ตอนที่ 425 สาวสวยที่ไหนกัน มาเป็นของป๊าเถอะ (2) / ตอนที่ 426 ฉันจะจีบเธอ

ยัยจอมกวนป่วนหัวใจนายไอดอล

ตอนที่ 425 สาวสวยที่ไหนกัน มาเป็นของป๊าเถอะ (2)

ซูเสี่ยวมั่วที่บ้าคลั่งก็พูดตะกุกตะกักว่า “ฉัน…ฉัน…”

เรามาชวนทะเลาะนี่หว่า!

ยังไงก็พูดไม่ออกเลย…

สุดท้ายกำลังสู้รบของตัวเธอเองและเซิ่งอี่เจ๋อก็แตกต่างกันมาก กอปรกับคนในห้องนี้ดูมืดหม่นดำทมิฬ พูดไปก็เหมือนรนหาที่ตายไม่ใช่รึไงกัน?

ดวงตาของเธอลุกลี้ลุกลน แล้วถือโอกาสพิงในอ้อมแขนเหอจยาอวี๋ “ฉันก็มาหานายไงเล่า เหล่าเหอ การบ้านฟิสิกส์ของวันนี้ขอฉันลอกหน่อยได้มั้ย?”

เหอจยาอวี๋ผงะไปชั่วขณะ แล้วก็ยกยิ้มขึ้น “ได้สิ เดี๋ยวกลับไปแล้วฉันจะเอามาให้เธอนะ”

เกรดของซูเสี่ยวมั่วที่ติดห้าอันดับแรกตลอดทั้งปี ยังต้องขอลอกการบ้านเขาอีกหรอ?

ก็แค่หาข้ออ้างเท่านั้นแหละ ยากที่จะเห็นเธอทำตัวเชื่องขนาดนี้ สุดท้ายเขาก็ให้ความร่วมมือด้วยเลยแล้วกัน

คนในห้องตะโกนขึ้น “โห มนุษย์ป้าคนนี้ช่างเป็นคนฉลาดใฝ่เรียน ถามได้อย่างไม่อายจริงๆ เลยนะ! จะลอกการบ้านก็ยังลอกได้ที่ร้านเหล้าเชียว!”

ซูเสี่ยวมั่วยิ้มกริ่มพลางถาม “ตัวเธอจ๊ะ ขอถามเธอหน่อยร่างกายพิการรึเปล่าจ๊ะ”

คนๆ นั้นเดือดดาลทันที “ยัยบ้านี่! ร่างกายฉันแข็งแรงดี! เธอหมายความว่าอะไร?”

“อ้อ งั้นสงบปากสงบคำ ก็ไม่มีใครว่าเธอว่าเป็นใบ้หรอกนะ” ซูเสี่ยวมั่วตอบโต้อย่างไม่มีความเกรงใจแม้แต่นิดเดียว!

“ฮ่าฮ่าฮ่า ได้ๆ ผู้หญิงคนนี้แสบพอตัวเลยนี่!”

“เอ๊ะ ลู่เส่า ถูกด่าไม่ไว้หน้าเลยเชียวหรอเนี่ย”

สีหน้าลู่เส่าเปลี่ยนสีเดี๋ยวฟ้าเดี๋ยวขาว เขาส่งเสียงหึครั้งหนึ่ง แล้วยกแก้วกระดกเหล้าคนเดียว

ซูเสี่ยวมั่วเพิ่งจะมีเวลามองเซิ่งอี่เจ๋อ เขามีใบหน้าอันเคร่งขรึม ด้านหน้าของเขามีขวดเหล้าวางเรียงรายเป็นแถว ดื่มไปไม่น้อยเลย ในห้องที่เสียงดังอึกทึก แต่เขากลับคล้ายจะเอาตัวเองไปอยู่ในเรื่องอื่น เป็นคนเดียวที่เอาแต่ดื่มเหล้าอย่างไม่หยุดหย่อน

ซูเสี่ยวมั่วเดินไปยังเบื้องหน้าของเขา แล้วด่าขึ้นอย่างเดือดดาล “ไอ้คนหน้าม่อ! ผู้ชายเลว! ขยะ! ดื่มไปให้ตายเถอะนายน่ะ! เฮอะ!”

คนในห้องต่างตะลึงงัน เหลือบมองหญิงสาวคนนี้ที่กำลังชี้หน้าด่าเซิ่งอี่เจ๋ออย่างช่วยไม่ได้

เหอจยาอวี๋มีสีหน้าเหมือนจะทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาอีก

เซิ่งอี่เจ๋อลืมตาขึ้นอย่างเอื่อยเฉื่อย ที่มุมปากกระตุกขึ้น “เป็นเธอนี่เอง”

“ยังไงนะ?”

เกิดความเงียบชั่วครู่ ชายหนุ่มที่หล่อเหลาด้านหน้าก็เพิ่งจะเปิดปากพูดออกมา ด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “หล่อนยังโอเคอยู่ใช่มั้ย?”

วันนั้น หลังจากอันซย่าซย่าทำบอนไซร่วง ทั้งสองก็ไม่ได้พบหน้าอีกเลย

ประโยค ‘หล่อนยังโอเคอยู่ใช่มั้ย’ ที่ว่าเหมือนกับต้องข้ามผ่านหมื่นธาราพันภูผา กว่าหลุดออกจากปากมาได้

ซูเสี่ยวมั่วที่ถูกเขาถามด้วยน้ำเสียงแข็งทื่อเช่นนั้น ก็รู้ชัดว่ายังแคร์อยู่

เธอไม่รู้ว่าทำไมทั้งสองคนถึงเลิกกัน แล้วกลายเป็นเพื่อนกัน เธอที่เลือกเข้าข้างเพื่อนตัวเองอย่างไม่มีเงื่อนไข และรู้สึกได้ว่าทั้งหมดเป็นความผิดเซิ่งอี่เจ๋อแน่นอน!

ตอนนี้พอมองสภาพเซิ่งอี่เจ๋อ หรือว่าจะมีเรื่องอื่นที่ไม่ยอมพูดออกมาอยู่?

ขณะที่กำลังครุ่นคิด เซิ่งอี่เจ๋อชำเหลืองมองเธอพลางรินเหล้า “สักแก้วมั้ย”

ซูเสี่ยวมั่วถูกจุดประกายจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ “ก็เอาสิ!” เธอน่ะคอทองแดงเชียวนะ!

แล้วถือขวดเบียร์ขวดหนึ่งขึ้น ชนแก้วกับเซิ่งอี่เจ๋อหนึ่งที จากนั้นก็กระดกเสียงเอื้อกๆ จนหมด

ทั้งสองเหมือนกำลังร่ำสุราพบคนรู้ใจก็มิปาน ไม่หยุดดื่มกัน จนเห็นผู้คนลานตาไปหมด

เบียร์สิบขวดกว่าๆ และเหล้านอกอีกสองขวดและต่อด้วยไวน์แดงอีกหนึ่งขวด ซึ่งสีหน้าของเซี่งอี่เจ๋อปกติดี ยังคงหยิบขวดเหล้าเหมาไถ [1] ด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย “เอาเหล้าขาวหน่อยมั้ย”

ซูเสี่ยวมั่วที่ดื่มจนมึนมาก่อนหน้านี้ก็เอาแต่พูดไม่รู้เรื่อง “ดื่มก็ดื่ม…ใคร ใครจะกลัวนายกัน…”

เสียง ‘ผลุบ’ ดังขึ้น ร่างของเธอร่วงลงไปจากโซฟา ยังดีที่มีร่างหนึ่งเข้ามาประคองเธอได้ทันเวลา เธอจึงไม่ร่วงลงพื้น

“เธอดื่มเยอะไปแล้วนะ ซูเสี่ยวมั่ว อย่าดื่มอีกเลย” เหอจยาอวี๋ประคองเธอพลางโน้มน้าว

“ฉันไม่ได้ดื่มเยอะซักหน่อย!” ซูเสี่ยวมั่วผลักเหอจยาอวี๋ลงบนพื้นอย่างดุดัน เหอจยาอวี๋ที่รับมือไม่ทันสุดท้ายก็ถูกหล่อนจับกดลงพื้นสำเร็จ ใบหน้าหญิงสาวที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มขึ้นคร่อมทันที “สาวสวยที่ไหนกัน มามะ มาเป็นของป๊าเถอะ!”

ตอนที่ 426 ฉันจะจีบเธอ

เสียงโห่ร้องคึกคักดังขึ้นภายในห้องพิเศษ

“อุ๊ยงั้นฉันไปละ นี่เป็นจังหวะโดนจีบนี่นะ!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า! เร็วๆ สิ ถ่ายรูปพวกเขาไว้!”

“วันนี้เหล่าเหอโชคดีจริงๆ ทรมานคนโสดอย่างพวกเราแย่เลย!”

“…”

เสียงโห่ดังไม่หยุด ใบหน้างดงามขาวผ่องของเหอจยาอวี๋ ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นแดงเข้ม

“ซูเสี่ยวมั่ว เธอลงไปเถอะ” เขายังคงความสุภาพบุรุษเอาไว้

ซูเสี่ยวมั่วเชยคางเขาจนได้มุมที่ดูดี แล้วพูดจาที่เต็มไปด้วยราคะ “ไม่เอา! ฉันจะจีบเธอ! แบบโอปป้ากังนัมสไตล์~!”

เธอคร่อมอยู่บนตัวเหอจยาอวี๋ แถมยังเต้นท่าขี่ม้าอีก

ส่วนหน้าผากเหอจยาอวี๋หมองหม่นลงเรื่อยๆ แล้วเอ่ยขึ้นอย่างจริงจังด้วยหน้าที่เคร่งขรึม “เธออย่าให้มันมากเกินไป!”

“คนสวย ทำไมเธอถึงจู้จี้ขนาดนี้เนี่ย! ค่ำคืนแห่งวสันต์ช่างแสนสั้น [1] ต้องรีบไขว่คว้าหาความสุขเธอไม่รู้จักเหรอ?” ซูเสี่ยวมั่วกลอกลูกตา มือเล็กตบเข้าที่บั้นท้ายเหอจยาอวี๋ดังป้าบหนึ่งที “ซื่อสัตย์หน่อย ไม่งั้นป๊าจะบังคับหนูละนะ…”

พอเห็นเธอทำตามอำเภอใจมากขึ้นเรื่อยๆ เหอจยาอวี๋ก็หมดความอดทน จึงพลิกตัวอย่างคล่องแคล่ว แล้วจับซูเสี่ยวมั่วที่เมาไม่ได้สติอุ้มพาดบ่า “พวกนายดื่มต่อเลย ฉันจะพาเธอกลับบ้านก่อน!”

ทุกคนพากันหัวเราะเกรียวกราวพลางกล่าว “เหล่าเหอเอาใจแฟนสาว จะจีบกลับนี่เอง” ทำเอาเหอจยาอวี๋อดไม่ได้ที่จะรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น

พอซูเสี่ยวมั่วจากไป เซิ่งอี่เจ๋อก็คล้ายว่าจะสูญสิ้นความเพลิดเพลิน หลังจากทิ้งท้ายประโยคเช่นเดียวกันไว้ ก็จากไปอย่างสง่างาม

ค่ำคืนที่มืดมิด ทางช้างเผือกท่ามกลางท้องนภา

คนขับที่อยู่ในรถมาหลายชั่วโมง พอเห็นเซิ่งอี่เจ๋อออกมา ก็เปิดประตูให้เขาด้วยตัวเอง แล้วไต่ถามอย่างนอบน้อมว่า “คุณชาย กลับบ้านใช่มั้ยครับ”

บ้าน…ที่ที่ไม่มีเธอ จะเรียกว่าบ้านได้ยังไงกัน…

“ขับไปเรื่อยๆ ฉันจะสูดอากาศน่ะ” พอตอบคนขับรถไป อีกฝ่ายก็สตาร์ทรถทันที เขาขับอ้อมวนไปวนมา ไฟที่ด้านนอกหน้าต่างส่องแสงระยิบระยับหลากสีสัน ผสมปนเปจนออกมาเป็นเมืองแสงไฟที่แสนจะสว่างไสว

ลมฤดูใบไม้ผลิเดือนเมษายนไม่ใช่แสงอรุณในฤดูหนาวที่หนาวจนเข้ากระดูกอีกต่อไป ลมที่พัดผ่านบนใบหน้าคนล้วนเต็มไปด้วยความอ่อนโยนอันเป็นเอกลักษณ์

ทุกสิ่งงดงามขนาดนี้ แต่ในใจเขากลับว่างเปล่า

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ทันใดนั้นรถก็จอดนิ่ง คนขับรถเอ่ยอย่างเสียใจว่า “คุณชาย ขอโทษนะครับ…”

เซิ่งอี่เจ๋อที่ได้สติ ก็ชำเหลืองมองวิวรอบๆ

เขาไม่คิดว่าคนขับรถจะขับมาถึงบ้านอัน

คนขับรถทำหน้ากลัดกลุ้มใจ ด้วยความที่เขาเดินทางไปมาบ้านอันมากที่สุด วันนี้คุณชายให้เขาขับรถไปเรื่อยๆ เขาก็ขับไปเรื่อยๆ ไม่คิดว่าจิตใต้สำนึกจะพาขับมาถึงที่นี่!

ได้ยินมาว่าคุณชายและคุณหนูอันเลิกกันแล้ว… ตอนนี้เจอสถานที่เบื้องหน้าคงหดหู่แน่ จะกลัวก็แค่จะรักษาอาชีพของตัวเองไม่ได้

“ไม่เป็นไร ฉันจะลงไปเดินเล่นหน่อย” เซิ่งอี่เจ๋อกล่าวอย่างเงียบสงบ จิตใจที่กระสับกระส่ายของคนขับรถก็ผ่อนคลายลง

จนวินาทีถัดไป ดวงตาเขาก็เบิกโพลงขึ้น!

ใครจะบอกเขาได้ว่า ทำไมคุณชายของเขาถึงข้ามกำแพงไป

เซิ่งอี่เจ๋อเอื้อมมือปีนขึ้นชั้นสองอย่างคล่องแคล่ว เขาผลักหน้าต่างจนเปิด แล้วกระโดดเข้าไป

เหงื่อตกเลย…คุณชาย กลางค่ำกลางคืนเช่นนี้คุณมาโผล่ที่ห้องนอนคุณหนูอัน มันจะดีจริงหรือ?

ภายในห้อง

ทันใดนั้นอันซย่าซย่าที่นอนสะลึมสะลืออยู่ก็โดนร่างหนักกดทับ เธอส่งเสียง “อืม” มือใหญ่คู่หนึ่งปิดตาเธอไว้ พร้อมกับจูบอย่างดุเดือดและรุนแรง แล้วหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ …

บ้าเอ้ย! จะลักหลับเหรอ!

อันซย่าซย่าใช้ทั้งมือเท้าดิ้นรนต่อสู้ ภายในปากส่งเสียงอู้อี้ แทนที่จะโมโห ชายหนุ่มที่อยู่บนร่างกลับยิ่งจูบอย่างอาลัยอาวรณ์มากขึ้น…

จูบนี้ ทำให้รู้สึกคุ้นเคยอย่างมาก

เธอจึงใช้โอกาสที่ริมฝีปากและลิ้นทั้งสองไม่ได้พัวพันกัน เหลือบมองเตรียมตัว แล้วกัดปากอีกฝ่ายอย่างแรง!

กึก

อีกฝ่ายไม่แค่ไม่ยอมแพ้ กลับมีแรงมากขึ้น ราวกับว่าจะกลืนกินเธอทั้งตัวอย่างไรอย่างนั้น

——

[1] เหล้าเหมาไถ เป็นเหล้าขาวที่เกิดขึ้นในสมัยราชวงศ์ชิง

[2] ค่ำคืนแห่งวสันต์ช่างแสนสั้น หมายถึงคืนแห่งความสุขทางเพศ เป็นส่วนหนึ่งในลำนำโศกนิรันดร์ (長恨歌) ซึ่งเป็นกวีนิพนธ์ของไป๋จวีอี้ หนึ่งในรัตนกวีแห่งราชวงศ์ถัง ที่ได้พรรณนาถึงความรักและความอาลัยอาวรณ์ที่จักรพรรดิถังเสวียนจงมีต่อหยางกุ้ยเฟย