เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1220 แทรกซึมเข้าสู่ภาคใต้

แปลโดย iPAT

ฟางหยวนยังกล่าวต่อไป “ผู้อาวุโสสูงสุดผู้นี้ควรมีสถานะบางอย่าง เขาต้องมีทัศนคติที่มั่นคงเพราะในช่วงเวลานี้วูหยงมีแนวโน้มที่จะแสร้งยอมรับข้า เขาจะปฏิเสธข้อเสนอแนะนี้ ดังนั้นเราต้องเลือกคนที่สามารถอดทนต่อแรงกดดันของผู้อมตะระดับแปด!”

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียวยักไหล่ “นี่มันยากเกินไป ท้ายที่สุดวูหยงไม่ได้เป็นเพียงผู้อมตะระดับแปดแต่เขายังเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลวู นอกจากนั้นเขายังได้รับมรดกของวูตู๋ซิ่ว”

ฟางหยวนไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมา เขายังมองออกไปด้านนอก

น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชาและหนักแน่น “อย่าบอกว่าตระกูลเฉียวไม่มีคนเช่นนี้ หากท่านไม่มี เหตุใดท่านจึงเข้าไปวุ่นวายกับตระกูลวู? ท่านอาจประสบความสำเร็จมากขึ้นหากท่านนอนนิ่งๆอยู่ที่บ้าน แน่นอนว่าวูอี้ไห่ผู้นี้จะไม่ร่วมมือกับตระกูลเช่นนี้!”

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียวตกตะลึง เขาต้องประเมินฟางหยวนใหม่อีกครั้ง

จากมุมมองของเขา เขาสามารถมองเห็นบางสิ่งจากเรื่องนี้

การแสดงออกของฟางหยวนมั่นคงราวกับเหล็กกล้า ดวงตาสีฟ้าของเขาเต็มไปด้วยพลังชีวิต

‘ชายผู้นี้…ฮ่าฮ่า น่าสนใจ ดังคาด บุตรของวูตู๋ซิ่วไม่ธรรมดาจริงๆ’ ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียวลอบถอนหายใจก่อนจะตอบตกลง “พวกเราจะทำตามความคิดของเจ้า”

…..

แม้วูตู๋ซิ่วจะตายไปแล้วแต่ในงานศพของนางยังมีฉากที่แปลกประหลาดและน่าสนใจ

วูอี้ไห่บุตรนอกสมรสของวูตู๋ซิ่วจากทะเลตะวันออกปรากฎตัวขึ้นและต้องการแสดงความเคารพมารดาของเขา

ผู้อมตะจากกองกำลังต่างๆเฝ้ามองอยู่อย่างเงียบๆโดยไม่เข้าไปยุ่ง

ท้ายที่สุดสิ่งเหล่านี้ก็เป็นเรื่องภายในของตระกูลวู

เมื่อผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สามของตระกูลวูเปิดปากกล่าว สายตาของผู้คนจึงหันไปที่เขา

วูเฉียวไม่สะทกสะท้านและยังแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา

ตระกูลเฉียวสามารถแทรกซึมเข้าไปในตระกูลวูได้ถึงระดับนี้ นี่ทำให้ฟางหยวนรู้สึกตกใจเล็กน้อย

แต่คนนอกที่ไม่รู้เหตุผลที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังไม่สามารถบอกได้ว่าการแสดงออกของวูเฉียวหมายถึงสิ่งใด

เขาเข้าข้างตระกูลวูหรือตระกูลเฉียว?

กระทั่งวูหยงก็ไม่สามารถยืนยันเรื่องนี้

วูหยงกล่าว “เอาล่ะ เราจะพิสูจน์ตัวตนของเขาที่นี่ ข้าแน่ใจว่าท่านแม่จะดีใจมากที่เห็นสิ่งนี้เกิดขึ้น”

เขาไม่ได้ตำหนิแต่เห็นด้วย

ฟางหยวนมองวูหยงอย่างลึกซึ้ง คนผู้นี้ไม่ง่ายเลย

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยต่อการตอบสนองของวูหยง นี่ทำให้เขาต้องให้คะแนนประเมินวูหยงเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง

เห็นได้ชัดว่าวูหยงสังเกตเห็นว่าเขาไม่สามารถหยุดฟางหยวน หากเขายังปฏิเสธต่อไป เขาจะเสียชื่อเสียงและภาพลักษณ์

“ผู้อมตะทุกท่านที่นี่สามารถเป็นพยาน นำวิญญาณอมตะออกมา!” ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สามของตระกูลวูลุกขึ้นยืนและแสดงตัวเป็นผู้ดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้วูหยงแทรกตัวเข้ามา

ในไม่ช้าตระกูลวูก็นำวิญญาณอมตะบางดวงออกมา

วูเฉียวถือวิญญาณอมตะยืนอยู่ตรงหน้าฟางหยวน “นี่คือวิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งเลือด วิญญาณอมตะสายโลหิต ตระกูลวูของเราได้รับมันมาจากการสังหารปีศาจอมตะผู้หนึ่ง มันเป็นรางวัลจากการต่อสู้ มันสามารถใช้ระบุตัวตนของนายน้อยรอง”

ผู้อมตะทั้งหมดเย้ยหยันอยู่ภายใน เส้นทางแห่งเลือดไม่ได้รับการยอมรับจากคนทั่วไป

แต่ความจริงก็คือกองกำลังฝ่ายธรรมะทุกกองกำลังค้นคว้าเกี่ยวกับเส้นทางแห่งเลือดอยู่อย่างลับๆ เนื่องจากเส้นทางแห่งเลือดเป็นวิธีที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้รวดเร็วที่สุด

เห็นได้ชัดว่าวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดดวงนี้เป็นผลลัพธ์จากงานวิจัยของตระกูลวูแต่พวกเขากลับเรียกมันว่ารางวัลจากการต่อสู้

“นายน้อยรองโปรดหยดเลือดของท่านลงไป” วูเฉียวกล่าว

นี่คือวิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งเลือด!

ภายใต้สายตาของทุกคน ฟางหยวนมอบหยดเลือดให้กับวูเฉียว

วูเฉียวใช้วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดตรวจสอบ

ไม่มีปัญหา!

ฟางหยวนลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก

‘โชคดีที่วิญญาณอมตะสมบัติเลือดฟื้นตัวขึ้นแล้ว ข้าเพิ่มมันเข้าไปในท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยเพื่ออำพรางสายเลือด ครั้งก่อนข้าสามารถหลอกไห่ฟานและรับมรดกของเขา ครั้งนี้ข้าสามารถผ่านการทดสอบของวิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งเลือด’

โชคดีที่มันเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ด หากมันเป็นวิญญาณอมตะระดับแปด เขาอาจไม่สามารถหลอกลวง

ฟางหยวนค่อนข้างโชคดีในด้านนี้

แน่นอนว่าตระกูลวูไม่ยินดีที่จะจ่ายราคามหาศาลเพื่อหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งเลือด

การหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปดมีค่าใช้จ่ายสูงเกินไป มันสามารถกลืนกินทรัพย์สินของกองกำลังใหญ่จนเหือดแห้งและยังไม่สามารถรับประกันความสำเร็จ

แต่นี่ไม่ใช่ทั้งหมด

ต่อไปวูเฉียวยังตั้งคำถามที่สำคัญกับฟางหยวนมากมาย

บางคำถาม ฟางหยวนรู้คำตอบ ขณะที่บางคำถามเขาไม่สามารถตอบได้

ท่ามกลางคำถามเหล่านี้มีบางคำถามเป็นกับดัก มันถูกใช้เพื่อล่อลวงเขา

แต่ฟางหยวนค้นวิญญาณวูอี้ไห่มาแล้ว เขาสามารถจัดการคำถามเหล่านี้ได้อย่างไม่มีปัญหา

อันตรายที่แท้จริงมีเพียงวิญญาณอมตะสายโลหิตระดับเจ็ดแต่เขาผ่านมันมาแล้ว

ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลวูพยักหน้า บางคนยิ้มและมองฟางหยวนราวกับเขาผ่านการทดสอบแล้ว

“ในความเป็นจริงเราต้องตรวจสอบดวงวิญญาณและกระดูกของท่านด้วย แต่ท่านหญิงวูตู๋ซิ่วได้ล่วงลับไปแล้ว ดังนั้นเราจะข้ามขั้นตอนนี้ไป” วูเฉียวกล่าว

ฟางหยวนดีใจมาก

หากเขาถูกตรวจสอบโดยวิธีบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณหรือวิธีบนเส้นทางแห่งกระดูก มีโอกาสสูงมากที่มันจะเปิดเผยข้อบกพร่องของเขาออกมา

‘ข้าได้ยินมาว่าเมื่อวูตู๋ซิ่วเสียชีวิต ร่างกายของนางกลายเป็นจุดแสงและสลายหายไปในอากาศ กระทั่งเส้นผมก็ไม่เหลือทิ้งไว้ นางตายอย่างสมบูรณ์ นี่เป็นสิ่งที่ดีมาก!’ ฟางหยวนมีความสุขกับโชคของเขา

วูเฉียวรายงานผลลัพธ์ให้วูหยงทราบ

ในความเป็นจริงไม่จำเป็นต้องกล่าวสิ่งใด ทุกคนได้เห็นผลลัพธ์กับตาของตนเองแล้ว

วูหยงพยักหน้าขณะที่ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลวูคนอื่นๆพยักหน้าเห็นชอบ

ดังนั้นวูเฉียวจึงนำวิญญาณป้ายวิญญาณและวิญญาณโคมไฟวิญญาณออกมาให้ฟางหยวนปรับแต่ง วิญญาณเหล่านี้จะถูกวางไว้ในห้องโถงบรรพชนของตระกูล พวกมันเป็นสัญลักษณ์ของการรับฟางหยวนเข้าสู่ตระกูล

หลังจากทั้งหมดฟางหยวนประสบความสำเร็จในการได้ใช้ตัวตนของวูอี้ไห่แทรกซึมเข้าสู่ภาคใต้

หลังจากทำความเคารพวูตู๋ซิ่ว ฟางหยวนก็หลั่งน้ำตาออกมาด้วยทักษะการแสดงอันไร้ที่ติ

เนื่องจากตอนนี้เป็นงานศพของวูตู๋ซิ่ว ตระกูลวูจึงไม่สามารถจัดงานเลี้ยงฉลอง แต่หลังจากพิธีการจบลง ฟางหยวนได้รับการต้อนรับจากผู้อมตะตระกูลวูอย่างอบอุ่น พวกเขาต้องการดื่มชาและพูดคุยกับฟางหยวนเพื่อผลประโยชน์

แต่ฟางหยวนปฏิเสธพวกเขาทั้งหมด

ตอนนี้สถานะของเขาสูงมาก!

เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดและเป็นน้องชายของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลวู วูหยง

แม้พี่น้องจะไร้เยื้อใย แต่บนพื้นผิวพวกเขาต้องเป็นพี่น้องที่รักใคร่ปรองดอง

เจ็ดวันต่อมา งานศพสิ้นสุดลง ฟางหยวนยืนอยู่กับกลุ่มผู้อมตะตระกูลวูเพื่อส่งแขกคนสำคัญของตระกูล

ผู้อมตะภาคใต้เหล่านี้จดจำฟางหยวนเอาไว้ในใจ

พวกเขารู้สึกว่าฟางหยวนไม่ใช่ตัวตนที่สามารถมองข้าม ไม่ใช่เพราะระดับการบ่มเพาะแต่เป็นตัวตนที่มีสายเลือดใกล้ชิดกับวูหยงมากที่สุด

ชื่อของวูอี้ไห่กระจายไปทั่วภาคใต้

สามวันต่อมา

ดวงตะวันขึ้นจากขอบฟ้าอย่างช้าๆ

ฟางหยวนยืนอยู่บนยอดเขาผาหมีและมองดวงอาทิตย์ขึ้นอย่างเงียบๆ

เขาได้รับอนุญาตให้อาศัยอยู่บนภูเขาลูกนี้

ที่นี่ไม่ใช่แดนศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลวู ฟาหงยวนบอกพวกเขาว่าต้องการอยู่ข้างนอก ภูเขาผาหมีเต็มไปด้วยสัตว์อสูร มีหมีทุกชนิดอาศัยอยู่ที่นี่

ตระกูลวูมอบภูเขาผาหมีให้กับฟางหยวน จากนี้ไปที่นี่คืออาณาจักรของวูอี้ไห่

แต่ตระกูลวูยังไม่ได้กำหนดบทบาทหน้าที่ของฟางหยวน

ในแง่นี้ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียวรู้สึกกังวลมาก

เมื่อตระกูลเฉียวให้ความช่วยเหลือฟางหยวน แน่นอนว่าพวกเขาย่อมต้องการให้ฟางหยวนกลายเป็นผู้มีอำนาจในตระกูลวูและมอบผลประโยชน์ให้กับพวกเขา

ฟางหยวนทำข้อตกลงลับๆกับผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียวเอาไว้

แต่เขาไม่รีบร้อน

เขาแสร้งทำเป็นมองดวงอาทิตย์ขึ้นแต่แท้จริงแล้วเขากำลังคิดถึงอาณาจักรแห่งความฝัน

เขากลายเป็นผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้แล้ว แต่เขาจะเข้าสู่ค่ายกลวิญญาณอย่างเปิดเผยได้อย่างไร

ขณะที่ฟางหยวนกำลังคิดถึงเรื่องนี้ วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลก็บินเข้ามาหาเขา

มันกลายเป็นว่าวูหยงเรียกเขาเข้าพบ

ตอนนี้ฟางหยวนกลายเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลวูอย่างสมบูรณ์แล้ว วูหยงไม่สามารถสังหารเขาได้อีกต่อไป

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลวู วูหยงจำเป็นต้องปกป้องน้องชายผู้นี้

ฟางหยวนเดินทางไปพบวูหยงที่ห้องทำงานของเขา

วูหยงกล่าว “เจ้าเป็นน้องชายของข้า เจ้าพึ่งกลับมา ตามกฎของตระกูล ผู้อมตะระดับหกคนใหม่สามารถเลือกวิญญาณอมตะระดับหกได้หนึ่งดวง หลังจากลายเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด พวกเขาสามารถเลือกวิญญาณอมตะระดับเจ็ดอีกหนึ่งดวง นำวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลไปที่คลังสมบัติเพื่อเลือกวิญญาณอมตะสองดวงที่เจ้าต้องการ”