“พวกแกมีอะไรต้องพูดอีก?” เฉินช่าวเย่กวาดสายตามองกลุ่มทหารที่ปิดปากเงียบกันหมดตรงหน้า “มันไม่มีอะไรต้องพูดกันอีกแล้ว ยืนตั้งแถวซะ!”

 

เหล่าทหารต่างมีท่าทีซบเซาและยืนเรียงแถวทันที

 

หลี่บี๋เฟิงออกตัวเป็นครั้งแรก “ท่านเฉินช่าวเย่ ท่านต้องการให้พวกเราทำอะไร?”

 

“ไม่มีอะไร ไปจัดแถว!” เฉินช่าวเย่ที่ถูกชูฮันครอบงำไปแล้ว เขากลายเป็นคนเย่อหยิ่งและยโส เขาตบหลี่บี๋เฟิงวิวัฒนาการระยะ 3

 

หลี่บี๋เฟิงที่โดนฝ่ามือของเฉินช่าวเย่ก็มึนจนถอยหลังหนีไปหลายก้าว มันเป็นเวลาพักใหญ่กว่าหลี่บี๋เฟิงจะตั้งสติให้ยืนมั่นได้ เป็นครั้งแรกที่หลีบี๋เฟิงได้เห็นคนที่ไม่เหตุผลขนาดนี้ จริงๆแล้วเฉินช่าวเย่ต้องการจะทำอะไรกันแน่?

 

กลุ่มคนๆรอบเองก็ตะลึงและทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน

 

และในตอนนั้นเองเฉินช่าวเย่ก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง น้ำเสียงยังคงแฝงไว้ด้วยความโกรธ ไม่แม้แต่จะปิดบังจิตสังหารในนัยน์ตาเลยสักนิด “คนที่ดูถูกภรรยาของฉันก่อนหน้านี้ ยืนขึ้นให้หมด!”

 

“@$%&!*$%*&%$!!!!!”

 

ทันทีที่เฉินช่าวเย่ออกคำสั่ง บรรยากาศก็กลายเป็นกระอักกระอ่วนยิ่งกว่าเดิม เหล่าทหารต่างหวาดกลัวจนหัวใจเต้นกระเด็นออกมาจากอก พวกเขาต่างมีตำแหน่งพอสมควรแต่กลับต้องโดนกระทำแบบนี้

 

ถึงแม้หลี่บี๋เฟิงจะไม่ได้มีส่วนร่วมในความวุ่นวายก่อนหน้านี้แต่เขาก็รู้สึกวิตกกังวลขณะมองไปที่เฉินช่าวเย่ที่ถือปืนอยู่ในมือผู้ชายบ้าคนนี้ต้องการจะทำอะไร?

 

“ท่านเฉินช่าวเย่!” หลี่บี๋เฟิงหันหน้าที่แดงก่ำมาทันทีและพูด “พวกเขายังไม่ได้ลงมือทำร้ายคุณนายอย่างร้ายแรงอะไรเลย อีกอย่างการกระทำก่อนหน้านี้ของท่านก็มากเกินพอแล้ว ท่านยังต้องการจะทำอะไรอีกถึงเรียกพวกเขาให้ลุกขึ้น?”

 

คำพูดของหลี่บี๋เฟิงค่อนข้างชอบธรรม เขาไม่พอใจอย่างมากกับการกระทำของชูฮันและวิธีการจัดการเรื่องต่างๆ และครั้งนี้ชูฮันไม่จัดการกลุ่มคนให้เป็นเรื่องเป็นราวและปล่อยให้เรื่องมันมาถึงขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ที่ทั้งสองฝั่งมักทะเลาะกันบ่อยๆเขาเองก็ไม่ได้สนใจอะไรปล่อยให้จัดการกันเองเพราะมันไม่ได้ร้ายแรงอะไร

 

แต่ครั้งนี้เรื่องมันร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆและสุดท้ายมีคนตาย ถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาจะขี้เกียจที่จะยืนหยัดขึ้นต่อต้าน แต่ครั้งนี้เวลานี้เขาจำเป็นต้องทำแล้ว ชูฮันบ้าเกินไปแล้วและผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา…เฉินช่าวเย่

 

ถ้าเฉินช่าวเย่ยังคงแบบนี้ต่อไป มันจะเกิดอะไรขึ้นต่อ? วิวัฒนาการพวกนี้จะโดนทำอะไร? ถูกเชือดทิ้งให้ดูเหมือนเป็ดไก่!

 

เมื่อได้หลี่บี๋เฟิงนำ คนอื่นๆก็รีบส่งเสียงแก้ตัวตามมาทันที

 

“ใช่และคนที่เข้าใกล้ตัวคุณนายก็ถูกท่านฆ่าทิ้งเองหมดแล้ว ท่านยังต้องการทำอะไรอีก? จะฆ่าพวกเรา?”

 

“มันไม่มากเกินไปเหรอท่านพลโทเฉิน? พวกเราไม่ใช่คนธรรมดานะ ทุกคนตรงนี้ล้วนเป็นวิวัฒนาการกันทั้งนั้น?”

 

“จากทหารวิวัฒนาการสองร้อยนายได้ตายไปแล้วมากกว่ายี่สิบนาย แม้แต่วิวัฒนาการระยะ 3 ฟานเหวินเฉิงและวิวัฒนาการระยะ 2 หลิวยี้ก็ตายแล้วด้วยปืนของท่าน ท่านเป็นถึงพลโท ไม่ใช่ปีศาจที่ไล่ฆ่าคนโดยไม่กระพริบตา”

 

ประโยคคำถามแล้วประโยคเล่าถูกตั้งคำถามออกมา เฉินเสี้ยนกาว เยวจึและคนอื่นๆเองก็รู้สึกว่าเฉินช่าวเย่ทำเกินไป ถึงแม้การฆ่าคนในยุคโลกาวินาศจะไม่ผิดกฏหมาย แต่การฆ่าอย่างสบายๆอย่างไม่แยแสอะไรเลยแบบนี้มันมากเกินไป พวกเขารับไม่ไหว

 

“เฉินช่าวเย่” ติงเซวเองก็กังวลอย่างมาก เธอรีบกระตุกชายเสื้อของเฉินช่าวเย่ พยายามพูดจาโน้มน้าว “อย่าฆ่าคนอีกเลย พวกเขาเป็นทหารที่ซางจิงมอบหมายมาให้ชูฮันนะ!”

 

นี่ไม่ใช่แค่ความกังวลของติงเซวคนเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเฉินเสี้ยนกาวและคนอื่นๆด้วยเช่นกัน เพราะถึงอย่างไรแล้ว อีกฝ่ายก็เป็นทหารภายใต้บังคับบัญชาของชูฮัน

 

การฆ่าคนพวกนี้ถึงแม้ชูฮันจะไม่ได้ออกคำสั่งแต่ปัจจัยหลักคือมันเกิดขึ้นภายใต้การควบคุมของชูฮัน และตอนนี้ชูฮันกำลังอยู่ในช่วงสร้างค่ายขึ้น และการที่เฉินช่าวเย่ออกมาไล่ฆ่าทหารแบบนี้ ผลลัพธ์ที่ตามมาจะต้องร้ายแรงอย่างมากอย่างแน่นอน

 

และในกรณีที่เลวร้ายที่สุดที่ซางจิงอาจรู้เรื่องที่เกิดขึ้น มันจะมีปัญหามากมายแค่ไหนตามมาสู่ชูฮันและทั้งทีม? ไม่แน่มันอาจจะส่งผลกระทบกับการก่อตั้งค่ายของพวกเขาได้และความสงบสุขของผู้คนนับพันๆ ใครจะรู้ว่ามันจะเป็นยังไงเพราะในโลกาวินาศอะไรก็เกิดขึ้นได้!

 

“พิจารณาถึงผลที่ตามมา” เฉินเสี้ยนกาวกระซิบบอกเฉินช่าวเย่ด้วยท่าทางกังวล

 

จากนั้นเฉินเสี้ยนกาวก็หันไปพูดกับกลุ่มคนตรงหน้า “ใครบอกว่าท่านเฉินจะฆ่าพวกเนาย? ท่านเฉินไม่มีกระสุนเหลือแล้ว!”

 

หลี่บี๋เฟิงมีสีหน้าไม่เข้าใจ ถ้าไม่ต้องการฆ่าแล้วเฉินช่าวเย่จะให้คนลุกขึ้นยืนทำไม?

 

“ลุกขึ้นมาแสดงตัวต่อหน้าฉัน!” เฉินช่าวเย่ไม่สนใจที่คนอื่นคิด เขาแหกปากใส่ “เรียงคิวเข้ามาขอโทษภรรยาฉันได้เลย!”

 

แน่นอนว่าไม่ใช่การฆ่า เฉินช่าวเย่รู้ว่าชูฮันมีแผนการอย่างอื่นสำหรับคนพวกนี้แล้ว การฆ่าไม่กี่คนก่อนหน้านี้ก็เป็นแค่การเชือดไก่ให้ลิงดูเท่านั้น แต่การดูถูกติงเซวจะต้องได้รับการขอโทษ ถ้าใครไม่ขอโทษเขาจะบังคับให้มันทำเอง

 

ติงเซวถอนหายใจอย่างโล่งอกและอยากจะพูด——

 

“เธอไม่ต้องพูด วันนี้พวกมันต้องขอโทษ!” เฉินช่าวเย่ไม่แม้แต่จะเหลียวหลังไปมองติงเซว ทว่าน้ำเสียงของเฉินช่าวเย่กลับมีความกังวลเล็กน้อยต่อติงเซวผสมอยู่

 

ติงเซวตะลึงค้างกับคำว่าภรรยาที่เฉินช่าวเย่พูดออกมาเต็มปาก

 

“กลายเป็นว่าขอโทษ เป็นเรื่องที่ยอมรับได้” หลี่บี๋เฟิงพยักหน้า จากนั้นก็หันหน้าไปทางกลุ่มทหารที่พูดจาดูถูกติงเวซ “ท่านเฉินเป็นคนที่มีคุณธรรม ใครที่ก่อนหน้านี้ทำเกินไปก็รีบขอโทษซะ อย่าทำให้เรื่องมันใหญ่ไปมากกว่านี้”

 

หลี่บี๋เฟิงรู้สึกขัดเคืองอยู่ในอก นี่มันเป็นปัญหาจริงๆ การเดินทางบนถนนพร้อมชูฮันคาดว่าคงจะไม่มีความสงบเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

 

หลายคนที่สร้างปัญหาลุกขึ้นเดินไปตั้งแถวด้านหน้า เฉินช่าวเย่บอกว่าต้องการให้พวกเขาขอโทษทีละคน เพราะเขาต้องการกู้หน้าและชื่อเสียงคืนให้ติงเซวเพราะงั้นพวกเขาต้องอดทนทำมัน เพราะถึงอย่างไรแล้วติงเซวก็คือคุณนาย…ภรรยาของพลโท

 

“ใครอีก? ฉันเห็นว่ามันมีมากกว่านี้!” เฉินช่าวเย่คำรามใส่กลุ่มทหารที่กล้าดูถูกภรรยาเขา พวกมันยังอยากจะรักษาหน้าตาตัวเองอีกเหรอ? เขาไม่ยอม!

 

มีเพียงแค่ทหารจำนวนไม่มากที่ลุกขึ้นยืน และทันใดนั้นเองจู่ๆมันก็มีคนตะโกนขึ้นมา เสียงไม่ดังไม่เบาจนเกินไปหากทุกคนกลับได้ยินชัดเจน

 

“อย่ามาโกหกกันเลย ทุกคนก็รู้ดีว่าทั้งสองคนนี้ไม่ใช่สามีภรรยากัน!”

 

“เหอะ! ฉันรู้ว่ามันมีเหตุผลที่ซ่อนอยู่ ท่านเฉินถึงยอมทำแบบนี้!”