ภาค 3 บทที่ 160 สถานการณ์พลิกกะทันหัน

Jun Jiu Ling หวนชะตารัก

พริบตาเดียวเทพเซียนปิศาจก็ไถลลงมาถึงท้องฟ้าเหนือเส้นทางภูเขา 

 

มองเห็นว่าถึงเหนือทางภูเขาแล้ว คุณหนูจวินก็ปล่อยมือกระโดดลงมา 

 

“หยุดให้หมด ข้าคือจวินจิ่วหลิง ข้าไม่เป็นไร” พร้อมกันนั้นนางก็ตะโกนอีกครั้ง 

 

ในเวลาเดียวกันนี้เสียงของจินสือปากับเหลยจงเหลียนก็ดังขึ้น 

 

“ทั้งหมดหยุด เป็นคุณหนูจวิน” พวกเขารีบร้อนตะโกนเสียงหนึ่งต่ออีกเสียงหนึ่ง คนก็พุ่งมาข้างหน้าด้วย 

 

กลัวเพียงทหารทั้งหลายที่ยังตื่นตระหนกตกอยู่ท่ามกลางเชือกรัดม้าเหล่านี้จะคิดว่านางเป็นปีศาจโจรภูเขารุมยิงศรจนตาย ทั้งกังวลว่าโจรภูเขาที่ซุ่มซ่อนอยู่รอบด้านจะยิงนางตายด้วย 

 

จินสือปากับเหลยจงเหลียนอยากกระโจนเข้าไปเอาตนเป็นโล่ให้นางยิ่งนัก รีบร้อนจนเหงื่อเต็มศีรษะ เคร่งเครียดเสียยิ่งกว่าตอนที่ไม่พบคุณหนูจวิน ระยะห่างสั้นๆ ช่วงนี้ในสายตาของพวกเขาประหนึ่งอดทนทั้งชีวิต 

 

หลังคุณหนูจวินร่อนลงพื้นกลับไม่ได้วิ่งมาหาพวกเขา กระโดดขึ้นจากพื้นก็พุ่งไปด้านซ้ายของทางเป็นอย่างแรก ค้นหาอะไรกลางหญ้ารกหินระเกะระกะแถบหนึ่ง ชั่วครู่ก็ได้ยินสียงแกรกทีหนึ่ง เชือกที่เลื้อยอลหม่านอยู่ก็หยุดลง 

 

จินสือปากับเหลยจงเหลียนก็พุ่งมาถึงข้างกายนาง หนึ่งหน้าหนึ่งหลังปกป้องนางไว้ตรงกลางทันที ในเวลาเดียวกันก็ยกโล่ระแวงมองรอบด้าน 

 

แม่ทัพใหญ่เผิงในที่สุดก็ได้สติแล้ว 

 

“ปกป้องคุณหนูจวิน!” เขาตวาด ยกธนูหน้าไม้ในมือไปรอบด้าน 

 

เซี่ยหย่งมองเด็กสาวที่พริบตาก็ถูกคนกับโล่บดบังล้อมไว้หายไปจากสายตาแล้วถอนหายใจ 

 

“เขาพูดถูก คนที่ทำการปลูกฝีออกมาได้ไม่ใช่คน” เขาเอ่ย 

 

ถูกมัดไว้ถูกขังไว้ชัดๆ ไม่ต้องพูดถึงสถานที่ขังคน พูดถึงวิธีที่ตนมัดนาง ดิ้นหลุดง่ายดายปานนี้ได้อย่างไร? 

 

ดิ้นหลุดแล้ววิ่งตลอดทางมาที่นี่ได้อย่างไรอีก? ตลอดทางคนมากปานนี้ล้วนไม่มีใครพบนาง? 

 

อีกอย่างนางหาตาข่ายฟ้าพบได้อย่างไร? นอกจากนี้นางยังใช้ตาข่ายฟ้าเป็นด้วย? ยังรู้อีกว่าจะทำอย่างไรให้ตาข่ายดินหยุด 

 

ทำเรื่องมากมายเช่นนี้ในเวลาสั้นๆ ลมหายใจเดียว ในหมู่พวกเขาก็ไม่มีสักกี่คนกล้ารับประกันว่าทำได้ 

 

“หัวหน้าหมู่” คนด้านหลังร่างเอ่ยถามเสียงเบา 

 

เซี่ยหย่งเก็บธนูหน้าไม้ 

 

“ถอย” เขาเอ่ย 

 

ถอย? 

 

คนด้านหลังร่างสบตากันทีหนึ่ง แม้สงสัยแต่ตลอดมาคำสั่งย่อมทำตาม ผู้คนออกจากที่ซ่อนตัวอย่างรวดเร็ว หายไปท่ามกลางป่าเขา 

 

…………………………………… 

 

เด็กน้อยหลายคนที่หมอบอยู่บนพื้นกำเคียวในมือแน่น หญ้าถูกลมพัดไหวส่ายไปมาบนใบหน้าของพวกเขา เด็กๆ ทั้งหลายกลับนิ่งไม่ขยับ 

 

“ลูกกระต่ายทั้งหลายกลัวมากหรือไม่หืม?” 

 

ด้านหลังผู้เฒ่าคนหนึ่งที่แทบไม่เหลือฟันแล้วหัวเราะเอ่ยเสียงเบา ในมือเขากำหอกยาวเล่มหนึ่งไว้ ข้างกายยังวางไว้อีกสิบกว่าเล่ม 

 

“พวกเราไม่กลัวหรอก” เด็กน้อยคนหนึ่งเอ่ยเสียงเบา “ตาเฒ่าเฉานั่นแหละอีกประเดี๋ยวท่านอย่าเปลืองหอกยาวพวกนี้แล้วกัน” 

 

ตาเฒ่าฉีกปากยิ้ม ท่าทางยโสอยู่บ้าง 

 

“ข้าตาเฒ่าเฉาเป็นมือหอกเทพผู้มีชื่อเสียง หอกยาวของข้าร้อยก้าวทะลุใบหลิว” เขาเอ่ย “ตอนนั้นก็อาศัยความสามารถนี้ของข้าบีบโจรจินสามร้อยนายให้ถอยมาแล้ว” 

 

พูดถึงตรงนี้ก็อดไม่ได้สีหน้าเริงร่า 

 

“ตอนนั้นยอดเยี่ยมจริงๆ นั่นถึงเรียกว่าทำสงคราม ท่ามกลางโจรจินไปมาดั่งใจ มือยกดาบร่วงประหนึ่งเกี่ยวข้าว…พวกเจ้าเจ้าตัวน้อยทั้งหลายเหล่านี้น่าเสียดายจริงๆ ไม่ได้เห็นภาพนั้น” 

 

“แต่หลังจากนี้พวกเจ้ายังมีโอกาส รออาจารย์กลับมาก็พาพวกเจ้าออกรบต่อได้” 

 

เด็กน้อยคนหนึ่งหันกลับมามองเขา 

 

“อาจารย์จะกลับมาจริงหรือ?” เขาเอ่ยถาม 

 

สีหน้าของตาเฒ่าที่เดิมทียิ้มร่าเคร่งขรึมลงทันที 

 

“แน่นอน ต้องกลับมาสิ เขาพูดคำไหนคำนั้น” เขาเอ่ย มองเด็กทั้งหลายเหล่านี้ แล้วแย้มรอยยิ้มอีกครั้ง “พวกเจ้าต้องมีโอกาสได้พบอาจารย์แน่ อาจารย์จะพาพวกเจ้าไปสู่ชีวิตที่ดี ไปสังหารศัตรูสร้างคุณงามความชอบ” 

 

เด็กทั้งหลายล้วนเผยใบหน้ายิ้มแย้ม ตาเฒ่าผิวปากทำสัญญาณมืออันหนึ่งให้พวกเขา เด็กทั้งหลายพลันเพ่งสมาธิกำเคียวแน่นอีกครั้งทันที 

 

ตาเฒ่ากำหอกยาวยกขึ้นเหนือหัวไหล่ สายตากวาดผ่านเด็กทั้งหลายเหล่านี้ สีหน้าพึงพอใจ อิจฉาทั้งเศร้าโศก 

 

พวกเขายังเล็ก ยังมีโอกาสรอพบอาจารย์ได้ เขาคงรอไม่ถึงแล้ว 

 

“ป้องกันไม่อยู่รึ?” 

 

มองเห็นพวกเซี่ยหย่งถอยกลับมา ผู้คนที่หมอบอยู่ในร่องน้ำสีหน้าตกตะลึง 

 

มองเห็นความตกตะลึงของพวกเขา เซี่ยหย่งยิ้มขมขื่นอีกครั้ง 

 

“คุณหนูจวินหนีไปแล้ว” เขาเอ่ย 

 

ผู้คนตะลึงงันทันที 

 

“เป็นไปได้อย่างไร?” 

 

“พวกเราไม่เห็นเลย” 

 

กำลังถกกันอยู่ ภรรยาของเซี่ยหย่งพลันวิ่งมาจากด้านหลัง 

 

“ไม่ดีแล้ว ไม่ดีแล้ว คุณหนูจวินหายไปแล้ว” นางตะโกนอย่างตระหนก 

 

จนตอนนี้เพิ่งค้นพบ เซี่ยหย่งถอนหายใจไม่ได้เอ่ยวาจา 

 

มองเห็นคนเหล่านี้ไม่ได้ตื่นตระหนก แต่สีหน้ายุ่งยากมองนาง ภรรยาของเซี่ยหย่งก็ยิ่งวิตก 

 

“ข้า ข้าไม่รู้ว่านางหนีไปได้อย่างไร…” นางเอ่ย ร้อนใจจนอยากร้องไห้ออกมา 

 

เซี่ยหย่งส่ายศีรษะให้นาง 

 

“พวกเรารู้แล้ว นี่ไม่โทษเจ้า” เขาเอ่ยแล้วมองไปทางคนอื่น “ตอนนี้ทุกคนรู้ว่าคุณหนูจวินคนนี้ร้ายกาจเท่าไรแล้วสินะ” 

 

“พูดเช่นนี้ ที่นี่ของพวกเราสำหรับนางแล้วช่องโหว่มากมาย ไปมาดั่งใจ” เสียงของหยางจิ่งดังมาจากด้านหลัง 

 

ผู้คนรีบมองไป มองเห็นไม่ใช่แค่หยางจิ่งยังมีสตรีนางหนึ่งด้วย ฉับพลันวุ่นวายทันที 

 

“เจ้ามาได้อย่างไร?” 

 

“พวกท่านทำไมยังไม่ไป?” 

 

ทุกคนเอ่ยถามสับสนวุ่นวาย สีหน้าร้อนรน 

 

“ในเมื่อนางร้ายกาจปานนี้ เจ้าคิดว่าพวกเรายังหนีรอดได้หรือ?” นางเอ่ยเสียงอ่อนโยนแล้วยิ้มมองทุกคน “นอกจากนี้ข้าเองจากไปมีความหมายอะไร มาด้วยกันย่อมต้องไปด้วยกัน” 

 

พูดถึงตรงนี้ก็หัวเราะแล้ว 

 

“ไปไม่ได้ก็ไปไม่ได้สิ” 

 

คำพูดนี้ทำให้ผู้คนทำหน้าไม่ถูก ยังมีผู้หญิงหลายคนเช็ดน้ำตา 

 

“พี่สะใภ้ ครั้งนี้ล้วนเป็นข้า…” เซี่ยหย่งเอ่ย 

 

“ไม่ต้องพูดเรื่องเหล่านี้แล้ว ไม่ใช่ยังไม่ถึงท้ายที่สุดหรือ?” นางเอ่ยขัดเขา 

 

เซี่ยหย่งพยักหน้า 

 

“ใช่ ไม่ผิด” เขาเอ่ย “ยังไม่ถึงท้ายที่สุดเลย” 

 

ผู้คนทั้งหลายเพิ่งกำลังจะรับคำสั่ง นางก็เอ่ยปากขึ้นอีก 

 

“ไม่สู้ให้ข้าลองดูก่อนเถิด” นางเอ่ย 

 

ทุกคนอึ้งมองไปทางนาง 

 

“ข้ารู้สึกว่าคุณหนูจวินคนนี้น่าจะพูดจาด้วยง่าย” นางเอ่ย “พวกเราขอขมานางสักหน่อย…” 

 

คำพูดของนางยังพูดไม่จบก็ถูกเซี่ยหย่งขัดแล้ว 

 

“หลังจากนั้นเล่า? จับพวกเราไปอยู่ในคุกหรือ?” เขาเอ่ย เสียงแหบสากอยู่บ้าง “หลังจากนั้นก็เหมือนเสือดาวน้อยถูกขังตายอยู่ในห้องขังเช่นนั้นหรือ?” 

 

คำพูดนี้ทำให้ทุกคนเงียบงันไปครู่หนึ่ง สีหน้าของผู้หญิงก็ปรากฏความเศร้าสร้อย 

 

“พี่สะใภ้ใหญ่ พกวเราที่ไหนก็ไปไม่ได้ พี่ใหญ่บอกให้พวกเรารออยู่ที่นี่ พวกเราตายก็ตายอยู่ที่นี่” เซี่ยหย่งเอ่ยต่อ “ไม่ให้เขากลับมา หาพวกเราไม่พบ” 

 

เขาพูดจบก็ยกธนูหน้าไม้ขึ้น 

 

“เตรียมแนวป้องกันแนวที่สอง” 

 

เสียงตอบรับดังระงม มีเสียงบุรุษเสียงคนชราแล้วก็มีเสียงสตรี หลังเสียงขานรับ ผู้คนก็ประหนึ่งสายน้ำกำศาสตราวุธแยกย้ายกันไป 

 

หมู่บ้านภูเขาทั้งหมดตกสู่ความเงียบไปหมดอีกครั้ง 

 

ความเงียบสงบนี้ทำให้คนหายใจลำบาก  

 

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไรด้านหน้าจึงมีเสียงนกร้องเสียงหนึ่งลอยมา ได้ยินเสียงนกร้องนี่ หอกยาวเล่มหนึ่งก็โผล่ออกมาจากในป่า แต่ครู่ถัดมาคนที่กำหอกยาวก็ตะลึงไป 

 

“ไม่ถูกต้อง เสียงนี้ไม่ถูกต้อง” เขาพูดกับตนเอง 

 

และคนมากยิ่งกว่าข้างหลังก็ได้ยินแล้ว สีหน้าเปลี่ยนเป็นสงสัยเช่นกัน 

 

“บอกว่าเข้ามาแล้ว แต่ก็บอกว่าประหลาด หมายความว่าอะไร?” พวกเขาพากันถกเถียงกัน 

 

มีเด็กน้อยคนหนึ่งวิ่งมาจากถนนประหนึ่งบิน กระโดดเข้ามาในร่องน้ำ 

 

“ทหารพวกนั้นไม่ได้ถืออาวุธ” เขาหอบหายใจ เสียงละอ่อนเอ่ยขึ้น 

 

ไม่ถืออาวุธ? หมายความว่ายังไง? 

 

………………………………………. 

 

“นี่หมายความว่าอย่างไร?” 

 

เซี่ยหย่งแนบร่างกับยอดเขา ยื่นศีรษะมองไปอย่างระมัดระวัง มองเห็นคนที่เดินอยู่บนเส้นทางภูเขา ด้านหน้าสุดก็คือคุณหนูจวิน ส่วนด้านหลังร่างนางเป็นทหารแถวแล้วแถวเล่า ขบวนแถวของพวกเขาเข้มงวดกวดขันทำให้คนพรั่นพรึง แต่ดาบหอกศรหน้าไม้ในมือล้วนไม่เห็น 

 

ไม่เพียงไม่มีอาวุธ กระทั่งเกราะก็ถอดแล้ว 

 

พวกเราคิดจะทำอะไร? 

 

ความคิดแล่นผ่าน ก็เห็นบุรุษคนหนึ่งที่เดินอยู่ข้างกายคุณหนูจวินกระแอมหนักๆ ทีหนึ่ง 

 

“ชาวบ้านทั้งหลาย พวกเรามาขอบคุณพวกเจ้า” เขาตะโกนเสียงดัง “ขอบคุณพวกเจ้า กวาดล้างโจรมีคุณงามความชอบ” 

 

เซี่ยหย่งหวิดหกคะเมนลงมาจากยอดเขา 

 

อะไรนะ?