอีกฝ่ายเป็นองค์ชายของต่างเมือง แถมไป๋จูเหวินยังยอมรับว่าตนผิดอีกต่างหาก จึงไม่มีใครทําอะไรได้เลย
“ข้าจะออกเดินทางไปเมืองหลวง” เหม่ยหลินว่าพลางเดินเข้ามาในห้องประชุม เรื่องคราวนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ สําหรับเหม่ยหลินแล้วนางคิดว่าอย่างน้อยอู๋หมิงก็น่าจะช่วยไป๋จูเหวินบ้าง
“เจ้าแน่ใจหรือว่าจะไป”แม้ไป๋จูเหวินจะสนิทสนมกับพวกองค์ชาย แต่หวงหลงไม่ได้สนิทกับพวกท่านด้วยแต่อย่างไร แถมยังเคยล่วงเกินอู๋หมิงอีกต่างหาก บางทีหางให้เหม่ยหลินไปแทนอาจจะกว่าก็ได้
“เจ้าค่ะ อู๋หมิง…องค์รัชทายาทไม่ปล่อยให้พี่ไปโดนจับไปเฉยๆแน่” เหม่ยหลินตอบด้วยท่าทีกังวล กว่านางจะกลับมาจากภารกิจก็เป็นตอนที่ไป๋จูเหวินโดนจับตัวไปแล้ว
“พี่หลิน ข้าเองก็จะไปกับท่านด้วย” หลินหลินว่าพลางลุกขึ้นยืน เหล่าอสูรของไป๋จูเหวินยังคงอยู่ในห้องประชุมทําให้ได้ยินที่เหม่ยหลินพูดตั้งแต่เข้ามาแล้ว
“ได้ ข้าฝากพวกเจ้าด้วย” หวงหลงพยักหน้าพลางมองไปที่จูเชวี่ย เพราะนางมักจะทําหน้าที่รับส่งเหม่ยหลินยามมีธุระสําคัญเสมอ
“พาเหม่ยหลินไปส่ง ข้าจะเขียนจดหมายไปขอความช่วยเหลือจากหัวหน้าถังอีกแรง”ได้ยินหวงหลงพูด จูเชวี่ยก็รีบวิ่งเข้ามาหาเหม่ยหลินทันที ทําให้เหล่าอสูรแมงมุม ต้าชิง และต้าเฉินต่างเสนอตัวเดินทางไปด้วย
“เหม่ยหลิน เจ้าจะไปไหนก่อน” จูเซวี่ยถามพลางกลายร่างเป็นวิหคเพลิงที่นอกวังมังกร
“ไปหาเหม่ยฮวา”เหม่ยหลินตอบพลางกระโดดขึ้นหลังของจูเขวี่ย
“เอ๊ะ ไม่ใช่ว่าเจ้าจะไปวังหลวงเหรอ” จูเชวี่ยถามอย่างประหลาดใจ เพราะนึกว่าเหม่ยหลินจะรีบเดินทางไปเมืองหลวงเสียอีก
“ที่นั่นมีคนที่พาเราเข้าวังได้ไวกว่า”เหม่ยหลินตอบหย่างหนักแน่น เพราะนางมั่นใจว่าเทียนเหวินจะต้องอยู่ที่นั่นอย่างแน่นอน และหากสามารถติดต่อกับเทียนเหวินได้ การเข้าวังไปหาอู๋หมิงก็เป็นเรื่องง่าย
“เข้าใจแล้ว”จูเซวี่ยพยักหน้าพลางกระพือปีกมุ่งไปทางเมืองของเหม่ยฮวาทันที
ฟุบ! ร่างของจูเซวี่ยทะบานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วราวกับธนูเพลิงที่ถูกยิ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า เพียงไม่กี่วันพวกมันก็มาถึงเมืองของเหม่ยฮวาตามที่หวัง
พรึบ! ร่างของอสูรวิหคเพลิงทําเอาชาวเมืองแตกตื่นกันไม่น้อยยิ่งมันมาลงจอดกลางเมืองที่ตรงหน้าร้านของเหม่ยฮวา ยิ่งทําให้คนแตกตื่นกันยกใหญ่
“พี่เหม่ยหลิน” เทียนเหวินที่ออกมารับหน้าเบิกตากว้าง เมื่อเห็นคนที่อยู่บนหลังของจูเชวี่ย
“เทียนเหวิน เจ้าอยู่ที่นี่จริงๆด้วย”เหม่ยหลินว่าพลางกระโดดลงไปที่หน้าร้านของเหม่ยฮวา ทําให้เหม่ยฮวาและบิดามารดาตกใจอย่างมากที่เห็นพี่สาวของเหม่ยฮวาชีวิหคเพลิงตัวใหญ่มาลงจอดหน้าร้าน
“อะไรกัน ท่านมีเรื่องอะไรรีบร้อนงั้นเหรอ”เทียนเหวินขมวดคิ้วเมื่อเห็นเหม่ยหลินตรงเข้ามาหามันทันที
“พาข้าไปหาพี่ชายเจ้าหน่อย ข้ามีเรื่องต้องให้เขาช่วย”เหม่ยหลินว่าพลางจ้องเทียนเหวินด้วยแววตาจริงจัง ทําเอาเทียนเหวินรู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก ปกติเหม่ยหลินไม่ใช่คนรีบร้อนเช่นนี้ เรื่องอะไรกันที่ทําให้นางเป็นเช่นนี้ได้