แดนนิรมิตเทพ บทที่ 484
อานเข่อเยว่ มู่หรงยานเอ๋อร์ และแม้แต่ลูกเศรษฐีแห่งมณฑลเจียงหนานที่ไม่ชอบเฉินโม่ พวกเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจ “เขาสามารถต้านการโจมตีที่ทรงพลังเช่นนี้ได้หรือไม่?”

เฉินโม่ยิ้มอย่างแผ่วเบา ยังคงนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ “มีความสามารถแค่นี้ ยังกล้ามาโอ้อวดเหรอ?”

“ฉันจะทำให้แกได้เห็นว่าอะไรที่เรียกว่าเคล็ดวิชาบู๊อย่างแท้จริง!”

หลังจากพูดจบ เฉินโม่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ก็โบกมือ และกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ท่าที่หนึ่งหมัดเทพเทียนเสวียน สยบภูเขา!”

ไม่มีพลังใด ๆ ราวกับคนธรรมดาทั่วไปโบกมือ เมื่อเทียบกับพลังการโจมตีของเหรินเทียนหยู่แล้ว ไม่มีค่าเพียงพอให้เอ่ยถึง

อย่างไรก็ตาม สีหน้าของเหรินเทียนหยู่ที่อยู่กลางอากาศเปลี่ยนอย่างมาก เขารู้สึกถึงพลังมหาศาลพุ่งโจมตีมาที่เขา และพลังนั้นทำให้เขามีความรู้สึกที่ไม่อาจต้านได้

ปัง!

เสียงดังสนั่น ฝ่ามือสีแดงขนาดใหญ่นั้นถูกหมัดของเฉินโม่โจมตีจนมลายหายไป และแม้แต่เหรินเทียนหยู่ก็ถูกแรงสะเทือนจากหมัดนี้จนกระเด็นออกไป

เฉินโม่ยังคงไม่หยุด ปล่อยพลังหมัดออกมาอีกครั้งเหมือนดาบ “ท่าที่สองหมัดเทพเทียนเสวียน แยกน้ำ!”

เหรินเทียนหยู่ที่เพิ่งจะยืนมั่นคง คำรามอยู่ในใจ “แย่แล้ว!”

ถึงแม้ว่าหมัดของเฉินโม่จะไม่มีพลังใด ๆ แต่เขานั้นรู้สึกถึงพลังแห่งความตาย

“หนี!”

นี่เป็นความคิดเดียวในใจของเหรินเทียนหยู่

เหรินเทียนหยู่ถอยทันที และรีบวิ่งเข้าไปในฝูงชน พยายามใช้ฝูงชนเป็นเกราะกำบังการหลบหนีของตนเอง

ต้องบอกว่าไม่เสียแรงที่เหรินเทียนหยู่นั้นเคยผ่านการต่อสู้กับความเป็นความตาย เขามีความสามารถในการปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก ซึ่งการกระทำนี้มีประสิทธิผลมาก

เฉินโม่รู้สึกจำใจ หยุดพลังทิพย์ชั่วคราว มิเช่นนั้นถ้าเขาปล่อยพลังหมัดนี้ออกไป เกรงว่าคนดังส่วนใหญ่ของมณฑลเจียงหนานจะต้องไปนรกแล้ว

ลุงสุ่ยไม่มีเวลาตกใจกับความแข็งแกร่งที่ทรงพลังของเฉินโม่ กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เหรินเทียนหยู่ เลวทรามต่ำช้าจริง ๆ ใช้คนธรรมดาเป็นเกราะกำบัง ตอนนี้เฉินโม่ลงมือลำบากแล้ว”

สีหน้าของมู่หรงเค่อเต็มไปด้วยความประหม่า ถ้าคราวนี้เหรินเทียนหยู่หลบหนีไปได้ ต่อไปถ้าคิดจะฆ่าเขามันก็เป็นเรื่องยาก

“เฉินโม่ ต้องฆ่าเขาให้ได้!” มู่หรงเค่อตะโกนเสียงดัง

กลุ่มคนดังของมณฑลเจียงหนานแตกตื่นจนหนีกระเจิดกระเจิง นึกไม่ถึงว่าเหรินเทียนหยู่ที่เพิ่งแสดงพลังที่ทรงพลังเมื่อสักครู่ พริบตาเดียวก็กลายเป็นคนน่าสมเพชเวทนา และใช้พวกเขาเป็นเกราะกำบังเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีของเฉินโม่

คนเหล่านี้ด่าแช่งบรรพบุรุษของเหรินเทียนหยู่อยู่ในใจ แต่พวกเขาไม่กล้าพูดคำพูดที่แสดงถึงความไม่เคารพออกมา ถึงแม้ว่าเหรินเทียนหยู่จะพ่ายแพ้แล้ว แต่ถ้าเขาต้องการฆ่าพวกเขานั้นง่ายเหมือนการบีบมดตัวหนึ่งเท่านั้น

เหรินเทียนหยู่ไม่ได้วิ่งหนีสุ่มสี่สุ่มห้า เขามีเป้าหมาย และเป้าหมายของเขาก็คือมู่หรงยานเอ๋อร์ ตั้งแต่สมัยโบราณมาแล้ว ผู้กล้ายากที่จะฝ่าด่านหญิงงามได้ และเขาสามารถมองออกว่าสิ่งที่เฉินโม่ใส่ใจจริง ๆ ไม่ใช่ตระกูลมู่หรง แต่เป็นผู้หญิงคนนี้

มู่หรงยานเอ๋อร์ยืนเงียบ ๆ อยู่ที่มุมห้อง และเธอเห็นเหรินเทียนหยู่เดินผ่านฝูงชนมาอย่างรวดเร็ว แล้วมุ่งหน้ามาหาเธอ เธออดไม่ได้ที่จะตกใจและตะโกนเสียงดังว่า “เฉินโม่!”

มู่หรงเค่อรู้ว่าเหรินเทียนหยู่คิดจะทำอะไร ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกวิตกกังวล และไม่มีเวลาสนใจเรื่องที่จะให้เฉินโม่ฆ่าเหรินเทียนหยู่ก่อน เขาตะโกนด้วยความประหม่าว่า “เฉินโม่ ช่วยยานเอ๋อร์ก่อน!”

เฉินโม่ยังคงนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่าจาง ๆ “ไม่ต้องกังวล เขาทำร้ายยานเอ๋อร์ไม่ได้หรอก”

สีหน้าของเหรินเทียนหยู่เต็มด้วยไปความปีติ ถึงแล้ว กำลังจะถึงแล้ว ขอเพียงแค่จับผู้หญิงคนนี้ได้ เจ้าเด็กนั้นก็จะไม่กล้าทำร้ายตนเอง!

“สาวสวย เดินมาอย่างว่าง่ายเถอะ!” เหรินเทียนหยู่ยิ้มด้วยความพึงพอใจ แล้วยื่นมือไปจับตัวมู่หรงยานเอ๋อร์

มู่หรงยานเอ๋อร์ตกใจจนร้องออกมา “ห๊ะ!” เธอรีบใช้สองมือกอดร่างกายของตนเองเอาไว้แล้วขดตัวอยู่ที่มุมห้อง

“ไม่ต้องกังวล ขอเพียงแค่คุณเชื่อฟัง ผมก็จะไม่ทำร้ายคุณ!” เมื่อเห็นว่าตนเองกำลังจะจับมู่หรงยานเอ๋อร์เป็นตัวประกันได้สำเร็จ สีหน้าของเหรินเทียนหยู่ก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น