ตอนที่ 307 เปิดร้านใหม่อีกครั้ง

เมื่อกลับมาถึงถ้ำ ลัวย่าวหัว เฉาหยวนเต๋อและคนอื่นๆก็ทำการตรวจสอบรูปปั้นหินที่ฝั่งพร้อมกันอย่างละเอียดอีกครั้ง

ลัวย่าวหัวพูดขึ้นว่า ” ชาวญี่ปุ่นทั้ง 3 คนฆ่าตัวตายแล้ว พวกเราไม่เห็นยาพิษในปากของพวกเขาเลยสักนิดเดียว “

ลัวซือเต๋อมองไปแวบหนึ่ง ไม่เป็นไร ยังไงก็ประหยัดความยุ่งยากของเราไปได้

หยางโปที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ไม่ได้พูดมากความ

เมื่อดึงดูดลัวซือเต๋อเข้ามา ต่อไป ก็ทำการติดต่อสถาบันวิจัยโบราณคดีไปอีกครั้ง หยางโปไม่ได้หยุดพักชั่วคราว เขาและลัวย่าวหัว ตาอ้วนหลิวก็แยกตัวกันไปก่อน ในเมื่อไม่สามารถนำสมบัติติดตัวออกไปด้วยได้ จึงแยกตัวออกไปก่อนน่าจะดีกว่า

 

เมื่อกลับมาถึงโรงแรม หยางโปและคนอื่นๆก็กลับไปยังเมืองปักกิ่งทันที

หยางโปรับสายโทรศัพท์ของจิ่งซ่าวหัว ซึ่งอีกฝ่ายยินดีจะรับข้อตกลงการเดิมพัน

หยางโปรีบกลับมายังโรงประมูลจินหลิงด้วยความเร่งรีบ วัตถุโบราณที่เขาได้ทำการขนย้ายมาก่อนหน้านั้นได้มาถึงโรงประมูลจินหลิงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกำลังรอให้เขามารับ เขาจำเป็นต้องจ่ายค่าดูแลรักษาที่ยืดเวลาออกไปเป็นจำวนวนหนึ่งก็เท่านั้น สิ่งสำคัญก็คือเขาไม่อาจวางใจวัตถุโบราณเหล่านั้นได้เลย

ลัวย่าวหัวช่วยในเรื่องของการจัดหาทนายความ จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็ทำการลงนามข้อตกลง ณ โรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองปักกิ่ง หยางโปลงทุน 1 ล้านบาทเพื่อครองครองหุ้นส่วน 30% ของเว็บไซต์ถาวหัว และในเวลาเดียวกัน การค้าขายของเว็บไซต์ถาวหัวก็ได้ดำเนินการจัดตั้งเงื่อนไขเป็นที่เรียบร้อย ถ้าในสิ้นปีมียอดการขายต่ำกว่า 30 ล้าน หยางโปจะมีสิทธิซื้อหุ้นส่วนที่สูงขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้ หรือให้เว็บไซต์ถาวหัวซื้อคืนในราคาที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า !

 

เงื่อนไขแบบนี้พูดได้ว่าโหดร้ายมากทีเดียว แต่จิ่งซ่าวหัวไม่มีทางอื่นแล้วจริงๆ เมื่อปีก่อนมาจนถึงระยะหลังๆ เขาได้วิ่งวุ่นไปหาองค์กรในการลงทุน แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครลงทุนให้กับเว็บไซต์ของเขาเลยสักแห่ง ถ้าไม่สามารถจัดหาเงินทุนได้ เว็บไซต์ถาวหัวคงจะดำเนินการต่อไปไม่ได้

หลังจากสิ้นสุดการลงนามข้อตกลงแล้ว จิ่งซ่าวหัวก็ได้แสดงออกถึงความจนปัญญาอย่างเห็นได้ชัด

” คุณหยางโป ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับ ! “

หยาบโปจับมือกับอีกฝ่าย ” หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นครับ หวังว่ากิจการของพวกเราจะสามารถพัฒนาไปอย่างราบรื่นได้ ผู้จัดการจิ่งโปรดวางใจได้เลยนะครับ ผมไม่รบกวนการดำเนินงานของเว็บไซต์ถาวหัวอย่างแน่นอน “

” ขอบคุณมาก ” จิ่งซ่าวหัวพูดขึ้น

 

เพราะหยางโปต้องนั่งเครื่องกลับโดยด่วน ลัวย่าวหัวจึงได้ไปส่งเขาที่สนามบิน จากนั้นก็อดที่จะถามขึ้นไม่ได้ว่า ” นายคิดว่าต่อไปเว็บไซต์ของเราจะพัฒนาขึ้นไปได้ไหม ? เว็บไซต์ถาวหัวเป็นการขายภาพอออนไลน์ อาจจะไม่ประสบความสำเร็จก็ได้นะ ! “

หยางโปหัวเราะออกมา ” นายไม่คิดบ้างเหรอว่ากิจการนี้สอดคล้องเหมาะสมกับการขายภาพถ่ายของนายมากแค่ไหน ? เพียงแต่นำการโฆษณาแบบไม่ผ่านสื่อออนไลน์ BTL ย้ายมาในรูปแบบการโฆษณาแบบผ่านสื่อออนไลน์ ATL อีกทั้งยังเพิ่มการตลาดเฉพาะทางอีกด้วย ฉันถูกใจเว็บไซต์ถาวหัวมาก ถึงมันจะเล็ก แต่ศักยภาพในการพัฒนานั้นมหาศาลมากทีเดียวเลยละ ! “

 

” นายน่าจะเห็นแล้ว ผลงานที่ถูกขายออกไปผ่านทางเว็บไซต์ถาวหัวมากมายเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นผลงานของนักเรียนโรงเรียนสอนศิลปะ ไม่ก็ศิลปินของเหล่าวัยรุ่นทั้งนั้น ถึงพวกเขาจะไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังมากมายก็ตาม แต่ทักษะความสามารถยอดเยี่ยมมาก เมื่อเป็นแบบนี้ ราคาของสินค้าจึงได้ต่ำลงมา “

” ถ้าพูดถึงครอบครัวธรรมดาละก็ หลังจากที่ตกแต่งและปรับปรุงแล้ว ถึงจะเป็นผลงานศิลปะที่เอาไว้ประดับกำแพงก็ตาม แต่มันก็เป็นผลงานศิลปะที่ซื้อมาในราคาที่ไม่แพงนัก นี่คือเรื่องที่เว็บไซต์ถาวหัวจำเป็นต้องทำ มันเชื่อมต่อการตลาดทั้งสองแบบ แถมยังให้ความต้องการและการเสนอเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน นี่เป็นสภาพการณ์ที่ชนะขาดลอยทั้งสองรูปแบบ !

 

ลัวย่าวหัวหันไปมองหยางโปแวบหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า ” เดิมที ฉันรู้สึกว่าธุรกิจนี้ไม่มีอนาคตมากมายนัก เมื่อฟังนายวิเคราะห์แบบนี้แล้ว มันน่าจะต้องมีอนาคตอย่างแน่นอน นายน่าจะบอกฉันให้เร็วกว่านี้นะ ไม่อย่างนั้น ฉันจะได้ลงทุนด้วย หรือไม่ก็ยังสามารถร่วมมือกันขายรูปภาพในอนาคตก็ได้ ! “

หยางโปหัวเราะคิคิออกมา ” ก่อนหน้านั้นฉันก็เคยลากนายมาแล้ว แต่นายไม่ยอมมาเอง อย่ามาโทษฉันเลยนะ ! “

เมื่อมาถึงโรงประมูลจินหลิง ท้องฟ้าก็มืดพอดี หยางโปจึงนั่งรถแท็กซี่ต่อไป จากนั้นก็โทรศัพท์หาบริษัทขนส่ง เพื่อบอกให้มาทำการแลกเปลี่ยนสินค้าในตอนเช้าของวันพรุ่งนี้ ตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว คงจะมองกันไม่เห็นแน่นอน หยางโปก็เลยกลัวว่าบริษัทขนส่งจะมีพิรุธ

 

เมื่อกลับมาถึงบ้าน หยางโปก็ทนเหนื่อยต่อไปไม่ไหว เขาจึงได้รีบขึ้นไปอาบน้ำแล้วเข้านอนในทันที

วันที่สอง หยางโปก็มาถึงร้านค้าตั้งแต่เช้า จากนั้นก็ทำความสะอาดร้านค้าอย่างละเอียดรอบหนึ่ง แล้วใช้ผ้าขี้ริ้วเช็ดโต๊ะและเก้าอี้จนสะอาดอีกครั้ง

9 นาฬิกา บริษัทขนส่งก็มาถึง หยางโปได้นำผลงานชิ้นหนึ่งออกมา แล้วทำการประเมินอย่างละเอียดอีกรอบหนึ่ง หลังจากที่แน่ใจว่าสินค้าไม่มีปัญหาอะไร จึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

วันที่ 8 ค่ำตามปฏิทินจันทรคติ ร้านค้าส่วนย่อยที่ไม่ทำการเปิดมาเป็นเวลานานก็ได้พากันเปิดร้านอย่างฉับพลัน ทำให้เหล่าเพื่อนร่วมเดินทางที่ผ่านถนนเส้นนี้มากมายก็พากันตื่นตกใจมากทีเดียว เมื่อปีที่แล้ว ร้านค้าย่อยเหล่านี้ได้เปรียบเป็นอย่างมาก เถ้าแก่ไม่เพียงแต่จะขายของวัตถุโบราณทั้งหมดไปแล้ว อีกทั้งยังมีการแสดงละครตลกอย่างคึกคักด้านนอกประตูอีกด้วย ต่อมาก็ได้ยินมาว่าพ่อและน้องของเถ้าแก่ต่างก็ถูกจับในข้อหาขโมย เรื่องแบบนี้ ทำให้ทุกคนสนทนากันอย่างสนุกปากกันเลยทีเดียว

 

เพียงแค่หยางโปเปิด ก็มีเพื่อนร่วมเดินทางไม่น้อยพากันเข้ามามุงดูกันอย่างคึกคักแล้ว หยางโปเองก็ได้แต่ปล่อยพวกเขาไป

แต่ หลังจากที่เถ้าแก่ที่มีคนมามุงดูด้วยความคึกคักนั้นเห็นวัตถุของหยางโปเข้า ก็ตะลึงงันไปในทันที

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกัวปาผี ที่เดิมทีตั้งใจจะมามุงดู ได้เห็นผลงานชิ้นเอกมากมายถูกนำออกมาวาง จึงรู้สึกโกรธเคืองขึ้นมาทันที เมื่อคิดๆดูแล้วหยางโปเองก็เคยเป็นเด็กฝึกงานในร้านตัวเองมาก่อน แต่ตอนนี้กลับเหนือชั้นกว่าตัวเองแล้ว อีกทั้งยังไปไกลมากขึ้นเรื่อยๆอีกด้วย ดูเหมือนในตอนที่ตัวเองนั้นมองดูฝีมือที่เหนือชั้นกว่าของ

หยางโป รสชาติความข่มขื่นนี้ เขานั้นยากที่จะแสดงออกมาให้เห็นได้

 

กัวปาผีเดินเตร็ดเตร่อยู่ในร้าน โดยที่ไม่มีผลงานที่ถูกใจอยู่สักพัก จนกระทั่งในตอนที่หยางโปได้นำถ้วยลายครามในรัชสมัยของจักรพรรดิเจียจิ้งขึ้นมาวาง กัวปาผีก็ไม่ได้สนใจที่จะหยิบขึ้นมาดูแม้แต่น้อย เขาทำเหมือนกับตัวเองนั้นก็มีผลงานชิ้นโบแดงอยู่ในมือแล้วยังไงอย่างนั้น

เขาจ้องเขม็งไปทางจานรองที่ทำขึ้นด้วยทองสัมฤทธิ์ใต้ถ้วยลายครามนั้น ก่อนจะหันหน้าไปมองวัตถุอื่นๆอีกครั้ง ด้วยความรู้สึกยินดีปรีดาอยู่ในใจ

” เถ้าแก่หยาง วัตถุทั้งหมดนี้ของนายเป็นของจริงใช่ไหม ? ” กัวปาผีถามขึ้น

หยางโปหันหน้าไปมอง จากนั้นก็พยักหน้า ” แน่นอนครับ ! “

” ชิ้นนี้ไม่ใช่นะ ! ” กัวปาผีหยิบถ้วยลายครามขึ้นมาแล้วยิ้มก่อนจะพูดขึ้น

 

หยางโปหันหน้าไปมอง ก็เห็นถ้วยปั้นลายครามใบหนึ่งอยู่ในมือของเขา ถ้วยปั้นลายครามและถ้วยชานั้นมีขนาดเกือบเท่าๆกัน เพียงแต่ถ้วยที่วางอยู่ในมือนั้น มีปากถ้วยที่บานออกนั้นประสานเข้ากับมือพอดี ดังนั้นจึงถูกเรียกว่าถ้วยปั้นลายคราม เขาเองก็เพิ่งจะได้เห็น ย่อมไม่มีปัญหาอะไรอย่างแน่นอน

” เถ้าแก่หยาง ถ้วยปั้นลายครามชิ้นนี้ ไม่แตกต่างกับชิ้นอื่นหรอก เพียงแต่ว่าอักขระที่เขียนว่า ‘ จักรพรรดิเจียจิ้งในราชวงศ์หมิง ‘ ใต้จานรองทองสัมฤทธิ์ชิ้นนี้ไม่ถูกต้อง ! ” กัวปาผีพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่เบามากนัก ดังนั้นผู้คนมากมายในร้านที่ดูคึกคักแห่งนี้ต่างก็หันกลับมามองเป็นตาเดียว

หยางโปเงยหน้าขึ้นมอง แล้วก็เห็นว่ากัวปาผีจับจานรองถ้วยปั้นลายครามอยู่ในตำแหน่งตรงข้ามกับเขาพอดี จึงได้เห็นตัวอักษร หกตัวที่เรียกกันเป็นวงแหวนว่า ” สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเจียจิ้งในราชวงศ์หมิง “

 

หยางโปจึงอดยิ้มออกมาไม่ได้ ” เถ้าแก่กัว คุณมองอย่างละเอียดอีกครั้งสักหน่อยไหมครับ ? “

กัวปาผียกถ้วยลายครามขึ้นมาจากนั้นก็พูดขึ้นว่า ” ไม่ต้องดูมาก ฉันก็รู้แล้วว่าถ้วยลายครามนั้นมีปัญหาอย่างแน่นอน ! “

หลิวเหลียงอวี่เปิดประตูเข้ามาได้ยินพอดี ก็รีบเดินเข้ามา ก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ ” เถ้าแก่กัว หากความรู้น้อยก็ไม่ต้องพูดจามั่วซั่วให้มากความ เครื่องทองสัมฤทธิ์ชิ้นนี้มีหลายรูปแบบ แต่จานรองชิ้นนี้กลับมีไม่มากนัก บังเอิญว่าวัตถุที่ถูกสร้างขึ้นมาในช่วงสมัยจักพรรดิเจียจิ้งในราชวงศ์หมิงมีถ้วยรองชิ้นนี้อยู่พอดี ” !

 

กัวปาผีรู้ว่าหลิวเหลียงอวี่มีความรู้มากกว่าตัวเอง แต่เขาก็รู้ว่าหลิวเหลียงอวี่และหยางโปนั้นสนิทกันมาด้วย “เถ้าแก่หลิว คุณไม่ต้องมาหลอกฉันเลย!”

“กลับไปอ่านหนังสือหลายๆรอบแล้วค่อยกลับมานะ” หลิวเหลียงอวี่มองไปทางกัวปาผีเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นอย่างจนปัญญา

กัวปาผีหัวเราะเยาะเย้ยท่ามกลางกลุ่มคน ก่อนจะหนีออกไปอย่างอับจนหนทาง !