บทที่ 272
เขาพูดอย่างเร่งรีบ“ไม่กล้า ไม่กล้า!”
“เจ้าวางใจได้เถอะ แก๊งสี่ตระกูลใหญ่นั้นได้ถูกทำลายไปแล้ว!”
ในเวลานี้
เสือขาวเอากระดาษหนังสือพิมพ์ของเช้านี้ โยนไปให้เขา
เฉินตงหยิบขึ้นมาอ่าน
ในหนังสือพิมพ์หน้าแรกก็พบเห็น
หัวข้อข่าวใหญ่ที่ถูกพาดอย่างชัดเจน——สี่ตระกูลใหญ่ถูกโค่นทำลายแล้ว!
เมื่อเห็นดังนั้น เขาตกใจช็อกเป็นอย่างมาก
ภายในระยะเวลาคืนเดียว หยางเฟิงนั้นสามารถที่จะทำลายแก๊งสี่ตระกูลใหญ่ได้อย่างไร?
มีอำนาจที่น่ากลัวขนาดนี้เลยหรือ?
เมื่อคิดถึงตอนนี้ ภายในใจของเขาตอนนี้ได้ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
เฉินตงถามอย่างตื่นเต้น“ถ้าอย่างงั้นสำนักหงของข้า ก็สามารถกลับไปที่เมืองหู้ไห่ได้แล้วน่ะสิ?”
สี่แก๊งตระกูลใหญ่ได้ถูกทำลาย
นั่นก็เพราะสำนักหงของพวกเขา ตอนนี้ได้แย่งชิงเมืองหู้ไห่กลับมาได้แล้ว
เสือขาวพูดอย่างเยือกเย็น“เจ้าไม่ต้องกลับเมืองหู้ไห่แล้ว ท่านแม่ทัพพูดว่า ที่เมืองหู้ไห่นั้นไม่ต้องการกำลังสีเทาอีกแล้ว”
“อะไรนะ? ข้า…”
เมื่อได้ยินข่าวดังนี้
ใบหน้าของเฉินตงเปลี่ยนเป็นสีซีดไร้เลือด
เมืองหู้ไห้ไม่ต้องการกำลังสีเทาอีกแล้ว
ถ้าอย่างงั้นก็พูดว่า สำนักหงก็ไม่มีความหวังที่จะต้องกลับไปยังเมืองหู้ไห่แล้วน่ะสิ?
เขาได้ช่วยหยางเฟิงกำจัดแก๊งเขียว และกำจัดแก๊งฟ้าดิน
อีกทั้งยังสูญเสียกำลังพลไปอีกกลุ่มหนึ่ง
แต่ทว่าในวันนี้กลับต้องมาพบกับจุดจบที่ว่างเปล่า?
ข้าอยากจะต่อต้าน!
ข้าอยากจะล้างแค้น!
แต่เมื่อได้เห็นสายตาอันเยือกเย็นของเสือขาว แรงใจแรงสู้ของเขานั้นก็ได้ดับไปในทันที
เฉินตงรู้ดีว่า
หากถ้าเขาต่อต้าน
ในเวลาตอนนี้เขาก็จะถูกเสือขาวกำจัดทิ้ง!
เสือขาวพูดคำรามเบาๆ“ยังไงสะ ท่านแม่ทัพก็ได้พูดไว้แล้ว เขาได้เห็นเจ้านั้นลงแรงกายอย่างหนักเป็นอย่างมาก เขาจะยอมย้ายอุตสาหกรรมของสำนักเทพมรณะที่ซิงโจวไปให้กับสำนักหงของต่างประเทศ”
เมื่อได้ยินดังนี้
เฉินตงก็ได้แสดงใบหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อออกมา
หลังจากนั้น
เขาก็ตื่นเต้นก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้น ก่อนจะกล่าวขอบคุณพร้อมคารวะ “ขอบคุณ คุณหยาง!”
เทียบกับเมืองหู้ไห่
อุตสาหรกรรมของซิงโจว มีกำไรที่มากมายมหาศาลกว่า
หากเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมของสำนักเทพมรณะ ในพื้นที่ของซิงโจว นั้นแทบจะไม่ต้องเอาออกมาพูดถึง!
พระเจ้าเท่านั้นที่รู้
ว่าสำนักเทพมรณะของหยางเฟิงนั้น สรุปแล้วมันมูลค่าทรัพยากรเท่าไหร่กัน
……
เครื่องบินที่บินจากจินหลินมายังที่ตงไห่
“ขอโทษนะที่รัก”
“สำหรับครั้งนี้ ตอนแรกผมว่าจะพาคุณมาเที่ยวเล่นที่จินหลิน กลับกลายเป็นว่าไม่ได้พาเที่ยวเล่นอะไรเลย”
ในที่นั่งเฟิร์สคลาส หยางเฟิงพูดอย่างรู้สึกเสียใจในการกระทำของตน
เย่เมิ่งเหยียนพูดพลางยิ้ม “ไม่เป็นไรหรอก! อย่างน้อย ฉันก็ได้กินขนมหวานของจินหลินนะ ”
เมื่อได้ยินดังนี้
เธออดไม่ได้ที่จะยิ้มหัวเราะออกมา
ในเหม่ยเหว้ยเซวียนครอบครัวของจ้าวเทียนหลงคุกเข่าต่อหน้าหยางเฟิง
อีกทั้งในตอนก่อนจะไป หยางเฟิงยังหลอกจ้าวเทียนหลงอีก
ได้เอาของที่แพงที่สุดในร้านเหม่ยเหว้ยเซวียน ที่มีมูลค่าสิบล้านกว่าบาท อีกทั้งเอาเหล้าเหมาไถไปอีกด้วย
เย่เมิ่งเหยียนมองแต่ทว่าไม่ได้โกรธใดๆ ก่อนจะเอ่ย “ใช่แล้ว! อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของแก๊งฟ้าดิน คุณจะจัดการอย่างไรหรอ?”
รอบนี้ที่แก๊งฟ้าดินถูกทำลาย ทรัพย์สินอุตสาหกรรมสีขาวมากมายมหาศาลตกมาอยู่ในมือของหยางเฟิง
หยางเฟิงนั้นไม่ได้มีความสนใจในธุรกิจ เขาจึงได้โอนธุรกิจสีขาวทุกอย่างไปให้เย่เมิ่งเหยียนแทน
เย่เมิ่งเหยี่ยนเอ่ย “ฉันได้บอกพ่อของฉันแล้วนะ พวกเขาจะส่งคนมาจัดการ ที่จะทำให้กิจการสีขาวนั้น เปลี่ยนมาเป็นของบริษัทย่อยของ เฟิง เมิ่ง กรุ๊ป ใน เมืองจินหลิน”
สำหรับการมาเมืองจินหลินนี้ เย่เมิ่งเหยียนกลับได้รับสมบัติมากมาย
ไม่เพียงแต่ได้ลิ้มลองขนมหวานของเมืองจินหลิน อีกทั้งยังได้บริษัทย่อยมาอีกหนึ่งบริษัทด้วย
ทำให้บริษัทของเฟิง เมิ่ง กรุ๊ปนั้น ได้มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดขึ้นอีก
หยางเฟิงพยักหน้า แต่ไม่ได้เอ่ยอะไร
ยังไงสะ เรื่องนี้เขาก็เบื่อที่จะไปจัดการดูแล เลยให้เย่เมิ่งเหยียนและพ่อตาของเธอดูแล
ขณะเดียวกัน
ในช่วงที่กำลังอยู่ในช่วงการเดินทางไปที่ตงไห่
รอบตัวที่เต็มไปด้วยรอยเลือด และเฉ่าปิ่งที่กำลังหลบหนีอย่างจนตรอก
เขาได้รับคำสั่งของเฉินป้าเซียน ให้นำ ให้นำนักฆ่าอัจฉริยะฝีมือดีกว่าห้าร้อยคน ให้บุกไปลอบสังหารพ่อตาแม่ยายของหยางเฟิง!